Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพลิงริษยา--ตอนที่ 4  

ตอนที่ 4...

มาธวีที่ออกจากบ้านไปหลังข้าวขวัญไม่นาน แต่กลับบ้านเอาเมื่อเลยสองยามไปแล้วไม่เกรงใจผู้ที่นอนไปแล้ว เธอมีคำสั่งเรียกข้าวขวัญให้มาพบด่วน ณ ห้องนอนเธอบนตึกใหญ่

ข้าวขวัญยังดูสะลึมสะลือเพราะถูกปลุกขึ้นมาจากที่นอน หากความง่วงงุนนั้นหายไปสิ้นเมื่อฝ่ามือของน้องสาวต่างมารดาตวัดเข้ามาเต็มๆ ที่แก้มซีกซ้าย

ความฉ่ำใจจากรสรักที่แฟนหนุ่มปรนเปรอให้ตลอดช่วงบ่ายไปจนถึงค่ำนั้นไม่ได้ทำให้มาธวีหายหงุดหงิด และหายระแวงในตัวของคนที่เพียงแค่เดินผ่าน ผู้ชายทุกคนก็พร้อมจะละเมอเพ้อพกถึงมันได้

“นังแมวขโมย! กล้าดียังไงถึงได้มาให้ท่าแฟนของฉัน”

ข้าวขวัญยกมือขึ้นกุมแก้มซีกที่ชาดิกของตนเอง ทวนคำถามที่ดูจะเป็นคำกล่าวหามากกว่าแล้วลุกขึ้นมาจากพื้นลาดพรมสีชมพูหนานุ่มซึ่งตนนั่งพับเพียบอยู่ ก็เธอเลิกแล้วนี่...เลิกเป็นคนดีที่ยอมทนถูกรังแกโดยไม่โต้ตอบแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ลังเลเลยที่จะสวนกลับไปว่า

“ใครให้ท่าแฟนคุณ ฉันไม่เคยทำแบบนั้น กรุณาอย่ามากล่าวหากันแบบนี้อีกเพราะฉันจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว”

เมื่อคนที่แต่ก่อนจะนั่งก้มหน้าน้ำตารินเมื่อถูกด่าว่าหรือตบตีลุกขึ้นมายืนสบตา พร้อมกับประกาศว่าจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว มาธวีก็ฉุนจนสะบัดมือหมายจะตบหน้าขาวๆ สวยๆ นั่นอีกสักที หากข้าวขวัญที่ระวังตัวอยู่แล้วเบี่ยงตัวเพียงเล็กน้อย มือที่ไว้เล็บยาวก็พลาดเป้าจนเจ้าของมือเสียหลักเซไปข้างหน้า

“แก๊! แกกล้าหลบเหรอนังข้าว แกกล้าสู้ฉันเหรอ!” มาธวีแทบเต้น ก่อนจะสั่งสองสาวแฝดลูกสมุนของเธอเสียงดังลั่น “เอาเลยนังแฝด ตบมัน กระทืบมัน วันนี้ถ้าฉันไม่ได้เห็นเลือดมันฉันไม่มีทางหยุด”

คนที่กำลังจะถูกรุมทำร้ายเหลียวซ้ายแลขวาไปทั่วห้องสีชมพูแสนกว้างขวางของคุณหนูมาธวี ก่อนจะวิ่งตรงไปยังโต๊ะวางของกระจุกกระจิกใกล้ประตูแล้วคว้าถาดแก้วเจียระไนจากอิตาลีที่มาธวีเอาไว้ใส่กุญแจรถและกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาถือเอาไว้

ทีท่าของคนที่ไม่เคยสู้มาก่อนประกาศชัด ใครขืนเข้ามา เธอเอาถาดขนาดเหมาะมือนี่ฟาดหัวแน่

เมื่อฝาแฝดลูกคู่ของตนไม่ยอมทำตามที่ตนสั่ง มาธวีก็ร้องกรี๊ดด้วยความขัดเคือง “บอกให้ตบมันไง ไปสิ ตบมัน!”

สาวเอและสาวบีมองหน้ากัน ส่ายหัวพร้อมๆ กัน และพูดโดยพร้อมเพรียงว่า “หนูไม่กล้าค่ะคุณน้ำตาล ขืนเข้าไป หนูก็หน้าแหกสิคะ”

คำตอบเป็นเหตุให้สองสาวแฝดตกเป็นเหยื่อการประทุษร้ายด้วยเล็บของมาธวี คนที่ไม่เคยมีใครกล้าขัดใจทั้งจิกทั้งตีสองสาวแฝดราวกับจะให้สองแฝดนั้นเป็นตัวแทนของข้าวขวัญที่เธอไม่กล้าเข้าไปใกล้ด้วยกลัวจะเจ็บตัว

เสียงร้องครวญครางขอความเห็นใจของฝาแฝดที่ดังสลับกับเสียงกรีดร้องแบบกราดเกรี้ยวของมาธวีปลุกให้คุณภุมรินและคุณกณิศที่เพิ่งเอนกายลงนอนได้ไม่ถึงชั่วโมงดีตื่นเต็มตา ทั้งคู่ผลุนผลันจากห้องของตนเองมาเคาะประตูห้องของบุตรสาวที่เป็นต้นเสียงสุดสยอง

ข้าวขวัญวางถาดเจียระไนลงที่เดิมของมัน ก่อนจะเปิดประตูให้เจ้าของบ้านทั้งสองที่เคาะประตูเรียกลูกสาวระรัวให้รีบเข้ามาห้ามปรามลูกสาวของตนเอง

“นี่มันอะไรกันน้ำตาล!” คุณกณิศตวาดก้องแต่ไม่อาจหยุดอารมณ์รุนแรงร้ายกาจของลูกสาวเขาลงได้ ฝาแฝดคู่นั้นยังถูกตบ ตี ไม่ยอมละไม่ยอมเลิก

คุณภุมรินที่บนหัวมีโรม้วนผมแถมใบหน้าก็มันย่องจากสารพัดครีมรีบเข้าไปดึงมือลูกของตนเองเอาไว้ พร้อมปลอบเสียงนุ่ม “หยุดค่ะลูก หยุดได้แล้ว อย่าตีพวกมันอีกเลยเดี๋ยวมือลูกแม่จะเจ็บหมดสวยเสียเปล่าๆ นะคะ หยุดเถอะค่ะ”

ดูเหมือนจะมีเสียงแม่เพียงเสียงเดียวเท่านั้นที่สามารถลอดผ่านความโกรธแค้นเข้าไปถึงสมองของลูกสาวได้ มาธวีที่เหงื่อซ่กเต็มตัว หายใจหอบถี่ มือไม้ก็แดงไปหมดจากการที่ใช้มือเปล่าทุบตีคนรับใช้โชคร้ายไม่เลือกที่ ปล่อยสองแฝดที่บัดนี้ใบหน้าของทั้งคู่นองไปด้วยน้ำตาและรอยเล็บของเธอไปตามคำขอของผู้เป็นแม่

“พ่อถามว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!” เมื่อเห็นลูกสาวสงบลงแล้ว คุณกณิศก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง

มาธวียังคงหอบหายใจถี่ ดวงตาฉายแววอาฆาตมองไปยังผู้หญิงที่ยืนนิ่งอยู่ข้างกายของพ่อ มือสั่นๆ ของเธอยกขึ้นชี้ไปที่ข้าวขวัญ “มัน...มันจะแย่งแฟนของน้ำตาลค่ะพ่อ มันจะทำอีกแล้ว มันจะแย่งพี่วีไปจากน้ำตาล!”

“ต๊าย!” คุณภุมรินขึ้นเสียงสูงปรี๊ด พร้อมมองลูกเมียเก็บของสามีด้วยสีหน้าพร้อมจะเอาเรื่อง “ทำไมถึงได้เป็นเด็กแบบนี้นะ พอเห็นน้ำตาลมีของรักเป็นไม่ได้ ต้องจ้องจะแย่ง นี่โรคจิตรึเปล่าเนี่ย!”

คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นโรคจิตทำหน้าประหลาด จะยิ้มก็ไม่ใช่จะบึ้งก็ไม่เชิง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเธอลองเอาตัวเองเปรียบเทียบกับคุณน้ำตาลแล้วน่ะสิ ถ้าเธอเป็นโรคจิต แล้วอย่างคุณน้ำตาลจะเรียกว่าอะไร

“ฉันไม่เคยคิดแย่งอะไรจากคุณน้ำตาลเลยสักครั้ง คุณน้ำตาลเธอคิดไปเอง ระแวงไปเองทั้งนั้น”

พอข้าวขวัญเอ่ยปากแก้ต่างให้ตัวเอง มาธวีก็กรี๊ดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมทั้งถลาเข้ามาหมายจะตบคนที่ทำหน้าซื่อ ตาใส แต่ริกๆ จ้องจะแย่งแต่แฟนของเธอเสียทุกครั้งให้หน้าหันอีกสักที หากข้าวขวัญที่โดนมาจนจับทางได้รีบหลบเข้าไปด้านหลังของคุณพ่อ ใช้ร่างสูงของคุณพ่อเป็นเกราะกำบังกาย

“หยุดน้ำตาล หยุด!” กณิศสั่งเสียงแข็งพร้อมทั้งจับไม้จับมือลูกสาวที่กางเล็บเข้าหาลูกอีกคนซึ่งซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเขาเอาไว้ “มีอะไรก็พูดกันดีๆ สิ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็จะทุบจะตีเขาแบบนี้”

สิ้นคำสั่งสอนของพ่อ ลูกสาวก็ร้องไห้ออกมาโฮๆ “คุณพ่อเข้าข้างมัน คุณพ่อรักมันมากกว่าน้ำตาลแล้วใช่ไหมคะ คุณพ่อไม่ยุติธรรม”

คุณกณิศถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ สั่งให้สองแฝดออกไปจากห้องลูกสาว ก่อนจะสั่งให้ภรรยานำลูกที่ร้องไห้ราวกับญาติเสียไปนั่งที่เตียง

เขามองเมียที่โอ๋ลูก กอดลูกเอาไว้กับอกแล้วโยกตัวเบาๆ ราวกับลูกเป็นเด็กหญิงไม่ใช่หญิงสาวแล้ว กณิศส่ายหน้า หันมามองลูกสาวอีกคนที่ยืนทำหน้าเฉยอยู่ข้างหลังแล้วถาม

“ข้าวไปทำอะไรน้ำตาลเขาถึงได้เดือดแบบนี้”

ข้าวขวัญส่ายหน้า “ข้าวก็ไม่รู้ค่ะ นอนอยู่ดีๆ แม่แฝดก็ไปลากข้าวมา บอกว่าคุณน้ำตาลต้องการพบ พอมาถึง ยังไม่ทันได้พูดอะไรกันคุณน้ำตาลก็ตบข้าว...” หญิงสาวเบี่ยงหน้าซีกที่ชาอยู่นิดๆ ให้ผู้เป็นพ่อดู “แล้วก็หาว่าข้าวไปให้ท่าแฟนของเธออะไรนั่น”

“มันจริงนี่ มันให้ท่าพี่วี พี่วีถึงได้ถามถึงแต่มันตลอดเวลาที่อยู่กับน้ำตาล มันทำอีกแล้วค่ะแม่ มันทำเหมือนครั้งที่มันแย่งพี่ยุทธ์ไปจากน้ำตาลอีกแล้ว” มาธวีโอดครวญกับมารดาที่พร้อมจะเข้าข้างเธอเสียทุกอย่าง

สายตาที่เชื่อว่าฝ่ายที่ตรงข้ามกับบุตรสาวเป็นผู้ผิดอย่างแน่นอนจ้องข้าวขวัญอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ‘พี่ยุทธ์’ ที่น้ำตาลเอ่ยถึงคือยงยุทธ์บุตรชายคนโตของนายทหารที่สนิทสนมกับครอบครัวเธอท่านหนึ่ง น้ำตาลมีทีท่าชอบพอกับยงยุทธ์ตอนเธอไปซัมเมอร์ที่อังกฤษแล้วได้พบกับนักเรียนนอกแบบยงยุทธ์

แม้ว่าตอนนั้นน้ำตาลจะอายุเพียงสิบเจ็ด ยงยุทธ์ยี่สิบ แต่ไม่ว่าจะเป็นฐานะ ชาติตระกูล หรือว่าหน้าตา นับว่าเหมาะสมกันทุกอย่าง ทั้งคู่คบกันในสายตาเห็นชอบของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แรกทีเดียวหลังจากน้ำตาลกลับมาจากซัมเมอร์ที่อังกฤษแล้วก็จะโทรคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋งเป็นประจำทุกวัน และเมื่อยงยุทธ์ปิดเทอมก็รีบบินกลับมาสานสัมพันธ์กันต่อ เกือบปีที่สนิทสนมกันจนร่ำๆ จะหาฤกษ์หมั้น กลับต้องมาแตก มาแยกกันไปเพราะแม่ของยงยุทธ์มากระซิบบอกเธอว่า

‘ตายุทธ์เขามาบอกดิฉันค่ะ ว่าไม่ได้แค่อยากหมั้น แต่พอเรียนจบตรีแล้วเขาจะขอแต่งเลย’

ภุมรินดีใจจนเนื้อแทบเต้น แต่พอได้ยินประโยคต่อมาพร้อมกับสีหน้าที่กระอักกระอ่วนของคุณหญิงตรีทิพย์ เธอก็แทบลมจับ

‘ยุทธ์เขาว่าที่เขาเทียวมาเทียวไปบ้านคุณ ไม่ยอมกลับไปร่ำไปเรียนต่อก็เพราะ...เขารักลูกสาวอีกคนของคุณกณิศที่ชื่อ...ข้าวอะไรนี่แหละค่ะ’

แน่นอนว่าภุมรินย่อมไม่มีวันยอมให้มีการหมั้นหรือว่าแต่งงานระหว่างลูกชายนายพลกับนังลูกเมียเก็บเกิดขึ้นแน่ เธอบอกคุณหญิงตรีทิพย์ไปว่า ‘ยายเด็กข้าวอะไรนี่น่ะเหรอคะ โธ่...คุณพี่ขา ผึ้งก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะคะ แต่เด็กคนนี้มันไวไฟค่ะ เพื่อนชายของน้ำตาลที่เคยมาเที่ยวที่บ้านนี่น่ะมันก็...เอ่อ...แอบไปมีอะไรๆ กับพวกนั้นมาหมดแล้ว มันไม่ได้ใสซื่อเหมือนกับหน้าตามันหรอกค่ะ มันน่ะก็แค่อยากจะจับผู้ชายดีๆ รวยๆ แล้วก็แต่งออกไปอย่างมีหน้ามีตาเท่านั้น นี่ถ้าผึ้งไม่ได้รักคุณพี่ ไม่ได้เคารพคุณพี่ ไม่หวังดีกับตายุทธ์ ผึ้งไม่บอกหรอกนะคะ เพราะผึ้งก็เอือมกับความสำส่อนของมันเต็มทีแล้ว นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าถ้ามันเกิดท้องไม่มีพ่อขึ้นมา คุณกณิศจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน’

คุณหญิงตรีทิพย์แทบลมจับเหมือนกันกับข้อหาร้ายแรงหลายประการที่เธอยัดเยียดให้นังลูกเมียเก็บ คุณหญิงเชื่อเธอสนิท จึงปฏิเสธบุตรชายอย่างเด็ดขาดไม่ให้ตบแต่งกับนังข้าว แล้วส่งบุตรชายคนเดียวกลับไปเรียนต่อที่อังกฤษเพื่อยุติความสัมพันธ์ระหว่างยงยุทธ์และข้าวขวัญ...รวมทั้งยุติความสัมพันธ์ระหว่างยงยุทธ์กับมาธวีไปโดยปริยายด้วย

สำหรับกณิศนั้น เธอรายงานเรื่องนี้ให้รู้เพียงแต่ว่า ฝ่ายชายนั้นมีแฟนใหม่เลยเลิกรากับน้ำตาลไป น้ำตาลก็โศกเศร้าเสียใจจนกระทั่งไม่มีแก่ใจเรียน และฉวยเอาเหตุนี้เป็นข้ออ้างในการที่น้ำตาลเอ็นท์ไม่ติดอีกต่างหาก

จากคุณ : (liz)
เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 00:28:13




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com