ความคิดเห็นที่ 1 |
"ท่านอารัน ท่านอารัน"
อารัน มาลิคลืมตาขึ้น ชั่วนาทีแรก เขาจำไม่ได้ว่าตนอยู่ในที่ใด ความฝันกับความจริงปะปนรวมกันจนสับสนเลอะเลือน อารันรู้สึกถึงแรงหัวใจกระหน่ำเต้นในอก เขารู้สึกถึงความกลัว เหงื่อเยือกเย็นยังคงเปียกทั่วแผ่นหลัง ความฝันยังคงเป็นความจริง
ครั้นแล้ว ชายหนุ่มจึงค่อยรู้สึกตัว ภาพรอบกายเริ่มคุ้นตา...กระโจมของเขา เตียงนอนของเขา ห่อผ้าสัมภาระ เครื่องม้า โต๊ะตัวเล็ก เก้าอี้ หนังสือเอกสารราชการ อาวุธ เสื้อเกราะ
อารันลุกขึ้นนั่งที่ขอบเตียง นายทหารคนสนิทเลิกประตูกระโจมเข้ามา ครั้นเห็นนายลุกแล้วจึงเร่งคำนับโดยไว
"ท่านอารันให้ข้าปลุกแต่เช้า"
"ข้าจำได้" ชายหนุ่มโบกมือ "ไปเถอะ...ข้าแต่งตัวเองได้"
ข้างโต๊ะเล็กมีหีบอยู่ใบหนึ่ง บนหีบนั้นมีกระจกทองเหลืองตั้งไว้...ความหรูหราเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งอารันมิได้ทิ้งไป เขามองตนเองในกระจกแวบหนึ่ง ก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่น ...ดึงเสื้อมาสวม ทับด้วยเกราะหนังปุขนสัตว์ ใส่รองเท้าสูงครึ่งแข้ง และสวมถุงมือ
อารันมีเส้นผมสีทอง ดวงตาสีเขียว ใบหน้าคมสัน ปรกติแล้วเป็นคนมีปฏิภาณพูดจาสนุกสนาน มักแลดูเป็นคนมีอารมณ์ดี เขาชอบความหรูหรา ชอบสิ่งสวยงาม ที่จริงมีภาพลักษณ์ของนักปราชญ์ชาญฉลาดเจ้าคารมมากกว่านักรบ หากว่าอยู่ที่บ้าน อารันจะพิถีพิถันการแต่งตัวมากกว่านี้ จะรัดผมยาวนั้นด้วยห่วงทองคำ คาดรัดเกล้า เลือกเสื้อผ้าอันเรียบง่ายทว่ามีรสนิยม คนทั้งปวงโดยเฉพาะหญิงสาวเห็นว่าอารันเป็นคนสง่างามยิ่งนัก เขาเองก็ทราบความจริงนั้น และมีความพอใจ
แต่อารันไม่ได้เป็นดังที่คนเห็นเสมอไป บางครั้งบางคราว...เช่นเวลานี้ เขาก็ออกมานอกเมืองหลวง ใส่เสื้อเกราะคาดดาบ ใช้ชีวิตสมบุกสมบัน ใช้นาม "อารัน มาลิค" ซึ่งไม่ใช่ชื่อจริงของตน และออกไล่ล่าตามคำสั่งเบื้องบน
อารันประจำอยู่ในกองทัพของวิหาร มีหน้าที่ซึ่งจารึกไว้ในหลักทองคำว่า "ผู้พิทักษ์พยากรณ์"
มีสิ่งมากมายที่ต้องทำลาย ไม่ให้เกิดขึ้น ไม่ให้มีอยู่ ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนเสียขวัญกำลังใจ เช่น ต้องล่าและฆ่าคนมีปีก สืบค้นและปิดปากคนที่เอ่ยทำนายเรื่องราวความเสียหายต่าง ๆ รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งวิหารเห็นว่าเป็นสิ่งซึ่งไม่สมควรให้คนทั่วไปรู้ เรื่องทั้งปวงอันจะระคายต่อความมั่นคงทั้งของวิหารและของแผ่นดิน อารันเห็นว่าตำแหน่งนี้ที่จริงแล้วคือตำแหน่งสำหรับรักษาอำนาจของวิหารไว้ เขาไม่เชื่อคำพยากรณ์ไม่ว่าดีหรือร้าย ถึงอย่างนั้น อารันก็มีผลประโยชน์ในสิ่งที่วิหารทำ เขาจึงไม่มีอะไรจะมาคัดค้านหน้าที่ของตน และไม่เคยทำอะไรขัดแย้งให้วุ่นวายเลย
อารันคาดเข็มขัดดาบ เขามองตนเองในกระจกเงาอีกครั้ง ความฝันกำลังจะจางไปแล้ว...กำลังเลือนหายและกลายเป็นสิ่งไม่สลักสำคัญ กระนั้น ท่ามกลางความไร้สาระเช่นฝันทั้งปวง อารันก็ยังคงเห็นความจริงซุกซ่อนอยู่ภายใน เคยมีคนบอกเขาว่า ฝันก็คือความจริงหรอก...มันปิดบังห่อหุ้มสิ่งที่จริงยิ่งกว่าความจริงทั้งปวงไว้ภายใน หากว่าสามารถเห็นทะลุไปได้ หากว่าสามารถตีความ ก็จะอ่านลึกได้ถึงส่วนลึกในใจตน
ในฝันของเขามีค้างคาว แต่อีกทีหนึ่ง ไม่ทราบว่าทำไม อารันรู้สึกว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ค้างคาว เขาเห็นมันเป็นสุนัขป่า เป็นเสือ เขาเห็นดวงตาที่มองมาเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง ดวงตาซึ่งปราศจากคำพูดนั้นบอกคำพูดนับพันให้เขาได้ยิน บอกความจริงที่เขาไม่ต้องการทราบ ดวงตาดังกล่าวมองทะลุไป เห็นสิ่งที่อารันต้องการลืม
...เธอไม่ได้เป็นของเจ้า...
...เธอเป็นของข้า...
...เธอไม่ได้รักเจ้า แต่แรกมา เจ้าใช้วิธีฉ้อโกงหลอกลวง เธอชังเจ้า อารัน มาลิค เธอเป็นของข้า...
เธอเป็นของข้าตลอดไป ชั่วกาลนาน ชั่วกาลนาน
อารันเลิกกระโจมออกไปข้างนอก ลมหนาวรุนแรงพัดอู้มา เขาทอดสายตามองบ้านเมืองเบื้องล่าง และเงยหน้าขึ้น มองเขาฟ้าร้องเบื้องบน เขานั้นไม่ใหญ่โตนัก ทว่าทอดตัวเป็นแนวยาว ปกคลุมด้วยป่าทึบ บนยอดสุดมีหิมะตลอดปี
"เอาม้ามา" อารันบอกคนสนิทตน "ข้าจะลงไปที่เมือง"
เขามาล่าจิ้งจอกที่เขาฟ้าร้อง แต่แผนการผิดหลาด จิ้งจอกหนีหายไป มันหนีไปพร้อมนางจิ้งจอกตัวเมีย...นางจิ้งจอกนกต่อที่หักหลังเขา ตอนนั้นมันลงเหวไปทั้งคู่ เหวตัดสูงชัน ต้องใช้ความพยายามเป็นวันจึงตามลงไปได้ ครั้นไปถึงแล้ว กลับพบว่าเหลือแต่ร่องรอย จิ้งจอกตัวผู้และจิ้งจอกตัวเมียล้วนจากไป นางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก รู้จักการอำพรางตน แต่เขารู้ดีว่าหากทำเป็นว่าตนจากไปแล้ว และวางคนรออยู่ที่เมือง นางจิ้งจอกย่อมกลับไปรังตน มันเป็นนางจิ้งจอกอ่อนเยาว์ มิได้มีถ้ำโพรงมากมายเลย
เขาจะฆ่าไอ้จิ้งจอกปีกค้างคาว และจะฆ่านางจิ้งจอกเสีย ทำหน้าที่ของตนในฐานะผู้พิทักษ์พยากรณ์
และบางที...หลังจากนั้น เขาอาจจะได้รับการปลดปล่อยจากความฝันชั่วร้ายกระมัง
| จากคุณ |
:
ลวิตร์
|
| เขียนเมื่อ |
:
10 ก.ย. 52 23:30:12
|
|
|
|