Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มู่จิ่นฮัวซีเยว่จิ่นซิ่ว  

เรื่องย่อ มู่จิ่นฮัวซีเยว่จิ่นซิ่ว (มู่จิ่น(แซ่)ฮัวแห่งประจิม จิ่นซิ่ว จันทรา)


โดย...ห่ายเพียวเสว่



เมิ่งอิ่ง นางเอกของเรื่อง เรียนจบ MBA จากอังกฤษ เข้าทำงานในบริษัทดังติดอันดับ 500 บริษัทแรกของจีน อยู่ในเซี่ยงไฮ้ แต่งงานมาแล้ว 5 ปี สามีชื่อ อวี๋ฉางอาน ต่างคนต่างทำงานแล้วออกค่าเช่าคอนโดหรูในตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ด้วยกัน

วันหนึ่ง เมิ่งอิ่งกลับจากไปออกงานต่างจังหวัดเร็วกว่ากำหนดด้วยใจที่ห่อเหี่ยว เพราะการเจรจาเซ็นสัญญาล้มเหลว เธอจึงกะจะรีบกลับมาเซอร์ไพรส์สามีให้สบายใจขึ้น

กลับมาถึงคอนโดตอนเที่ยงคืน เมิ่งอิ่งไขกุญแจแทนการกดกริ่ง เพราะเห็นว่าดึกแล้ว แต่กลายเป็นว่าเธอได้เข้าไปพบสามีกำลังเล่นรักอยู่กับชู้ที่เป็นหญิงสาววัยรุ่นอายุน้อยกว่าเธอมากอยู่บนเตียงที่เป็นเตียงวิวาห์ของเธอกับสามี...

ด้วยความโกรธจัด เมิ่งอิ่งก้าวพรวดออกจากคอนโดลงไปที่ชั้นล่างโดยไม่สนใจเสียงเรียกด้วยความตกใจของสามี แล้วก้าวออกไปที่ถนนโดยไม่ดูทาง จากนั้นถูกรถที่แล่นสวนมากะทันหันชนตาย...



เมิ่งอิ่งถูกยมทูต หน้าม้าหัววัว พามาสู่นรก ผ่านแม่น้ำแห่งความตายสู่ทุ่งดอกไม้ตรงไปยังสถานที่ซึ่งท่านท้าวมัจจุราชจะทำการตรวจดูความดีและความเลวที่ทำมาในชั่วชีวิต ระหว่างที่เดินผ่านทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่ ท้องฟ้าที่อึมครึมก็สว่างวาบแล้วแยกตัวออกจากกัน จากนั้นรถกรงขังนักโทษคันหนึ่งก็เหาะลงมาจากฟ้าที่เปิดออกนั้นโดยมีเทพรูปงามสี่องค์ในชุดเกราะสีขาว แดง เขียว ฟ้าถืออาวุธยืนคุมอยู่ทั้งสี่ทิศ ผู้ที่อยู่ในรถนักโทษ คือชายหนุ่มรูปงามอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน หน้าตางดงามมากจนแยกเพศได้ไม่ชัดเจน ผมสีดำยาวสลวยลงมาถึงเข่า สวมเสื้อสีดำ มีโซ่เหล็กและกุญแจมือเท้าพันธนาการเอาไว้ทั้งตัว นัยน์ตาสีม่วงทรงอำนาจ ตลอดร่างแผ่รัศมีประหลาดที่ทำให้ดอกไม้ใบหญ้าตามรายทางที่ผ่านฟากหนึ่งเติบโตผลิบาน ส่วนอีกฟากหนึ่งเหี่ยวเฉา

เมิ่งอิ่งถามหน้าม้าหัววัวว่าคนที่ถูกขังอยู่นั้นคือใคร หน้าม้าหัววัวตอบว่า คือ จื่อเวยเทียนหวาง (ชื่อตำแหน่ง เจ้าสวรรค์จื่อเวย) ชื่อเดิมว่า จื่อฝู เป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งสวรรค์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยการรวมพันธุกรรมของเซียนและปิศาจเข้าด้วยกัน นัยน์ตาสีม่วงนั้นมีแต่ปิศาจเลือดบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะมีได้ เนื่องจากเลือดปิศาจในตัวที่เข้มข้นเกินไปทำให้จื่อเวยเทียนหวางควบคุมสัญชาตญาณปิศาจในตัวไม่อยู่ กลายเป็น จื่อซาง ทรยศต่อเง็กเซียน สังหารเหล่าเทพบนสวรรค์และยึดครองเหล่าเทพธิดาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วยังคิดตั้งตัวเป็นใหญ่แทนที่เง็กเซียน เมื่อถูกทัพสวรรค์ไล่ล่า ก็หนีลงไปอาละวาดยังโลกมนุษย์ จนจตุรเทพ มังกรเขียว เสือขาว เต่าดำ ยูงแดง ร่วมมือกันตามลงไปจับกุมตัวเป็นเวลาถึงร้อยกว่าปีกว่าจะจับตัวมาลงโทษได้

ระหว่างที่รถคุมขังนักโทษแล่นผ่าน เหล่ายมทูตพากันคุกเข่าลงแสดงความเคารพต่อจตุรเทพ เมิ่งอิ่งจึงพลอยคุกเข่าลงด้วย แต่ก็แอบเงยหน้าขึ้นมองจื่อฝู ตอนนั้นเอง จื่อฝูได้หันมามองนาง แล้วคลี่ยิ้ม

รอยยิ้มนั้นเหมือนเหมือนแม่ทัพที่ชนะศึกกลับมายิ้มให้ชาวเมืองที่มารอต้อนรับสองฟากถนน ดูไม่เหมือนนักโทษที่กำลังถูกคุมขังรอการพิพากษาแม้แต่น้อย

การที่อยู่ๆ จื่อฝูก็หันมาจ้องที่เมิ่งอิ่งแล้วยิ้ม ทำให้จตุรเทพพลอยสงสัยและหันมามองด้วย เมิ่งอิ่งจึงรีบก้มหน้าลงด้วยความตกใจ หลังจากนั้นรถคุมขังจื่อฝูก็แล่นผ่านไป

ท้าวมัจจุราชตัดสินว่าเมิ่งอิ่งทำความดีมามาก จะได้ไปเกิดใหม่เป็นคุณหนูตระกูลผู้ดี เสพสุขไปชั่วชีวิต ให้ไปที่สะพานที่สาม (มีสะพานที่จะพาไปเกิดใหม่ทั้งหมดหกสะพาน แบ่งตามความดีเลวที่ทำ)

บนสะพาน มีแม่เฒ่าซึ่งถูกเรียกว่า “เมิ่งผอ” (แม่เฒ่าเมิ่ง) ยืนอยู่ คอยส่งชามน้ำแกงให้แก่วิญญาณที่ผ่านขึ้นสะพานมาตนละหนึ่งถ้วย เพื่อให้ลืมอดีตชาติให้หมดก่อนที่จะไปเกิด

ระหว่างที่รอให้ถึงคิวของตัวเอง จตุรเทพได้คุมตัวจื่อฝูผ่านไปยังสะพานที่หก ซึ่งจะไปเกิดเป็นเดรัจฉานชั้นต่ำ เช่น แมลง หรือสัตว์น้ำจำพวกหอย กุ้ง ปลิงทะเล ฯลฯ

แล้วก็ถึงคิวของเมิ่งอิ่งจนได้ หญิงสาวเพิ่งจะรับถ้วยน้ำแกงมาดื่มไปได้อึกเดียว ก็มีมือมาคว้าคอเอาไว้กะทันหันตามด้วยเสียงร้องตะโกนเอะอะ จากนั้นชามน้ำแกงในมือของนางก็โดนแย่งไป ปรากฏว่าคนที่มาคว้าคอนางไว้คือจื่อฝูนั่นเอง จื่อฝูได้เหาะจากสะพานที่หกที่ตัวเองต้องข้ามมายังสะพานของนาง แย่งชามน้ำแกงของนางไปดื่มขณะที่มือคว้าคอนางไว้ จตุรเทพรีบตรงเข้ามาบอกให้จื่อฝูปล่อยนาง ร้องด่าว่าจื่อฝูยังคิดจะทำชั่วเปลี่ยนชะตาชีวิตของวิญญาณหญิงตนนี้(เมิ่งอิ่ง)ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลยอีกรึ เมิ่งอิ่งรีบบอก ใช่ๆ นางไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยสักนิด แต่จื่อฝูเพิ่มแรงบีบคอหนักขึ้นจนนางพูดต่อไม่ออก จากนั้นหันไปบอกจตุรเทพว่า ให้ไปเกิดใหม่คนเดียวมันเงียบเหงาสิ้นดี เขาจะเอานางไปเป็นทาสรับใช้คอยปรนนิบัติเขาด้วย จากนั้นกระโดดไปที่สะพานไหนไม่รู้ ทำท่าจะข้ามไป เมิ่งอิ่งก็ร้องในใจว่าเฮ้ย อุตส่าห์จะได้ไปเกิดเป็นคุณหนูเสพสุขไปทั้งชาติกับเขาสักที ดันมาโดนหมอนี่ลากคอตามไปเกิดเป็นแมลงวันเป็นปลิงทะเลหรือเนี่ย ไม่เอานะ แถมยังต้องมาปรนนิบัติปลิงทะเลอีกตัวด้วย จื่อฝูก็หัวเราะ บอกว่าใครบอกว่าข้าจะไปเกิดเป็นเดรัจฉานกัน

แต่แล้วขณะที่จื่อฝูกำลังจะไปถึงสะพานที่เล็งไว้ จตุรเทพเสือขาวก็ปล่อยพลังเทพใส่ ทำให้พลาดเป้า ไปลงสะพานไหนไม่รู้

เมิ่งอิ่งมารู้สึกตัวอีกที ตัวเองก็คลอดออกมาแล้วในบ้านที่ดูเก่าโทรมเหมือนบ้านของชาวนา แถมจากการที่พอเกิดมาก็รู้ความและจำเรื่องในชาติก่อนได้ครบ ทำให้นางรู้ว่าเป็นเพราะนางดื่มน้ำแกงของเมิ่งผอไปแค่ชามเดียว

ความคิดของเมิ่งอิ่งยังไม่ทันสิ้นสุด ก็ได้ยินเสียงผู้ใหญ่ร้องอย่างตกใจ จากนั้นเด็กทารกเพศหญิงอีกคนก็ถูกนำมาวางที่ข้างกายนาง ทารกเพศหญิงนัยน์ตาสีม่วงเหมือนจื่อฝู และเกิดมาก็ไม่ร้องไห้ แต่หัวเราะอย่างร่าเริงเหมือนชอบอกชอบใจ...

เมิ่งอิ่งตกใจมากและร้องไห้จ้าทันทีที่ได้พบว่าตัวเองดันเกิดมาเป็นฝาแฝดกับจื่อฝู ไม่ต้องคิดเลยว่าชะตากรรมหลังจากนี้ไปของนางจะเป็นอย่างไร แต่มีอย่างหนึ่งที่นางข้องใจ ทำไมจื่อฝูถึงได้เกิดมาเป็นผู้หญิงล่ะ ?

มาเกิดใหม่ครั้งนี้ พ่อของมู่จิ่นเป็นนักศึกษายากจน ส่วนแม่เป็นทาสสาวแสนสวยนัยน์ตาสีม่วงจากซีอวี้ที่พ่อซื้อตัวมา (ซีอวี้คือดินแดนตะวันตกของจีน ชาวซีอวี้จะเป็นแขกขาว และในเรื่องจะมีตาหลายสี ทั้งสีฟ้า เขียว แดง ม่วง)

พ่อในชาติใหม่นี้แซ่ ฮัว และตั้งชื่อให้เมิ่งอิ่งที่เป็นลูกสาวคนโตว่า ฮัวมู่จิ่น ส่วนแฝดคนน้องที่เป็นจื่อฝูมาเกิด พ่อตั้งชื่อให้ว่า ฮัวจิ่นซิ่ว



แน่นอนว่ามู่จิ่นแค้นจิ่นซิ่ว(จื่อฝู)มากที่ทำให้นางต้องมาเกิดเป็นลูกนักศึกษายากจน แทนที่จะได้เกิดเป็นคุณหนูลูกผู้ดีเสพสุขไปชั่วชีวิตตามชะตาชีวิตที่ควรเป็นแต่เดิม แถมพ่อนางยังเป็นแบบคนจีนแท้ที่อยากได้ลูกชาย ไม่ค่อยอยากได้ลูกสาวอีกด้วย

เมื่อเริ่มพูดได้ มู่จิ่นไม่รอช้าที่จะบอกจิ่นซิ่วว่า จิ่นซิ่วคือจื่อฝูกลับชาติมาเกิด และเล่าเรื่องตอนอยู่ในนรกให้ฟัง แต่จิ่นซิ่วเอาแต่ทำหน้างง ไม่รู้เรื่อง จำอะไรไม่ได้เลย แสดงให้เห็นว่าน้ำแกงเมิ่งผอสองชามที่จื่อฝูดื่มลงไป(ของจื่อฝูเองหนึ่งชาม ของเมิ่งอิ่งอีกชาม)ออกฤทธิ์ดีมากแค่ไหน ถึงอย่างนั้นมู่จิ่นก็ยังไม่ยอมแพ้ พยายามตีจิ่นซิ่วเพื่อให้แสดงสันดานร้ายๆ ของปิศาจออกมา แต่กลายเป็นว่ามู่จิ่นโดนพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้านมองว่าถูกปิศาจเข้าสิงเสียเอง และถูกจับไปมัดไว้กับต้นไม้ ปล่อยให้อดอาหารสามวันเพื่อไล่ปิศาจ ไม่ว่าพ่อแม่ของมู่จิ่นจะขอร้องยังไง คนในหมู่บ้านก็ไม่ฟัง แล้วตอนนั้นเป็นหน้าหนาว มู่จิ่นเองก็ยังเล็กมาก

ในตอนที่มู่จิ่นหิวจนหมดสติไป จิ่นซิ่วได้แอบมาหา เอาอาหารมาให้พร้อมกับช่วยคลายเชือกที่มัดให้ แล้วร้องไห้บอกว่าให้มู่จิ่นกินให้อิ่นก่อน แล้วจะตีนางยังไงนางก็ไม่ว่า ระหว่างที่มู่จิ่นกินอาหารที่จิ่นซิ่วแอบเอามาให้ จิ่นซิ่วก็พูดพลางร้องไห้พลางว่าแม่ร้องไห้ตาบวมจะบอดอยู่แล้ว พ่อก็เหมือนกัน ขอให้มู่จิ่นรีบๆ หายดี แล้วถึงนางจะตายไปก็ไม่เป็นไร

คืนนั้นมู่จิ่นนอนร้องไห้อยู่กับอกของจิ่นซิ่ว โดยบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นเพราะตื้นตันใจหรือทอดอาลัยกับชีวิตในชาตินี้ของตัวเอง

เมื่ออายุได้สี่ขวบ มู่จิ่นก็ทำใจได้กับการมีคนที่ไม่รู้ว่าควรจะเรียกว่าจื่อฝูหรือจิ่นซิ่วดีเป็นน้องสาว

เมื่ออายุได้ห้าขวบ แม่ของสองพี่น้องก็ล้มป่วยและตายจากไป เมื่ออายุได้หกขวบ พ่อของสองพี่น้องก็เริ่มสอนหนังสือให้ทั้งสอง และมู่จิ่นมีความสามารถผ่านตาไม่ลืมเลือน เรียนหนังสือเก่งและไปได้เร็วกว่าจิ่นซิ่วมากชนิดทาบกันไม่ติด (แน่นอนว่าความทรงจำในชาติก่อนมีส่วนช่วยอย่างมาก) จิ่นซิ่วจึงกันไปสนใจงานบ้านและการเย็บปักถักร้อยแทน เป็นเด็กผู้หญิงที่นุ่มนวลอ่อนโยน

จากคุณ : Linmou
เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 52 04:07:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com