Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เมื่อมนุษย์กลายพันธุ์กลับบ้าน  

การกลับบ้านของมนุษย์กลายพันธุ์

นี่ฉันเป็นมนุษย์แน่หรือเปล่านะ...

ผมคิดในขณะที่กำลังมองใบหน้าของตัวเองอยู่ในกระจกร้าวข้างถนน  หลังจากเกิดเรื่องขึ้นมา  ตัวเองก็ไม่ได้มองกระจกอะไรที่ไหนเลย แต่ตอนนี้...

หนึ่งวัน...  ผมคิด...  เพียงแค่วันเดียวหลังจากที่เกิดเรื่องราวต่างมากมายขึ้นมา  มันเกิดขึ้นและจบลง  แต่สิ่งที่เกิดขึ้น  มันส่งผลให้ผมต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองไปตลอดกาล

ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์พันธุวิศวกรรม  ที่ต้องค้นคว้าโครงสร้างทางชีววิทยาประหลาดๆอยู่ตลอดเวลา  และที่นี่คืองานแรกหลังจากเรียนจบของผมเอง

“อ้าว นิว มาแล้วหรือ”  เสียงของเพื่อนผมดังขึ้นในที่ทำงานใต้ดินซึ่งอยู่ใต้สถานีกักกันขนาดใหญ่  ที่นี่แม้แต่คนระดับประธานาธิบดีก็ไม่มีสิทธิ์เหยียบ  เพราะว่ากันว่า  ที่นี่คือที่วางไข่หรือแพร่พันธุ์ของมนุษย์ต่างดาวที่แวะมา  และจากไปอย่างไร้สาเหตุ

“ที่นี่มีความชื้นสูงกว่าบริเวณอื่นๆมาก  นอกจากนี้  ยังมีธาตุเหล็กลอยอยู่ในอากาศสูงกว่าที่อื่นอีกด้วย”   นายทหารสวมเสื้อนอกและกางเกงลายพรางพูดอย่างขึงขัง  ในขณะที่ผมกับนักวิจัยอีกหลายคนกำลังจดบันทึกอยู่

“เราจึงต้องคุมกันที่นี่  ไม่ให้ใครมาเหยียบแม้แต่รายเดียว  เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อต่างๆได้ง่ายแล้ว ยังมีความเป็นไปได้ว่า  บริเวณที่อยู่เหนือขึ้นไปนี้  คือแหล่งแพร่พันธุ์ขนาดใหญ่ของมนุษย์ต่างดาว”

“ทำไมถึงได้มั่นใจขนาดนั้นล่ะครับ” เพื่อนผมถามอย่างสงสัย

“คำตอบคือภาพจากกล้องวงจรปิดที่เราจับได้เมื่อสองถึงสามวันก่อน” เขาตอบ พลางกดปุ่มลงบนแป้น ปรากฏภาพของจานแบนๆสีดำที่คงจะมองไม่เห็นเลย  ถ้าไม่มีดวงจันทร์กับแสงของกล้องที่ปรับเป็นมองแบบกลางคืนเอาไว้

“จากภาพ  เราพอมองเห็นได้ว่ามีตัวประหลาดวิ่งลงมาจากยานซึ่งไม่ระบุสัญชาตินี้  ก่อนที่ยานลำนี้จะหายไป”   นายทหารตอบ

“หน้าที่ของพวกคุณคือ  ตรวจสอบสถานที่ๆน่าจะเป็นแหล่งของพวกมัน  โดยการใช้ความรู้ทุกอย่างที่มีในตัวของคุณเท่าที่จะเป็นไปได้”

(แล้วพวกเราไปเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย)  ผมถามอย่างหงุดหงิด  หลังจากที่เดินออกมาจากห้องประชุมใต้ดินแห่งนี้ ทั้งๆที่เพื่อนนั้นตบไหล่และพูดติดตลกว่า

“เอาน่า  อย่างน้อยๆเราก็พอมีประโยชน์ตอนจับมนุษย์ต่างดาวได้นา  จะได้จับสับ  ล้าง  หั่น  มันตามสะดวกเพื่อศึกษาไงล่ะเพื่อน”

ผมยิ้มฝืนๆ  มันก็จริง  แต่ถ้าพวกมันเป็นมิตร  ก็คงไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้  แค่ขอผิวหนังของพวกมันดีๆก็คงพอไหว

ผมในตอนนี้กำลังเดินเข้ามาในพื้นที่พักชั่วคราวซึ่งสร้างขึ้นมาอย่างหยาบๆในใต้ดิน  ห้องนี้มีที่นอนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ครบครันเพื่อศึกษาทุกอย่าง  ผมซึ่งตอนนี้อยากนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ตามประสาคนคิดถึงครอบครัวของตัวเอง

ผมเปิดข้อมูลในคอมพิวเตอร์และทักทายพ่อแม่ของตัวเองก่อน  ดูท่านจะสบายดี  ก่อนที่จะส่งเมล์ไปหาภรรยาที่ตอนนี้อยู่ในบ้านของตัวเอง  ผมยิ้มน้อยๆเมื่อส่งคำหวานไปหาเธอ  นึกในใจว่าเธอจะทำหน้ายังไงนะ  ถ้าผมส่งคำหวานจนน้ำตาลเยิ้มแบบนี้  ผมส่งคำทักทายไปหาเพื่อนสองถึงสามคนที่ทำงานในสำนักงานเดียวกัน  แต่ไปคนละที่

ผมปิดคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็วเมื่อทำในสิ่งที่อยากทำครบแล้ว  ก่อนที่จะล้มตัวลงนอน  โดยไม่รู้ตัวเลยว่า  ทำไมตัวเองถึงง่วงนอนง่ายแบบนี้   ทั้งๆที่เราก็นอนดึกตลอดนี่นา

สิ่งต่อมาที่ผมรู้คือ  ผมนอนอยู่ในห้องมืดขนาดใหญ่ที่ดูไม่ใช่สถานีวิจัยที่ผมอยู่แน่ๆ  ห้องนี้มืดมาก  จนผมไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลยนอกจากความมืดเท่านั้น  สิ่งแรกที่ผมทำคือ  คลำกำแพงไปมาเพื่อวัดความกว้างของห้องตามนิสัยของคนที่คิดไว  จนกระทั่งผมแตะประตูห้องที่เย็นเฉียบเหมือนเหล็ก  แต่ดูเป็นประตูที่ประหลาดมาก เพราะสิ่งที่ผมสัมผัสได้คือ  ท่อเหล็กกลวงๆที่เอามาต่อกันด้วยยางเหนียวจนแข็งแรงเหมือนกาวตราช้าง  ทำให้ประตูนี้ดูขรุขระและดูเหมือนประตูไม้ไผ่ในสมัยก่อนไม่มีผิด

จนกระทั่งเมื่อดวงตาของผมชินกับความมืดและเพ่งมองดูประตูให้ชัด ผมก็พบว่าประตูนี้ไม่ใช่ประตูธรรมดา  แต่มันถูกเชื่อมจนแข็งแกร่ง ประตูเหล็กนี้ยังมีเซนเซอร์จับความร้อนอยู่รอบๆประตูเพื่อจับความเคลื่อนไหวของคนในนี้อีกด้วย

สิ่งแรกที่ผมคิดคือ  ที่นี่จะต้องเป็นรังของสิ่งมีชีวิตที่ลงมายังโลกมนุษย์อย่างไร้สาเหตุ  และพวกเขาน่าจะมีวิวัฒนาการที่ลำสมัยอีกด้วย  สังเกตจากห้องที่สร้างขึ้นจากเหล็ก  และยังมีความหนาจนผมไม่สามารถฟังความเป็นไปในห้องข้างๆได้เลย

ผมถูกกักขังมานานแค่ไหนแล้วนะ  แล้วทุกคนที่อยู่ในสถานีวิจัยจะเป็นอย่างไรบ้างนี่  อาจจะถูกจับมาเหมือนผม  หรืออาจจะถูกฆ่าไปแล้วด้วยซ้ำ  แค่ผมจินตนาการถึงสถานีวิจัยที่เต็มไปด้วยเลือด  ผมก็รู้สึกสยองขวัญจนตัวสั่นด้วยความกลัว  แต่ผมกลับห้ามใจตัวเอง  และมองดูรอบๆ  มองหาโอกาส

ฉับพลัน  ประตูเหล็กสั่นสะเทือนเล็กน้อย  และแยกออกเป็นสอง  เปิดให้เห็นแสงสว่างจ้าที่ทำเอาผมแสบตา  ร่างอันน่าขยะแขยงของสัตว์ร้ายตัวหนึ่งจับผมเอาไว้  ตามด้วยตัวที่สอง  ตัวที่สาม  พวกมันจับแขนและขาของผม  สิ่งแรกที่ผมเห็นคือมือและแขนใหญ่ที่เชื่อมด้วยเหล็ก  แต่ภายในชั้นเหล็กที่เชื่อมนิ้วห้านิ้วและมือที่เป็นเหล็กคือเนื้อและกล้ามเนื้อที่ดูเหมือนน้ำ  และก่อนที่ผมจะได้เห็นใบหน้าของพวกเขา  มือข้างหนึ่งจับผมเอาไว้  ความรู้สึกที่มีเข็มเล่มใหญ่แทงที่ไหล่พุ่งเสียดขึ้นมาในมโนสำนึก  สติสัมปชัญญะ
ค่อยๆจางหาย  และหายไปอย่างรวดเร็วอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อผมฟื้นขึ้นมา  ผมก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้สีดำ  เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ดูดุร้ายยืนอยู่ตรงหน้าผมสองถึงสามตัว  และสิ่งที่ผมเห็นอย่างแรกคือใบหน้าของพวกเขาที่เป็นเหล็กสีดำมันวาว  ดวงตาทั้งสองข้างของพวกเขาเป็นสีเทาอ่อนและดูกลมโตกว่ามนุษย์และไม่มีตาขาว  กรามของพวกเขายื่นออกมาเหมือนสุนัข  แต่สิ่งที่จะเป็นปาก  กลับกลายเป็นหนวดแข็งๆสีฟ้าเยิ้มๆเหมือนแมลงยื่นออกมาจากช่องว่างของหน้ากากเหล็ก  ร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าผมนั้นใหญ่โตและดูน่าเกรงขาม  เพราะพวกเขานั้นดูเหมือนจะเชื่อมร่างกายของตัวเองด้วยเหล็กและเครื่องจักร  แขนของพวกนี้ตัวหนึ่งนั้นมีปืนกลรูปทรงกระบอกติดอยู่ที่แขนทั้งสองข้าง  ร่างกายของพวกมันนั้นดูใหญ่โตก็จริง  แต่เนื้อในที่แท้จริงของพวกเขานั้นผอมมีแต่กระดูก  ดูเหมือนแมลง

เสียงกรอกแกรกของพวกมันดังขึ้น  ฟังดูเหมือนภาษามนุษย์  แต่ฟังออกค่อนข้างยาก  เพราะฟังเหมือนกับพูดกลั้วคอมากกว่า

“พวกแก...จับฉันมาทำไม”  ผมถามพลางเงยหน้าขึ้นมาดูอย่างเหนื่อยอ่อน  คงเป็นเพราะผมสลบไปนานมาก

“พวกเราจับแกมาเป็นหนูทดลอง  เพื่อชาติของพวกเรา...ที่กำลังจะล่มสลาย”  เกราะแมลงที่ติดปืนกลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเดิม

“หมายความว่าไง”  ผมถามพลางเงยหน้าขึ้นมากกว่าเดิม  เพื่อให้มองเห็นให้ชัด

“พวกเรา...เคยอยู่บนดาวที่อุดมสมบูรณ์  คล้ายๆกับดาวของพวกเจ้าในสมัยก่อนที่พวกเราเคยมาสำรวจ”  แมลงในชุดเกราะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ  “แต่ดวงดาวของพวกเรากำลังจะหายไป  ด้วยสาเหตุเดียวกับที่นี่...ในตอนนี้”

ตัวประหลาดเดินไปมาอย่างร้อนใจ  เหมือนกับมีสิ่งที่ไม่เป็นไปตามคาดของพวกมัน  เหล่าบริวารของเขาต่างรู้สึกได้  จึงนิ่งเงียบ  และฟัง

“ด้วยพวกมนุษย์ที่โง่เขลา  พวกเราจึงไม่อาจมีที่อยู่ได้อีกต่อไปแล้ว  และอารยธรรมของพวกเรากำลังจะหายไป...ตลอดกาล”  มันถอนหายใจดุจพวกมันไม่พอใจ  ก่อนที่จะหันมาทางผม  และแสยะยิ้มออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ

“แต่พวกเรา  ไม่ห่วงเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว”  แมลงพูดด้วยน้ำเสียงสูงอย่างยินดียิ่ง  “เพราะพวกเรา...ได้ฝากเมล็ดพันธุ์ซึ่งจะสืบต่อเป็นพวกเรา...ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่า”  มันโน้มตัวลงมา  ผมได้กลิ่นเหม็นเน่าของศพผสมกับกลิ่นปฏิกูลในใต้ดิน  มันทำเอาผมเบ้หน้าหนีอย่างรวดเร็ว

“เป็นไงล่ะ  กลิ่นของพวกข้า...เหม็นใช่ไหมล่ะ  แต่ไม่เป็นไร  อีกเดี๋ยว  แกก็เป็นเหมือนพวกเราแล้ว”

คำพูดสุดท้ายทำเอาผมสะดุ้งและตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว  เสียงสั่งดังขึ้นเมื่อมันถอนสายตาไปจากผม

“เอาตัวมันไปขังในกรง  รอจนกว่ามันจะกลายพันธุ์”

“ปล่อยฉัน!!  ปล่อย!!”  ผมร้องลั่นในขณะที่ถูกแขนทั้งสองข้างรัดไว้  และถูกลากเข้าไปในกรงขังอีกครั้งหนึ่ง  ผมถูกโยนลงไปที่ห้องขัง  ก่อนที่ห้องจะมืดสนิทเหมือนที่มันเคยเป็น  ผมรีบลุกขึ้นมาและคลำไปรอบๆที่นั่นเหมือนจะหากลไกเปิดประตู  แต่ไร้ผล  ดูที่นี่จะมืดเหมือนความคิดของผมตอนนี้  ความคิดที่ไม่มีทางใดจะหนีไปจากที่นี่ได้  และไม่มีทางใด  ที่จะทำให้ผมดิ้นรนจากความไม่ใช่มนุษย์ในอีกไม่นานนัก

ผมคลำทางไปมาเหมือนพยายามหาทางออก  ผมเริ่มรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาอีก  แต่นั่นเป็นปัญหาเล็กที่สุดสำหรับผมในตอนนี้  ผมพยายามจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากข้างนอก  แต่ที่นี่ดูเงียบสนิท  ไม่มีความหวัง  ไม่มีอะไรเลย

เวลาผ่านไปสองถึงสามชั่วโมง  หรืออเวลาผ่านไปนานเท่านั้นหรือเปล่าผมก็ไม่รู้  ในที่สุด  ผมก็ยอมแพ้  และนั่งลง  เอามือชันเข่า  พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เผลอร้องไห้ออกมา  ทำไมผมไม่ทำอะไรให้เร็วกว่านี้  ในเมื่อผมมีโอกาสอยู่ตั้งเยอะตั้งแยะก่อนหน้านี้  ถ้าผมย้อนเวลาได้  ผมจะ...

“เอาละ  เอาตัวอย่างเลือดของมันออกมา”  เสียงของใครบางคนดังก้องขึ้นในความมืด  ก่อนที่ประตูจะเปิดออกอีกครั้ง  สร้างแสงจ้าเข้ามา  และร่างของแมลงตัวหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ชุดเกราะก็ก้าวเข้ามาในห้อง  ทำให้ผมได้ช่องที่จะหนี  แต่ผมไม่ทำในทันที  ผมนั่งนิ่งๆอย่างรวดเร็ว  ทำเหมือนจำยอม

“เอาแขนมา”  มันสั่งด้วยน้ำเสียงขลุกขลักเหมือนเคย

ต่อในกระทู้ถัดไปเลยครับ

จากคุณ : littlediplomat101
เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 52 17:17:43




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com