 |
ความคิดเห็นที่ 5 |
...แต่แม้ความมืดชำแรกแทรกซึมได้ง่ายขึ้น...มันก็เป็นธาตุกำเนิดและส่วนหนึ่งของมนุษย์...ไม่ใช่หรือ...
ทั้งสองหยุดวิ่งเมื่อตะวันขึ้นสูงบนฟ้า แม้จะนำพาแสงสว่างมาเพียงน้อยนิด เบลคถอดเสื้อแจ็คเก็ตของตน ส่งให้หญิงสาวโดยไม่พูดอะไร แต่เธอก็ไม่รับ
ฉันไม่ได้เข้มแข็ง กิลดาเอ่ยในทันใด ฉัน...ไม่ได้ให้อภัยแก แกฆ่าสามีฉัน เพราะ...เพราะไอ้ความต้องการยาบ้าบอของแก...สามีฉันถึงต้องตาย...ฉันถูกรุมข่มขืน...ลูกฉันถูกขายไปไหนก็ไม่รู้ ฉันไม่ได้ให้อภัยแกมาแต่แรกแล้ว! ฉันแค่แกล้งทำดีกับแก...กับพวกสารเลวนั่นเพื่อลูก! หมดเวลาแสดงละครกันเสียที!
เบลคก้มหน้า ฟังคำพูดของเธอเหมือนที่เคยฟังคำตำหนิของอดีตผู้บังคับบัญชา และหัวหน้าโจร มันสาสมแล้ว ใช่...มันสมควรที่สุด ชายหนุ่มยื่นปืนพกของตนส่งให้เธอแทน
งั้นก็ฆ่าผมสิ ฆ่าผมล้างแค้นให้สามีคุณ แล้วรีบหนีไป เก็ตโตสิบสามอยู่ทางนั้น เดินแค่ครึ่งวันก็ถึง
หญิงสาวฉวยปืนไปจากเขา เล็งตรงมา แต่ยังไม่ลั่นไก
ลูกสาวคุณล่ะ
ผมจะไปรอแกกับเอนา ไม่มียา...ก็ไม่มีความหมายอะไรจะกลับไปพบแกอีกแล้ว
...คุณไม่คิดจะกลับไปลาลูกเลยหรือ เสียงถามของเธออ่อนลง บอกความสงสัยชัดแจ้ง
เบลคสั่นศีรษะ บางที...เขาคงไม่มีหน้ากลับไปพบวิโลนาอีกจริงๆ และ...ถึงช่วยให้แกรอดชีวิตได้ เขาจะมีหน้าเลี้ยงดูแกให้เป็นคนดีได้อย่างไร ไม่สิ...ไม่ใช่...เขาจะมีหน้ามีความสุขกับแกได้อย่างไร เขาคือพ่อที่ฆ่าพ่อของคนอื่น ทำร้ายแม่และลูกของคนอื่นสาหัสสากรรจ์ เขาคิดผิดแต่แรกจริงๆ ที่เลือกทางนี้
กิลดาเงียบไปอีกครู่ แล้วก็ล้วงกระเป๋าเสื้อของตน หยิบถุงพลาสติกใสใบหนึ่งออกมา ในนั้นใส่เปลือกไม้สีน้ำตาลเทา เบลคเบิกตากว้าง
นี่มัน...
คุณไม่รู้เลยสินะ หญิงสาวย้อนถาม หัวหน้าโจร...มันเก็บนี่ไว้กับตัวมาตลอด คงกลัวคุณจะขโมยมันหนีไป แต่...ที่จริงคุณคงไม่เคยคิดจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว เถรตรงสมเป็นทหารเกินไปจริงๆ
เบลคได้แต่มองเธอ...ด้วยความรู้สึกที่ตนบอกไม่ถูก อาจทั้งประหลาดใจ ตื้นตัน และ...เสียใจเหลือเกิน
เอาไปสิ เธอโยนมันให้เขา...และหันปากกระบอกปืนเข้าหาตนขณะที่เบลคคว้าถุงนั้น นิ้วของเธอลั่นไกก่อนเขาทันห้าม
...แต่มีเพียงเสียงดังแชะ...
กิลดากระดิกไกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างขัดใจ ขณะที่ชายหนุ่มถือถุงยานิ่งค้าง ลืมไปจริงๆ ว่าตนหลับหูหลับตายิงจนเกลี้ยงรังเพลิงในตอนวิ่งหนี ครั้นแล้วเธอก็เขวี้ยงปืนที่กระสุนหมดลงบนพื้น กรีดร้องใส่เขาอีกครั้ง
ฆ่าฉัน! ฆ่าฉันได้ไหม! ตอบแทนที่ฉันเอายาให้คุณ...ให้ฉันได้ตายเถอะ!
ไม่! เบลคพูดเสียงแข็ง คุณจะตายทำไม! ลูกของคุณยังมีชีวิตอยู่! คุณต้องอยู่เพื่อแก!
แน่หรือ... หญิงสาวพลันสะอื้นออกมา ...คุณแน่ใจหรือ...แกไม่เหมือนเด็กธรรมดา...แค่...แค่ไข้หวัดนิดเดียวก็ฆ่าแกได้แล้ว! เวลาผ่านไปกี่วัน...คุณคิดว่าพวกค้าทาสจะดูแลแก...จะใส่ใจความอยู่รอดของแกหรือ!
แล้วคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าแกตายไปแล้ว! เบลคแย้ง ทิ้งถุงยาลงพื้น ถลันเข้าไปจับไหล่ทั้งสองของเธอ ผมบอกแกให้เอาชีวิตรอด...และผมก็บอกคุณอย่างนั้นเหมือนกัน ผมรู้ว่าผมทำผิดมากมาย...ไม่มีทางชดใช้...แต่เพื่อนิกซ์...ผมจะไม่ยอมให้คุณตาย!
แล้วทีตัวเองล่ะ! กิลดาย้อน เมื่อครู่...คุณยังจะยอมตายทิ้งลูกคุณไว้เลย!
ก็ผมคิดว่าตัวเองช่วยแกไม่ได้แล้ว! ไม่มีหน้ากลับไปหาแกอีกแล้ว!
แล้วฉันล่ะ! ฉันก็ไม่มีทางช่วยลูกฉันได้เหมือนกัน! ริมฝีปากของหญิงสาวสั่นระริก ฉันยอมทำดีกับคนที่ฆ่าสามีตัวเอง...ยอมนอนกับพวกโสโครกอย่างมัน...แต่ก็ปกป้องแกไม่ได้ ฉันฆ่าคน...เมื่อกี้ฉันฆ่าคน...
ผมก็ฆ่าคน ฆ่าไปมากกว่าคุณเป็นสิบๆ เบลคบอก เราสองคนเป็นฆาตกร เป็นคนบาป...แล้วอย่างไร โลกนี้ไม่ใช่โลกของแสงสว่าง มันเป็นโลกของความมืด...แล้วอย่างไร ลูกของเราไม่ควรมีชีวิตอยู่หรือ...ลูกของเราไม่ต้องการพวกเรา...ไม่ต้องการคนช่วยปกป้องและสอนพวกเขาในโลกมืดมิดนี้หรอกหรือ!
...มันอาจไม่มีความหมายอะไรเลยก็ได้... กิลดาสั่นศีรษะ ...ตะวันจะมาเมื่อไร...โลกจะหายฟอนเฟะเมื่อไร...ไม่มีใครรู้...เราดิ้นรนในโลกนี้ไปเพื่ออะไร...เอาตัวรอดและรั้งพวกแกไว้ในโลกนี้ทำไม...เพื่อให้เด็กพวกนั้นกลายเป็นคนบาปแบบเราในสักวันนี่นะ!
ไม่ใช่! เพื่อให้พวกเขามีชีวิต...และได้พบความสุขต่างหาก! ถึงจะมืดแสนมืด...เราก็ยังหาความสุขได้ไม่ใช่หรือ...คุณกับสามี...ผมกับเอนา...กับครอบครัว...เราไม่ควรมอบโอกาสมีสิ่งเหล่านั้นให้พวกแกหรือ!
แต่ลูกฉันอยู่ที่ไหน...คุณคิดว่าฉันตัวคนเดียวจะทำอะไรให้แกได้! จะหาแกได้อย่างไร!
ผมจะช่วย! ชายหนุ่มลั่นวาจา ผมจะตามหาแกเอง! ผมเป็นคนพาลูกของคุณไป...ผมก็จะนำแกกลับมา! ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดิน...ผมจะทำอย่างนั้นให้ได้! ขอแค่...แค่เรากลับไปช่วยวิโลนาก่อน เราต้องรีบไปจากที่นี่...พวกโจรอาจตามมา แล้วผมจะตามหานิกซ์ไปทุกที่...จะไม่ยอมเลิกจนกว่าจะได้ตัวแกกลับมาให้คุณ!
หญิงสาวสบตากับเขา เหมือนตะลึงงัน น้ำตารินอาบหน้า ขณะที่เธอต่อคำพูดแผ่วเบา
...หรือหมดหวังแล้วเท่านั้น...ใช่ไหม
เบลคปล่อยมือจากเธอ ไม่ตอบคำถามที่รู้กันดี ความหวังเป็นอย่างไรกัน เป็นสิ่งซึ่งเลือนราง...เหมือนดวงตะวันหลังหายนะจากฟากฟ้า เป็นสิ่งซึ่งไม่มีวันได้คืนมา...เหมือนฟ้าสีครามที่เหลือแต่ในหอศิลป์ หรือเป็นสิ่งซึ่งผู้ที่อยู่ในความมืดมาแต่ต้นไม่มีสิทธิ์หวัง
พวกเขาไม่รู้ ไม่มีคำตอบของคำถามนี้ แต่สุดท้ายกิลดาก็ก้มลงเก็บปืนไร้กระสุน กับถุงยาอันแสนแพงส่งคืนให้เขา ส่วนเบลคส่งแจ็คเก็ตของเขาให้เธอ
ครั้นแล้ว...ทั้งสองก็เดินต่อไปในความมืด ใต้แสงตะวันริบหรี่
ครั้นแล้ว...เวลาก็ล่วงเลยไป
* * * * *
...และในเมื่อมันเป็นธาตุกำเนิดและส่วนหนึ่งของมนุษย์...ก็ไม่เป็นผลที่จะถาม...ว่าความมืดมาเยือนเมื่อใด...
เสียงแจ้วๆ ดังขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มเปิดประตู เป็นเสียงของวิโลนาวัยสี่ขวบ
แล้ว...ตะวันจะส่องแสงเมื่อไรจ๊ะ ส่องแสงแล้วโลกจะสวยเหมือนในรูปใช่ไหม
ป้าไม่รู้เหมือนกัน กิลดาตอบเหมือนจะถอนใจ แต่...ก็หวังว่าไม่ช้านี้ หวังว่าหนูจะได้เห็น
เบลคยิ้มฝืดเฝือเมื่อเห็นหญิงสาวที่นั่งเอนบนเก้าอี้ และเด็กหญิงบนตักของเธอ สองมือน้อยๆ ถือหนังสือนิทานสีสดใส...ซึ่งยับและฉีกหายไปบางหน้า...เป็นของเก่ามือสอง สามหรือสี่ไม่อาจรู้ เมื่อหายจากโรค วิโลนาก็เติบโตแข็งแรงเหมือนเด็กทั่วไป กิลดาพักอยู่ที่บ้านเขา ช่วยแม่เขาดูแลเด็กหญิง ขณะที่ชายหนุ่มทำงานในขบวนสินค้าระหว่างเก็ตโตต่างๆ พร้อมกับตามหาลูกของเธอ...แม้จนถึงบัดนี้จะยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด
กิลดาเหลือบมองเขา และทักทายด้วยรอยยิ้มคล้ายกัน ส่วนวิโลนากระโดดตัวลอยเข้าหาอ้อมแขนพ่อ ไม่มีความจำเป็นต้องขอโทษหรือรายงานว่าไร้ผล...หญิงสาวเคยบอกเขาเช่นนั้น เธอไม่เคยบอกว่าให้อภัยเขาจริง หรือยังเจ็บแค้นอยู่ที่เขาทำลายชีวิตของเธอ แต่...เรื่องเช่นนั้นคงไม่มีความจำเป็นเหมือนกัน ถึงพลัดพรากจากลูกชาย เธอก็คงเห็นความหมายของชีวิตตนที่นี่ ในตัววิโลนาซึ่งเห็นเธอเป็นเหมือนแม่แท้ๆ ...ทั้งๆ ที่อาการป่วยของเด็กหญิงคือจุดกำเนิดความมืดมนเหลือร้ายทั้งปวงในชีวิตเธอ
กิลดาเป็นผู้หญิงอย่างไร...บัดนี้เบลคยังไม่เข้าใจชัดแจ้ง เธอมีทั้งด้านที่สว่างสดใสและมืดมน ด้านที่เขาไม่อาจรู้ว่าจริงหรือลวง ทว่าคงไม่มีความจำเป็นที่จะทำความเข้าใจเพียงนั้น ในเมื่อเขาเองก็เป็นเช่นเดียวกัน ทั้งสว่างและมืดมน...อย่างที่เขายังไม่เข้าใจตนเอง ชายหนุ่มรู้แต่ว่าเขามีหน้าที่ที่ต้องทำ หน้าที่ซึ่งกิลดาขอไว้ประการหนึ่ง...ว่าอย่าสร้างความเจ็บปวดให้ใครอื่น...เพียงเพื่อให้เธอได้นิกซ์คืนมา
มีคนเล่าให้ผมฟัง ตอนไปถามหาเด็กที่มีลักษณะเหมือนนิกซ์ ชายหนุ่มพูดกับเธอเพียงลำพัง หลังบอกให้วิโลนาไปหาย่าที่หลังบ้าน เขายังไม่ได้ข่าวของเด็กชาย แต่ก็คิดว่าเรื่องนี้อาจสำคัญ เกี่ยวกับเด็กที่เชื่อว่าเป็นลูกปีศาจ...แต่ที่จริงไม่ใช่
หญิงสาวไม่พูดอะไร แต่มีท่าทางสนใจชัดเจน
คนเล่าเป็นพวกอัสลาน...ที่จริงคือเคยเป็น เขาอายุมากแล้ว...เกิดทันเห็นดวงตะวัน เข้ารีตกับโซลาริสเพื่อเอาชีวิตรอด เขาบอกว่า พวกเด็กที่มีลักษณะเหมือนนิกซ์เป็นวีรบุรุษ ผู้ก่อตั้งประเทศอัสลานเมื่อพันปีก่อนก็เป็นเหมือนแก กระทั่งนักรบผู้ทำลายสาวกแห่งความมืดคนหนึ่งก็เป็นเหมือนกัน เด็กพวกนั้นไม่ใช่ปีศาจ พวกเขาได้รับพลังเพื่อทำหน้าที่สำคัญบางอย่าง เพราะอย่างนั้น...เขาบอกว่านิกซ์ต้องมีชีวิตอยู่ และสักวัน คุณต้องได้พบแกแน่นอน
กิลดาพยักหน้ารับช้าๆ
...ขอบคุณ
เขายังบอกว่า...บางที...เด็กคนนั้นอาจเป็นผู้นำตะวันมาคืนให้พวกเราก็ได้
หญิงสาวไม่พูดอะไร เขาไม่รู้ว่าเธอคาดหวังว่าจะได้รับตะวันคืนมาหรือไม่ และตัวเขาเองก็ไม่ได้คาดหวัง คนทั้งสองไม่เคยเห็นตะวันที่เจิดจ้าจนตาพร่า ไม่เคยเห็นฟ้าสีคราม พวกเขาอาจเป็นคนของความมืด ซึ่งไม่ได้รับสิทธิ์ให้ทอดมองแสงสว่าง หรือแม้แต่พบเด็กชายไร้ความเจ็บปวดที่หายไป แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าการคืนตะวันเป็นเรื่องสำคัญ บางทีอาจเพราะไม่เชื่อว่าเมื่อแสงสว่างคืนกลับมา...ความชั่วร้ายและความทุกข์ทั้งมวลจะหายไปกับความมืดก็เป็นได้
กระนั้น พวกเขาก็ไม่ตั้งคำถาม คนบาปสองคนในโลกมืดเลิกคิดกำจัดมัน ทำเพียงหวัง และเสาะหาต่อไปเท่านั้น
...ในเมื่อมันไม่มีวันร้างไป...จากมนุษย์...แต่นั่นก็ไม่สำคัญประการใด...
* * * * *
ขอบคุณผู้อ่านและผู้คอมเมนต์ทุกท่านมากครับ m[_ _]m
ตัวเรื่องหลักที่ผมคิดไว้เป็นเรื่องของนิกซ์ เด็กชายไร้ความเจ็บปวดที่หายไป ตั้งใจว่าในไม่ช้าจะนำมาลงเช่นกัน โทนเรื่องจะต่างจากตัวเรื่องสั้นที่ออกหม่น เป็นเรื่องของการเดินทางและมุมมองของเด็กที่พยายามเติบโตในโลกไร้ตะวัน หวังว่าหากชอบก็จะติดตามต่อไปครับ
เล็กๆ น้อยๆ กับชื่อต่างๆ พวกชื่อตัวละครค้นความหมายจาก thinkbabynames, baby-names.adoption และ behindthename จึงมีหลายความหมายต่างกันไป โดยมีบางความหมายที่ผมเห็นเข้ากับตัวละครแต่ละตัว
เบลค (Blake) - ดำ / ขาวซีด
เอนา (Ena) - ภรรยา / วิญญาณ / ผู้สร้างสิ่งใหม่
วิโลนา (Wilona) - ผู้เป็นที่ปรารถนา
กิลดา (Gilda) - สีทอง / การลงรักปิดทอง / ข้ารับใช้ของพระเจ้า / การสังเวยหรือเสียสละ
นิกซ์ (Nyx) - ชื่อของเทพีรัตติกาลในตำนานกรีก
โซลาริส (Solaris) - แห่งดวงตะวัน
อัสลาน (Arslan) - ราชสีห์ มาจากภาษามองโกล
แซงค์ชัวรี (Sanctuary) - สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่หลบภัย
เก็ตโต (Ghetto) - ที่อยู่ของชนกลุ่มน้อยที่ถูกกดดันหรือแบ่งแยก ในเรื่องนี้ใช้ในความหมายแทนชุมชนแออัด
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.ย. 52 10:35:45
|
|
|
|
 |