ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นก็ขอเกริ่นที่มาที่ไปของฟองดูกันหน่อยค่ะ มองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์แล้ว ว่ากันว่า ตำหรับอาหารแนวๆนี้มีมาตั้งแต่โบร่ำโบราณทีเดียว โดยหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดคือ เรื่องราวมหากาพย์อีเลียดของโฮเมอร์ ที่มีการกล่าวถึงการทำซอสจากพรามนอสไวน์ ชีสนมแพะและแป้ง ไว้ด้วย (Scroll 11; lines 629-645) ส่วนฟองดูแบบที่รู้จักกันในปัจจุบันนั้นสันนิษฐานว่าเกิดขึ้นมาจากการที่ขนมปังหรือชีสนั้นเมื่อเก็บไว้นานๆเข้าก็กลายเป็นก้อนแข็ง ทานลำบาก จึงมีคนคิดทำฟองดูขึ้น จากชีสที่แข็งโป๊ก เมื่อนำมาอุ่นกับไวน์แล้ว ก็จะละลายเป็นซอสเข้มข้น ขนมปังที่แห้งผากจนแทบกลืนไม่ลงนั้น เมื่อจุ่มลงในซอส ก็จะนุ่มชุ่มฉ่ำ เมนูนี้จึงเป็นที่นิยมเรื่อยมา เนื่องจากลักษณะการรับประทานเป็นการทำอาหารในหม้อกลางที่ทุกๆคนทำอาหารไปร่วมกันจึง มักจะรับประทานกันครั้งละหลายๆคน ยิ่งทานกันในฤดูหนาวก็เป็นโอกาสอันดีที่จะได้มานั่งล้อมวงผิงไฟคลายหนาว ทานฟองดูอุ่นๆ และสรวสเสเฮฮากัน เวลารับประทานนั้นจะใช้หม้อดินที่เรียกว่า caquelon ตั้งบนเตาไฟเล็กๆ หรือ rechaud การทำฟองดูนั้นง่านนิดเดียว เพียงใช้ส้อมจิ้มอาหารลงจุ่มในซอสหรือน้ำมันหรือซุปร้อนๆในหม้อ อาหารที่นิยมนำมาจิ้มมักจะเป็นขนมปังต่างๆ ตลอดจนเนื้อสัตว์ ส่วนซอสนั้นที่นิยมก็คือการใช้ชีสชนิดต่างๆมาละลายจนข้นเหนียว ส้อมที่นิยมใช้ก็คือส้อมที่มีการออกแบบพิเศษ เป็นส้อมเล็กๆ มีด้ามจับยาว เพื่อให้สะดวกกับการจุ่มลงไปในหม้อร้อนๆที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะ รูปเจ้าส้อมที่ว่า *แก้ไขเพิ่มเติมตามคำแนะนำของคุณ scottie ค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 23:49:04 แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 23:46:03 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:02:02

ความคิดเห็นที่ 2 คำว่าฟองดูนั้นเพี้ยนมาจากคำกิริยาในภาษาฝรั่งเศสคำว่า fondre ที่แปลว่าทำให้ละลาย (to melt) ที่มี กิริยาช่องสามคือ fondu (melted) เรื่องที่มาของฟองดูนั้นจริงๆเหมือนจะไม่มีหลักฐานแน่ชัด ส่วนใหญ่เชื่อกันว่า เริ่มขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างไกลความเจริญ ในเขตเทือกเขา Alps ในสวิส ส่วนทำไมอาหารสวิสมีชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสนั้นเชื่อกันอยู่หลายกระแส คาดกันว่า เมื่อฟองดูกลายเป็นอาหารหลักของชาวสวิสในฤดูหนาว ต่ออาหารตำรับนี้จึงได้รับความนิยมกว้างขวางขึ้นโดยแพร่เข้าไปในประเทศข้างเคียงคือ ประเทศออสเตรียและลิกเทนสไตน์ทางตะวันออก อิตาลีที่อยู่ทางใต้ เยอรมัน ทางเหนือ และประเทศฝรั่งเศสซึ่งมีบริเวณโอบล้อมอยู่ทางฝั่งทิศเหนือและตะวันตก เนื่องจากฝรั่งเศสเป็นชาติที่คลั่งไคล้เกี่ยวกับอาหารการกิน จึงสันนิษฐานว่าชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ให้ชื่ออาหารจานนี้ว่า ฟองดู นอกจากนี้ คนที่ได้ชื่อว่านำเจ้าฟองดูนี่เผยแพร่ไปสู่สายตาชาวโลกก็คือชาวฝรั่งเศสที่ชื่อ คุณ Jean Brillat-Savarin Jean Brillat-Savarin ได้หลบหนีออกจากประเทศฝรั่งเศสเมื่อครั้งปฏิวัติฝรั่งเศส และได้ไปใช้ชีวิตอยู่ให้ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาสองปี  ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง เขาได้แนะนำชาวอเมริกันถึงความอร่อยของฟองดูและอาหารสูตรฝรั่งเศสอีกหลายอย่าง ว่ากันว่าหนังสือเกี่ยวกับอาหารที่เขาเขียนขึ้นนั้นยังใช้ในการสอนในโรงเรียนสอนทำอาหารทั่วโลกมาจวบจนทุกวันนี้ วันนี้เพื่อนๆของนีมี่ใจดีพาไปเลี้ยงฉลองความสำเร็จที่ร้านฟองดูชื่อ Melting Pot ไปถึงก็มีเซอร์ไพรส์ มีการ์ด Congratulations วางหราไว้บนโต๊ะเชียว ทางร้านเค้าให้สตาฟฟ์ทั้งร้านช่วยกันเซ็นด้วย น่ารักจริงๆ *แก้ไขเพิ่มเติมตามคำแนะนำของคุณ scottie ค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 23:49:15 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:07:41

ความคิดเห็นที่ 3 ร้าน Melting Pot เป็นร้านฟองดูขึ้นชื่อของบอสตัน ตั้งอยู่ในโรงแรม Park Plaza Hotel ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสวนสาธารณะกลางเมืองหรือ Boston Common มากนัก ถ้าจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน ขึ้นจากสถานี Arlington มาก็แทบจะเจอเลย ร้านนี้บรรยากาศค่อนไปทางแนวโรแมนติก มีคู่หนุ่มสาวมาทานดินเนอร์ฉลองค่ำคืนวันพิเศษอยู่หลายคู่ (ที่พูดอย่างนี้ เพราะเพื่อนเราหันไปเห็นเค้าเฟรนช์คิสกันยาวนานไม่หยุดหายใจ แต่แหม แค่ดูด้วยตา เธอรู้ได้ไงว่าเค้าเฟรนช์คิสกันอ้า) คงเป็นที่ที่มีไว้สำหรับโอกาสพิเศษจริงๆ เพราะราคาก็แพงไม่ใช่ย่อย แถมคนเสิร์ฟเดินมาแนะนำตัวเสร็จก็ถามเลยว่าวันนี้มาด้วยโอกาสอะไรกันหรอคะ (คงจะเตรียมตัวสร้างบรรยากาศเพราะเห็นมีร้องแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้โต๊ะข้างเคียงอยู่เป็นระลอกๆ) จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:11:28

ความคิดเห็นที่ 4 เนื่องจากมาในอารมณ์เฉลิมฉลองกัน วันนี้ก็เลยมีดื่มเสียหน่อย ที่เพื่อนๆสั่งมาดริงก์ก็มี Greg Norman Sparkling Pinot Noir Love Martini Alpine Spritzer Pomegranate Cosmo Wildberry Martini ส่วนเราปกติแทบไม่ดื่มเลย อะไรขมๆนี่อี๋หมด วันนี้เลยถูกหลอกเด็กด้วย Yin & Yang ซึ่งส่วนผสมหลักคือ Godiva White Chocolate liquor รู้สึกว่าจะมี Vanilla Vodka และ Vanilla ice-cream ด้วย หวานจนไม่รู้สึกว่าเป็นแอลกอฮอล์เลย การตกแต่งก็ทำเป็นรูปหยินหยางตามชื่อ มีผงโกโก้โรยมา พร้อมแผ่นช็อกโกแลตและไวท์ช็อกโกแลตรูปวงกลมแปะมาข้างบน ถูกใจเราจริงๆ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 14:14:20 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:12:52

ความคิดเห็นที่ 5 ฟองดูชุดแรกที่สั่งคือชีสฟองดูเรียกน้ำย่อย เค้าให้เลือกชีสได้สองแบบ เพราะโต๊ะเรามีสองหม้อ เลยเลือก Traditional Swiss Cheese Fondue กับ Spinach Artichoke Cheese Fondue ร้านนี้เค้าครบเครื่องมาก มีมาใส่ส่วนผสมทีละอย่างแล้วก็มายืนคนชีสให้ถึงโต๊ะ เริ่มจาก Traditional Swiss Cheese Fondue กันก่อน เค้าเริ่มจากการเทไวน์ขาว ลงไปในหม้อเหล็กซึ่งตั้งไว้บนเตานานแล้ว ร้อนกำลังได้ที่ ตามด้วย กระเทียมสับ กับ Gruyereและ Emmenthaler swiss cheese ที่เกรทมาเป็นเส้นบาง ตามสูตรต้องมีการผสม hard กับ  semi-hard cheese เพื่อให้ความเหลวกำลังดี เค้าถือว่า Gruyere เป็น  hard ส่วน Emmenthaler เป็น semi-hard cheese ต่อด้วยการเทบรั่นดีเชอรรี่ หรือ Kirschwasser และบีบมะนาวตามลงไป จากนั้นปรุงรสด้วยนัทเม็ก หรือ ลูกจันทน์เทศ เคล็ดลับของการเตรียมซอสให้อร่อยคือต้องคนอย่างต่อเนื่องขณะที่ให้ความร้อนกับชีสจนชีสละลายเข้าด้วยกัน หลังจากคนจนข้นหนีดดีแล้วจึงตบท้ายด้วยชีสพาเมชานที่เกรทมาอย่างดีโป๊ะลงไปอีกถ้วย แค่ชีสก็ได้ใจแล้ว *แก้ไขเพิ่มเติมตามคำแนะนำของคุณ ปิยะรักษ์ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 23:56:36 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:15:59

ความคิดเห็นที่ 6 จากฝั่งต้นตำหรับดั้งเดิม เราก็มาลองของแปลกกันบ้าง Spinach Artichoke Cheese Fondue ของเราก็ไม่น้อยหน้า มีกรรมวิธีผสมซับซ้อนไม่แพ้กัน โดยเริ่มจากใส่กระเทียมและ Fontina กับ Butterkase cheese โดย Fontina เป็น  hard ส่วน Butterkase เป็น semi-hard cheese ตามด้วย Spinach และ Artichoke คนฉับๆๆให้เข้ากัน แถมที่นี่มีสูตรลับ แอบเหยาะทาบาสโกให้มีรสเผ็ดนิดนึงอีกต่างหาก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:17:21

ความคิดเห็นที่ 7 เสร็จจากมหกรรมทำชีสก็ได้เวลาจิ้มจุ่มเสียที โดยของที่มีให้จิ้มก็คือTortillaแผ่น ขนมปังกลิ่นเฟรนช์โรสแมรี่ แอปเปิ้ลเขียว และผักอย่างดอกกะหล่ำ แครอท คื่นช่ายฝรั่งหรือเซเลอรี่ ทั้งหมดหั่นมาเป็นชิ้นพอคำ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:19:22

ความคิดเห็นที่ 8 จิ้มชีสจนยืดอย่างนี้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:22:22

ความคิดเห็นที่ 9 ชีสหอมนุ่ม ขนมปังชุ่มชีสนี่ก็ได้ใจ ซอสไวน์ขาวนี่แรงพอตัวอยู่ ทำจนแทบจะเมากัน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:24:07

ความคิดเห็นที่ 10 จิ้มกันเต็มๆอย่างนี้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:24:47

ความคิดเห็นที่ 11 กินชีสยังไม่ทันเลี่ยน สลัดก็มาเสิร์ฟ ช่วยดับความเลี่ยนได้เป็นอย่างดีเชียว สลัดที่นี่ก็อร่อย มีทั้งเฮ้าส์ ที่มากับไข่ต้ม มะเขือเทศ โรยชีสทับ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:27:04

ความคิดเห็นที่ 12 ซีซาร์สลัด น้ำเข้มข้น ขนมปังกรอบ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:27:51

ความคิดเห็นที่ 13 และที่เด็ดสุดก็เห็นจะเป็นผักขม (Spinach) กับเห็ดเบบี้พอโทเบลโล หอมแดง และ เบคอน ราดซอสเวเนเกรต (ซอสเปรี้ยวแนวน้ำส้มสายชู) รสชาติน้ำสลัดอร่อยเป็นเอกลักษณ์มาก ไม่เคยทานรสอมหวานนิดๆอย่างของที่นี่มาก่อน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:28:48

ความคิดเห็นที่ 14 เก็บจานกับหม้อชุดแรกไปแล้ว ชุดสองก็ตามมาติดๆ สำหรับจานหลักนั้น เราสามารถเลือกวิธีการทำได้ คือเลือกว่าจะเอาเป็นน้ำซุปหรือเป็นน้ำมัน และมีสูตรที่ผสมเครื่องเทศแตกต่างกันไป เนื่องจากที่ยกมาเป็นหม้อร้อนจัดพร้อมน้ำซุปหรือน้ำมัน เค้าถึงต้องมีที่ยกพิเศษหมุนปิดฝามาอย่างแน่นหนา ป้องกันอุบติเหตุหกราดใครให้ร้านถูกฟ้องหมดตัวได้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:29:29

ความคิดเห็นที่ 15 ที่เราเลือกก็คือ Coq au Vin Fondue กับ Fondue Bourguignonne Coq au Vin Fondue เป็นน้ำซุปที่ปรุงรสด้วยสมุนไพร เครื่องเทศ เห็ด กระเทียม และ ไวน์เบอร์กันดี ส่วน Fondue Bourguignonne เป็นน้ำมันคาโนล่า (เค้าโฆษณาว่าปราศจากคอเลสเตอรอล) เป็นสไตล์การกินแบบยุโรป เค้าจะมีแป้งหนืดๆคล้ายแป้งโกกิมาให้ชุบแล้วค่อยทอด อร่อยเด็ดทีเดียวเชียว ของที่เราจะเอามาทอดมาต้มนั้นก็มีทั้งผักทั้งเนื้อ มากันหลายคนเราก็ได้โอกาสสั่งเนื้อหลายชนิดคละกันไป มาเป็นเซ็ตใหญ่อย่างนี้เลย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:30:30

ความคิดเห็นที่ 16 ทีนี้ก็ได้เวลาสาธิต เริ่มจากจานผักที่มีเห็ด บร็อคโคลี่ แล้วก็ มันฝรั่ง จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:31:07

ความคิดเห็นที่ 17 เห็ดนี่เราสามารถยัดไส้ครีมชีสกับchive (ภาษาไทยเรียกใบอะไรหว่า) แล้วจุ่มแป้งโกกิให้ทั่ว แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 52 00:28:44 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:31:59

ความคิดเห็นที่ 18 จุ่มลงในน้ำมันเดือดปุดๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:32:59

ความคิดเห็นที่ 19 ออกมาก็จะได้เป็นก้อนแป้งพองๆกรอบๆ มีเห็ดยัดไส้ครีมข้างใน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:33:29

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนบร็อคโคลีก็ไม่น้อยหน้า ทอดออกมาก็จะเป็นสีเหลืองทองสวยงาม จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:34:51

ความคิดเห็นที่ 21 เค้ามีน้ำจิ้มมาให้หลายชนิด ทั้งกระหรี่ (เหลืองๆทางซ้าย) พลัม (ล่าง) เทอริยากิ (บน) และชีสกอร์กอนโซลา (ขวาล่าง) ส่วนบนขวาคือchiveกับชีสที่กล่าวถึงไปแล้ว อย่างเห็ดนี่ จิ้มกับชีสกอร์กอนโซลา เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 52 00:29:09 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:35:34

ความคิดเห็นที่ 22 มาถึงจานเนื้อกันบ้าง ที่สั่งก็มี เนื้อ  (New York Strip and Sirloin)ไก่ กุ้ง แล้วก็ แซลมอน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:36:23

ความคิดเห็นที่ 23 และอีกจาน หมักซอสCajun  เนื้ออัพเกรดเป็น Filet Mignon และนอกจากไก่และกุ้งก็ยังมีไส้กรอก Andouille เพิ่มมา จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:37:19

ความคิดเห็นที่ 24 เชิญชมรูปโคลสอัพของ แซลมอน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:39:53

ความคิดเห็นที่ 25 เนื้อ Filet Mignon จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:40:44

ความคิดเห็นที่ 26 และกุ้ง จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:41:15

ความคิดเห็นที่ 27 อิ่มได้ที่ก็ถึงเวลาที่เรารอคอย คือรายการของหวาน งานนี้พลาดไม่ได้เลย เมนูของที่นี่ละลานตาไปหมด อ่านแล้วอยากจะกรี๊ด (เรื่องของคนคลั่งไคล้ของหวาน) ที่สุดตัดสินใจเลือกมาสองคือ Ying and Yang เป็นส่วนผสมของดาร์กช็อกโกแลตและไวท์ช็อกโกแลต จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:42:13

ความคิดเห็นที่ 28 กับ Cookie n Cream Marshmallow Dream (แค่ฟังชื่อก็หัวใจละลายแล้ว) ประกอบด้วย ดาร์กช็อกโกแลต โป๊ะด้วยครีมมาร์ชเมลโลว์ ถ่ายตอนคน ช้อนหมุนเร็วจนกล้องจับไม่ทัน แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 52 00:30:06 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:44:36

ความคิดเห็นที่ 29 มีโชว์พิเศษด้วยคือเค้าจะมาจุดไฟ flambeed ให้ที่โต๊ะ เสร็จแล้วแต่งข้างบนด้วยคุ้กกี้โอริโอ้บด ไฟลุกท่วมอย่างนี้เลย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:50:37

ความคิดเห็นที่ 30 มาร์ชเมลโลว์จิ้มจนละลายเยิ้ม ครึ่งหนึ่งเป็นดาร์กครึ่งหนึ่งเป็นไวท์ช็อก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:52:55

ความคิดเห็นที่ 31 สตอเบอรรี่สีแดงสดตัดกับสีช็อกโกแลต จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:54:10

ความคิดเห็นที่ 32 ลืมบอกไปว่าของที่จะเอามาจิ้มก็ มีทั้ง กล้วย สตอเบอรรี่ มาร์ชเมลโลว์ ไรซ์คริสปี้ บราวนี่ บัตเตอร์เค้ก แล้วก็ชีสเค้ก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:58:10

ความคิดเห็นที่ 33 มื้อนี้อิ่มอร่อยถูกใจจริงๆเลยค่ะ ทานของหวานเสร็จแทบจะกลิ้งกลับบ้านไม่ไหว จบด้วยโคลสอัพของขนมอีกที หวังว่าพามาเที่ยวรับประทานฟองดูกันเที่ยวนี้คงให้สาระความรู้ ความสนุกเพลิดเพลิน และยั่วน้ำลายได้อย่างดีเช่นเคยนะคะ ถูกใจไม่ถูกใจอย่างไรอย่าลืมแวะทักทายพูดคุยกันหน่อยนะคะ อ้อ มีคนถามมาเยอะเลยมาเพิ่มเติมไว้ท้ายกระทู้เลยนะคะ ร้านฟองดูในกรุงเทพมีร้าน ร้าน Cafe swiss ที่ swisslodge อยู่ซอยคอนแวนต์ สีลม www.swisslodge.com/ ร้าน Fondooz อยู่ที่เซนทรัลเวิร์ด เคยไปชิมอาหารเค้าก็โอเค มีเมนูเนื้อนกกระจอกเทศด้วย http://www.fondooz.com/ ร้าน Chesa Swizz อยู่สุขุมวิทย์ http://www.chesa-swiss.com/index.html ยังไงก็คงพอไปหาทานกันให้หายอยากโดยไม่ต้องถ่อมาที่บอสตันนะคะ อิอิ *correcting mistakes on Swiss Lodge แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 52 22:20:09 แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 23:54:44 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 15:00:58

ความคิดเห็นที่ 34 นี่ขนาดเพิ่งอิ่มจากอาหารกลางวันนะเนี่ย เริ่มอยากกินช็อคโกแลตอีกแล้ว ^_^ "โดยเฉพาะ "สตรอเบอรรี่สีแดงสดตัดกับสีช็อกโกแลต" !!!! $_$ จากคุณ : pfau (pfau) เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 15:17:12

ความคิดเห็นที่ 35 โอยยย ภาพและคำบรรยายชวนกระตุ้นต่อมน้ำลายมากๆ เลยค่ะ อากาศหนาวๆ ทานของร้อนๆ ชุ่มเนย ช็อคโกแลตนี่คงช่วยให้อุ่นขึ้นมากๆ เลยนะคะ ^^ จากคุณ : Draconia เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 15:21:04

ความคิดเห็นที่ 36   น่ากินจังเลยค่ะ ไอ้เห็ดยัดไส้ครีมชุบโกกิทอดนี่น่าหม่ำมากค่ะ ฟงดูช็อคโกแล็ตนี่ชอบหม่ำกับกล้วยหอม สตรอเบอรี่ มาชเมลโล่ แล้วก็บัตเตอร์เค้กที่ซู๊ดเลยค่ะ ได้ shortbread ด้วยก็ดีแต่กลัวจะอ้วนไป ขนมที่อเมริกานี่สุดยอดเลยนะคะ ดูจะ rich กว่าทางยุโรปเยอะเลยค่ะ คุณนีโม่กินกันกี่คนอะคะ เห็นสั่งเยอะมากมาย ดูไม่น่าจะหม่ำหมดเนอะ จากคุณ : annie <harmonica> เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 15:24:28

ความคิดเห็นที่ 37 ชอบชื่อร้านจัง :) ดูแค่วิธีเตรียม ยังไม่ต้องกินก็คุ้มแล้วนะเนี่ย กรรมวิธีน่าตื่นตาตื่นใจมาก ๆ ไคลฟ์ คิดว่าน่าจะเป็น chive นะคะ เป็นพืชตระกูลต้นหอม แต่ใบเล็กกว่าเยอะ ส่วนนัทเม็ก คือ ลูกจันทน์เทศ ค่ะ ป.ล. งือ สลัดดดดดดดดดด อยากกินสลัด จากคุณ : ปิยะรักษ์ เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 16:18:12

ความคิดเห็นที่ 38 โอยยยย ไม่น่าคลิ้กเข้ามาดูเลยชีวิต แง...กรุงเทพมันมีฟองดูที่ไหนอร่อยบ้างคะ พยาธิในท้องร้องจี๊ดๆ ว่าหนูอยากกินฟองดู และโดยเฉพาะ...ช็อคกะแล็ตฟองดู ตายคากระทู้ = = ไม่ขอบคุณเด็ดขาด ที่เอารูปมายั่วให้อยากแล้วจากไปค่ะ แง่ม แง่ม ฟองดู ฟองดู อ๊ายยยยยยยย >< จากคุณ : ปาล์ม. เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 16:25:33

ความคิดเห็นที่ 39 อ๊าก  ต่อมน้ำลายแตกกระจาย น่ากินมาก ๆเลยค่ะ เง้อ...สองมือเกาะขอบจอ น้ำหมากกระฉูด เอ้ย...น้ำลายเปื้อนหมดแล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 16:51:39 จากคุณ : มายั่วให้อยากแล้วจากไป.. (Setakan) เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 16:51:14

ความคิดเห็นที่ 40 WOW!!!!! ช่วงนี้ปากเป็นแผลร้อนใน เจ่อมากเป็นปากนกแก้วเลย กินอะไรไม่ได้ เจอกระทู้นี้อิ่มทิพย์เรย (กลืนน้ำลายจนอิ่ม แหะ แหะ) ชอบหยินหยาง ท่าทางจะหวาน........ ซะ จากคุณ : ปลากินเมฆ เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 17:10:27

ความคิดเห็นที่ 41 Fondre ค่ะ ไม่ใช่ fonder จะว่าเป็นอาหารสวิสก็คงจะได้ .. มั้ง ถ้าค้นจากวิกิก็คงจะได้คำตอบแบบที่ว่ามาเป๊ะๆ แต่ถ้าถามคนฝรั่งเศส เขาก็คงว่าฟองดูเป็นอาหารฝรั่งเศสด้วยเหมือนกัน (สวิสส่วนหนึ่งพูดฝรั่งเศส) โดยเฉพาะเขต Franche comte จูร่าที่ติดสวิส ที่แน่ๆ fondue เป็นภาษาฝรั่งเศส บูร์กิโยนที่ว่า ก็เขตหนึ่งในฝรั่งเศส ใบไคลฟ์ที่ว่าสะกดยังไงคะ จะหมายถึง chive มากกว่ามั้ย เป็นต้นหอมแบบหนึ่งค่ะ ไม่ค่อยมักชีสและช็อคโกแล็ตเท่าไหร่ แต่ถ้าใส่ผักโขมกับอาร์ติโชคนี่น่าสนแฮะ แต่จุ่มน้ำมันนี่น่าสนมั่กๆ แก้ไขสะกด Franche comte ไม่ได้ใช้นาน แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 19:31:40 จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 19:29:20

ความคิดเห็นที่ 42 ดูแล้วทำให้หิว... ยามดึกนี่ทรมาน :'( จากคุณ : adel_ew เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 23:21:17

ความคิดเห็นที่ 43 คุณ pfau (pfau) เดี๋ยวพาไปเลี้ยงบุฟเฟต์ช์อกโกแลตเลย เอามั้ยจ๊ะ คุณ Draconia นั่นสิคะ ไม่แปลกในที่ในสมัยก่อนคนนิยมทานกันในฤดูหนาว  ชีสร้อนๆ ช็อกโกแลตร้อนๆ เฮ้อ มีความสุข คุณ annie <harmonica> จริงด้วยค่ะ ถ้ามีช็อตเบรดด้วยคงเยี่ยมไปเลยจริงๆ ของชอบเราเหมือนกัน  ขนมอเมริกามีแต่ของพอร์ชั่นใหญ่ ทอดๆ ชีสๆ หลอกให้อ้วนค่ะ  แต่ฟองดูนี่ก็สูตรยุโรปน้า ไปกันหกคนค่ะ ทานหมดยกเว้นชีสเค้กชิ้นสุดท้าย ไม่ไหวแล้วจริงๆ (จานขนมหวานมีเซตใหญ่ที่เห็นนั่นมาสี่เซตต่อหกคนค่ะ เอิ้ก) คุณ ปิยะรักษ์ ขอบคุณค่า ไปแปะแก้ไว้ข้างบนแล้วนะคะ แหมชอบกินผักดูสุขภาพดีเชียวค่ะ (เราเน้นแต่ชีสเชียว) คุณ ปาล์ม อย่าค่ะ อย่าเพิ่งมาตายคากระทู้  รีบเอาร้านในกรุงเทพมาแปะให้ไว้ข้างบนแล้วนะคะ เลือกชิมได้ตามชอบใจเลยค่ะ คุณ มายั่วให้อยากแล้วจากไป.. (Setakan) ถึงขั้นน้ำหมากกระฉูดเลยเหรอคะ อาการหนักอีกคนแล้ว แนะนำให้ไล่รายชื่อร้านข้างบนแล้วไปตามหาทานเลยค่ะ คุณ ปลากินเมฆ โถ อย่างนี้ก็ทานอะไรไม่อร่อยเลยสิคะ กินน้ำเยอะๆ กินผัก ทายานะคะ จะได้หายไวๆ  หยินหยางหวานหอมกลมกลมค่ะ เหมาะกับไวท์ช็อกเลิฟเวอร์อย่างเราที่ซู้ด คุณ Scottie อายจังค่ะ หนูผิดไปแล้ว เมื่อคืนกลับมาถึงก็ดึก กว่าจะทำรูปเสร็จก็ตีสองตีสามแล้ว แทนที่จะค้นคว้าดีๆก็เลยวิกิมาอย่างที่ว่าจริงๆล่ะค่ะ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ  แง ... เช้านี้ตื่นมาเปิดอีกหลายสิบเวบ พูดคล้ายๆกันหมดเลย (วิกิมากันหมดหรือเปล่านี่) เลยนำเรื่องราวเพิ่มเติมที่พอหาได้มาแปะไว้ และแก้ไขส่วนที่ผิดพลาดแล้วนะคะ  ขอบคุณที่ชี้แนะค่ะ คุณ adel_ew ไม่ได้ตั้งใจแกล้งนะค้า ลุกขึ้นมาทานนมอุ่นๆสักแก้วก่อนเข้านอนนะคะ แล้วค่อยตื่นไปทานของจริงตามร้านที่แนะนำไปค่ะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 01:08:20

ความคิดเห็นที่ 44 เกิดมาไม่เคยทานฟองดูเลยค่ะ เชยเปล่าก็ไม่รู้ ร้าน melting pot นะคะ คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็น ต้นมกราจะมาประชุมที่บอสตันอีกรอบค่ะ จะหาร้านนี้ให้เจอค่ะ พอจะมองเห็นภาพว่าอยู่ตรงไหนเพราะเคยผ่านไปแถวนั้นหลายครั้งแล้ว จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 01:39:17

ความคิดเห็นที่ 45 ไปเห็นคำถามจากกระทู้ก่อนค่ะ Spartanburg มันเป็นทั้ง city ทั้ง county น่ะค่ะ สำนักงานใหญ่ (มาก ) ของบริษัทที่มีเครือ Denny's เป็นส่วนหนึ่งนี่ตั้งอยู่ในบริเวณที่อยู่นอก city ออกมานิดนึงค่ะ มันก็เลยกลายเป็นอยู่ใน county ตึกหลังนั้นถือว่าเป็นตึกสูงที่สุดของที่นี่แล้วนะคะ คือสูงตั้ง 7 ชั้นแน่ะค่ะ โหะ โหะ ไปบอกที่ไหน อายเขาถึงที่นั่น 7 ชั้นนั่นสูงที่สุดของที่นี่แล้วนะคะเนี่ย จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 01:57:28

ความคิดเห็นที่ 46 น้ำลายไหลเลย เซฟกระทู้เก็บแทบไม่ทัน จากคุณ : Tyra เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 06:06:38

ความคิดเห็นที่ 47 คุณกุลธิดา (kdunagin) แหมไม่เชยหรอกค่ะ นีมี่ก็เพิ่งเคยทานครั้งแรกตอนไปโคเปนเฮเกน (แรนด้อมมาก เดินไปเจอร้านฟองดูเข้าพอดี) ติดใจก็เลยมาหาทานต่อที่เมืองไทยกับที่บ้านน่ะค่ะ  ตอนนี้ติดกันทั้งบ้านแล้ว (แต่คุณแม่กลัวอ้วนไม่ยอมให้ไปกันบ่อย) แล้วก็พาร์คพลาซ่า โรงแรมใหญ่มาก กันสาดสีแดงเด่นด้วย คงหาไม่ยากจริงๆอย่างที่ว่าค่ะ ร้านอยู่มุมใกล้สถานีอาร์ลิงตันนะคะ และขอบคุณที่มาเฉลยข้อสงสัยเรื่องเคาน์ตี้ด้วย แอบขำเรื่องตึกสูงเจ็ดชั้น อิอิ เคยไปเยี่ยมเพื่อนที่ Durham เจออาการคล้ายๆกันคือเค้าพาไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดของเมือง โอโฮ เป็นตึกชั้นเดียว มีห้องแหสดงผลงานสามห้องบวกห้องฉายวิดีโออีกหนึ่ง น่าทึ่งจริงๆ คุณ Tyra ชอบมากจนเซฟเก็บนี่คนเขียนปลื้มอย่างแรง ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 08:48:07

ความคิดเห็นที่ 48 มาแวะอ่านตอนใกล้เที่ยว เล่นเอาท้องร้องโครก พยาธิเรียกร้องกันใหญ่ น่ากินมากค่ะ จากคุณ : หริชา (หริชา) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 11:05:14

ความคิดเห็นที่ 49 คุณ หริชา รูปพวกนี้มีไว้เรียกพยาธิโดยเฉพาะค่ะ อิอิ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:55:19

ความคิดเห็นที่ 50 น่ากินมากเลยค่ะ เห็นแล้วหิวเลย (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาร์ชเมลโลว์ 55) จากคุณ : NMR (NMR) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 23:31:19

ความคิดเห็นที่ 51 โอยยย น่ากินสุดๆ เอ๊ะ แถวใกล้บ้านที่เมกาน่าจะมี เคยได้ยินว่าเพื่อนไปทานมาเหมือนกัน กลับไปต้องลองแน่ๆเลยค่ะ ระหว่างนี้สงสัยไปลองที่ CWP ก่อนดีกว่า สมัยเด็กๆ เคยทานที่ร้านเล็กๆริมคลอง อยู่แถวถนนพระรามห้า ยังติดใจเลยค่ะ ไม่หรูหราเท่านี้ แต่อร่อยรสชาติคนไทยชอบมากๆ chive นี่ก็กุ้ยช่ายนะคะ แต่อาจจะพันธุ์ต่างกับบ้านเราเล็กน้อย ไชว์ฟเมกามันจะต้นกลมๆเล็กๆกว่าหน่อย แต่กุ้ยช่ายบ้านเราแบนแต๋ กลิ่นฉุนกว่า จากคุณ : Pina Colada (Pina Colada) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 16:37:42