Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ไม่ปะติดปะต่อ  

วันนี้เป็นอีกวัน ที่ฉันมีความสุขดี ฉันอยู่กับตัวเอง
ตามลำพัง คืนนี้ช่างดูว่างเปล่า ฉันยังไม่อยากนอน ฉันเฝ้านึกถึงสิ่งต่างๆ ที่ผ่าน มันช่างน่าขันเสียจริง วันเวลามันย้อนกลับมาไม่ได้เหมือนความนึกคิด และคำนึงถึง พรุ่งนี้จะเป็นวันใหม่ที่สดใสกว่าเดิมหรือเปล่า หรือมันเป็นเพียงสิ่งที่ฉันเคยจับต้องมาแล้ว ฉันรู้สึกปกติดีอยู่แล้ว ช่วงนี้ฉันเดียวดาย ฉันไม่ได้มีใครเหมือนวันก่อนๆ ที่ผ่านมา มันทำให้ฉันรู้สึกโล่ง ทั้งๆ ที่ ฉันไม่มีอะไรทำ นอกจากสภาวะที่ฉันอยู่คนเดียว กับอีกสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่เคยได้ละทิ้งมันเลย ฉันดื่มเป็นประจำทุกครั้งที่ฉันรู้สึกซาบซึ้งในชีวิต ฉันยิ้มด้วยใจ ใช่ยิ้มเพียงแค่มุมปาก ฉันนั่งหัวเราะเพียงคนเดียว กับห้องแคบๆ และหน้าจอสว่างๆ ที่มันทำให้ตาฉันสั้นลงทุกที ทุกที ฉันชอบหันไปมองอดีต ที่มันรวบรวมสภาพของความรู้สึกนั้นแทบจะทั้งหมด ฉันดื่มมันแล้วมันเล่า มันไม่เคยพอ และไม่มีวันแหลกสลาย ฉันคุยกับมันได้ทุกเรื่องราว ฉันภาวนาให้คืนนี้มันจบลงด้วยดี เพราะฉันจะได้เริ่มวันใหม่ในอีกครั้ง วงจรของฉัน ดูเหมือนว่ามันจะซ้ำๆ และเวียนวน มันไม่มีอะไรเลย มันว่างเปล่า มันเหมือนกล่องที่ว่างเสียจน มีแมลงเข้าไปพักอาศัยได้ ฉันไม่เคยได้ทำความสะอาดมัน มันนานมาแล้ว ฉันไม่ฝืนมันอีก ฉันปล่อยให้ฉันดำเนินไป อย่างที่ฉันเป็นฉันเสียดีกว่า พอกันที่กับความดิ้นรน ของชีวิต ปล่อยมันไป สักวันมันอาจจะเป็นไปในแนวทางที่ฉันพอใจก็เป็นได้ ฉันอยากดื่ม
(มีเพียงอดีตที่ฉันสัมผัสได้ อดีตที่ฉันรำลึกเสมอ ทุกครั้ง)
สายลมที่พัดหวน ในคืนที่มืด แต่ยังมีแสงไฟริบหรี่ ที่สาดส่อง ออกมาจากด้านล่างของช่องประตูที่ปิดสนิท เป็นแสงไฟสีนวลตา มันมาจากหลอดไฟ ขนาด 60 วัตต์ ดูราวกับว่า ทิศทางของไฟมันจะส่องขึ้นไปทางด้านบน ของพนังห้อง และสูงไปจนถึงเพดาน กลิ่นอายของควันบุหรี่ มันคละคลุ้ง ตลบอบอวนอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ห้องที่ไม่มีแม้กระทั่ง ช่องระบายอากาศ หน้าต่างไม่สามารถเปิดได้ เพราะถูกล๊อคด้วยกุญแจอย่างแน่นหนา เสียงไอดังออกมาเป็นระยะๆ แล้วเงียบไป มันเป็นอย่างนี้ทุกชั่วข้ามคืน บุหรี่มวนแล้วมวนเล่า ถูกดับและปักลง ไปในกองบุหรี่ที่มีเพียงก้นกรอง นับร้อยๆ มวน เสียงเพลงดังจากข้างใน ออกมาก คละกันไปตามความรู้สึก ทั้งฝรั่ง คันทรี ร๊อคแอนด์โรล ยุคซิ๊กตี้ และยันไปถึงยุคปัจจุบัน มันหลากหลาย แต่มันก็วนเวียนอยู่อย่างนั้น ประตูที่ปิดมิดหลังจากที่เขาได้เข้าห้องไปแล้ว เขาสร้างความฝันภายใต้จินตนาการ ที่ไม่มีวันสิ้นสุด เขาเฝ้านึกถึงเรื่องอดีต มันทั้งดี และเลวร้าย น้อยมากที่เขาจะนึกถึงเรื่องราวในอนาคต เขาสถิตมันอยู่อย่างนั้น ทุกชั่วคืนวัน เสียงหัวเราะดังพอๆ กับเสียงร้องไห้ สะอื้นมันอยู่ลึกๆ ในลำคอ แต่มันเป็นเสียงที่เจ็บปวดพอๆ กับการสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ไม่มีใครได้เห็นน้ำตาของเขานานแล้ว เขาเข้มแข็งทุกสภาวะ ยิ้ม และหัวเราะกับสิ่งรอบข้าง แต่ใครจะเข้าใจ และลึกซึ้ง ยามเขาลำพัง และโดดเดี่ยว เขาชอบบ่นเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ จนดูน่ารำคาญ เขาจึงจมปักอยู่กับตัวเอง เขามี เบียร์ บุหรี่ และสุรา เป็นเพื่อน ยามที่เขาไม่มีใคร และต้องการเข้าใจในตัวเอง ชีวิตของเขาแทบจะไม่มีสีสีนอะไร เพราะเขาไม่เคยต้องการมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะการดิ้นรน มันหมายถึงการที่เขากำลังเดิน หนีจากตัวเขาเอง เขาพอใจเท่าที่มีอยู่ แม้ว่าเขาจะรำพึงรำพันในสิ่งที่ไม่เคยสัมผัส ใช่ว่า อยากจะได้สิ่งนั้นจริงๆ มันเป็นเพียงความอยากชั่วครั้งคราว เขาไม่ต้องการให้ใครมาเข้าใจ เพราะการที่เขาจะเข้าใจใครสักคน มันยากเหลือเกิน เขารับได้แค่เพียงบางส่วน แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด เขาไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้ แต่มันเป็นอย่างนี้ หรือว่าเขาไม่ได้พยายามในมัน หรือเพราะเขาขาดสิ่งที่เรียกว่า “รวมทุกข์สุข” วันเวลามันได้เปลี่ยนไปแล้ว มันคือชีวิต เขาคือสิ่งที่มีชีวิต เขาไม่ได้ถูกยึดติดกับสิ่งใด ไม่ได้หลงไปกับกาลเวลา แต่มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ทว่าลึกแล้ว มันยังคงเป็นเขาอยู่
เสียงหัวเราะของเพื่อน รอยยิ้ม ช่างจริงใจเสียจริง หลายครั้งที่เขาเองพยายามสร้างความสนุกสนาน ให้กับหมู่เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน และคนรอบข้าง ความน่าละอาย ท่าทางทุเรศๆ น้ำเสียงแปล่งๆ หัวเราะดังเกินความจำเป็น คำพูดในบางครั้ง เขาสำนึกมันเมื่อสาย และในบางเวลาเขาหวนนึกถึงมันอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกอย่างแท้จริง


วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา 1.01 น. ทั้งๆ ทีไม่มีอะไรทำ จึงจำใจต้องทำ ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ มันเหมือนยิ่งห่างไกลขึ้นทุกที เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง มีชื่อว่า a day อ่านเพราะมันอยู่ในห้องน้ำ หยิบมันมาอ่านทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดจะอ่านมันด้วยซ้ำ เพราะไม่ชอบอ่านหนังสือ พลิกไปพลิกมาไม่ปะติดปะต่อกัน แต่ไปสะดุด อยู่ตรงประโยคสั้นๆ มันเขียนไว้ว่า “เราพยายามให้ มากกว่าเอา” คิดทันทีเลย มันคือความจริง มันสื่อให้เราเห็นมุมมองที่แท้จริงของชีวิต คนบางคนเกิดมาเพื่อที่จะเป็น คนบางคนเกิดมาเพื่อเป็น
มันต่างกันตรงที่ ”จะ” กับ “เป็น” มันต่างกันคนละขั้วเลย มันไม่มีความเหมือนกัน แม้เพียงสักนิดเดียว
เรา "ให้” หรือ “เอา” มันขึ้นอยู่แค่ตรงนั้น ถ้าเรา “พอใจ”
เราใส่ใจ ถ้า “ไม่พอใจ” ไม่ใส่ใจ มันต่างกัน
ขอบคุณสำหรับประโยคที่กะทัดรัด แต่เปี่ยมล้นไปด้วยความหมายที่หลากหลาย
บางครั้งคนเรามองข้าม กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต การที่เราหวนคิด ถึงเรื่องราวในอดีต เอาให้มันครบทุกรสชาด บางคนนั่งขำ บางคนร้องไห้ และบางคนรู้สึกสะอิดสะเอียน กับมัน นั่นตัวเราเองมิใช่หรือ บ่อยครั้งที่เราสมเพชตัวเอง และคิดว่า เราไม่ควรทำอย่างนั้น ไม่ควรเกิดกับเรา มันไม่ควรเกิดขึ้น และมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก โกหกตัวเองอีกครั้ง เพราะมันน่าสมเพช ตั้งแต่หัวจรดเท้า อยากตบหน้าตัวเองแรงๆ
ให้มันรู้สึกว่า กูจะไม่สัญญา อะไรกับตัวเองอีก
แล้วมันจะได้อะไรกลับมาไม่มีหรอก ตบอีกครั้งแรงๆ
1.28 น. เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เราไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไร อยากเขียนไดอารี่ แต่มันขัดกับความรู้สึกทางด้านอารมณ์ อีกนัยหนึ่ง คือ ไม่ชอบเหมือนใคร แท้จริงแล้ว การเขียนหนังสือ คือ เริ่มจากอะไรก็ได้ เขียนอะไรก็ได้ ที่อยากเขียน และมันออกมาจากความรู้สึกอย่างแท้จริง เคยเหมือนกัน เขียนด่าเพื่อนพี่ชาย เขียนว่า “ไอ้เอี้ย” สั้นๆ เขาได้อ่านมัน แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไร เพราะตัวหนังสือ มันตัวโต และมันเอียงๆ คดไปคดมา มันมาจากลายมือ เด็ก 8 ขวบ แต่ตอนนั้นเราเขียนออกมาจากใจจริงๆ เราไม่ชอบขี้หน้า แต่เขากับเห็นเป็นเรื่องตลก คำว่า “ไอ้เอี้ย” ไม่มีความหมายถ้าเด็กเป็นผู้เขียน หรือเปล่งเสียงออกมา
ตอนแรกที่เริ่มหัดเขียนหนังสือ ก็เริ่มจากบันทึกเรื่องราวของตัวเอง และผู้หญิง ผู้หญิงจะเยอะหน่อย เพราะ “บ้า” ผู้หญิง เขียนถึงเหล่า นารี อยู่ 2-3 ปี ดูเหมือนว่า พวกเธอจะไม่กลับมาจริงๆ ก็เลยเลิกเขียน แต่ก็ยังมิวาย ให้เขียนอยู่เรื่อย เพราะมันมีคนใหม่มาอยู่เสมอ แต่ทุกวันนี้ไม่เขียนแล้ว เพราะพวกเธอ มีผัวหมดแล้ว ดูๆ ไปแล้วมันก็เหมือนไดอารี่ เหมือนกัน เพียงแต่เรื่องที่เขียน ไม่ใช่เรื่องวันนี้ มันคือเรื่องในอดีต อยากเขียนเรื่องฮาฮา แต่เขียนให้ฮา มันยาก เล่าให้ฟังมันก็ยาก ต้องดื่มสักหน่อย มันจะได้ลื่น
พูดถึงเรื่องดื่ม มีอยู่ช่วงนึงดื่มทุกวัน ดื่มอยู่คนเดียว แรกๆ มันก็แปลกๆ ทำใจยาก ไม่มีเพื่อนสนทนา ได้ยินแต่เสียงตัวเอง พอหลายๆ ครั้งเข้า ก็เริ่มชิน ยังดีที่มีเสียงเพลง คอยรบกวนรูหู เราจะเริ่มจากอะไรดี เริ่มจากจุดศูนย์ศูนย์ ปักมันตรงกลาง ปักมันตรงที่นุ่มๆ ปักมันลึกลงหน่อย มันจะได้ไม่ล้ม ลมพัดแรงจัง มันเอนไหว ก็เลยปักมันลงลึกไปอีกหน่อย ลมพัดมา ไม่ไหวแล้ว หมาวิ่งชน มันไหวอีก ปักใหม่ให้ลึกลง
อีกนิด มันสั้นลงเหลือเพียงนิดเดียว ลม และหมาไม่มีผลกระทบ คนเดินมาเตะมัน มันก็ไหว ที่นี้ก็เลยกดให้มันจมลงไปเลย จะดีกว่า แล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย คิดได้ว่า ทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง หรือเราทำมันไม่ถูกที่ถูกทาง ผลที่ได้ คือไม่มีอะไร มันศูนย์ศูนย์

จากคุณ : อู๊ด
เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 22:32:04 A:58.9.189.7 X: TicketID:179278




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com