อิจฉา..อภิลักต์
|
|
ฉันเคยบอกเสมอ ๆ ถึงหลักการใช้ชีวิตของฉัน คือ "ไม่อิจฉาใคร แต่ใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา" ฉันใช้ชีวิตแบบคนเมือง ท่ามกลางห้องเช่าหรูใจกลางกรุง รายล้อมไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน และเงินเดือนมากกว่าหลักหมื่น อยากกินอะไรก็ได้กิน อยากไปไหนก็ได้ไป อยากซื้ออะไรก็ได้ซื้อ ไม่มีหนี้ ไม่มีโรคภัย ชีวิตที่ดูเหมือนจะมีพร้อม..แต่ก็มีอะไรบางอย่างที่มันขาดหาย เหมือนจิ๊กซอว์ที่แหว่งวิ่น
วันนี้ฉันสัมผัสถึงความอิจฉาเป็นครั้งแรก..มันวิ่งจากหน้าจอโทรทัศน์ แทรกซึมสู่หัวใจ ผู้ชายคนที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้เค้าชื่อ อภิลักต์ แซ่ฮ้อ..(หาใช่อภิรักษ์อดีตพ่อเมืองรถดับเพลิงฉาวไม่) หากเห็นหน้าตา ฐานะของเค้า คุณอาจจะหัวเราะเยาะ หาว่าฉันบ้าไปแล้วที่ไปอิจฉา "คนอย่างเค้า"
อภิลักต์ เป็นคนเก็บขยะ สติไม่ค่อยเต็ม รูปร่างแคระเกร็น หน้าตาค่อนไปทางอัปลักษณ์ อาศัยอยู่ในห้องรูหนู กับแม่ชราที่ป่วย แต่มีเงินฝากในบัญชีอีกครึ่งแสน ที่ทยอยฝากวันละ 20 บาท เป็นเวลา 16 ปี ซึ่งเงินก้อนนั้นถูกเก็บไว้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดของแม่ ปล่าวเลย ฉันไม่ได้อิจฉาที่เค้ามีเงินเก็บเยอะแยะ ..(แต่ก็ต้องยอมรับว่า เค้ามีเงินเก็บในบัญชีเยอะกว่าฉันเสียอีก)
ระบอบการคิดที่ไม่ซับซ้อน รอยยิ้มที่ไม่ได้ปั้นแต่ง และหัวใจรัก ที่กตัญญูต่อคุณแม่ ......มันบริสุทธิ์เสียจนน่ากราบ คำว่าคนจนผู้ยิ่งใหญ่ เป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่เกินตัวเค้าเลย
เรื่องราวของอภิรักต์ ถูกถ่ายทอดออกมา ผ่านรายการตีสิบ เขย่าหัวใจดวงเล็กของฉันให้สั่นไหว..ความรู้สึกซาบซึ้งถูกถ่ายเทออกมาเป็นหยาดน้ำตา
นั่งมองอภิลักต์ แล้วย้อนมองตัวเอง รายได้จากการเก็บขยะแค่วนละไม่กี่สิบบาท..แต่ความเพียรทำให้มีเงินเก็บกว่าครึ่งแสน แล้วฉันล่ะ...? เงินเดือนหลายหมื่น..มีเงินเก็บในบัญชีแค่ไหน? อภิลักต์เดินไปไหนมีแต่เพื่อนบ้าน คอยเอ็นดู ให้ความช่วยเหลือ แล้วฉันล่ะ...? ห้องข้าง ๆ ชื่ออะไรฉันยังไม่เคยรู้จัก อภิลักต์มีแม่ไว้คอยดูแลกันและกันอยู่ใกล้ ๆ แล้วฉันล่ะ...? โดดเดี่ยวท่ามกลางเมืองไร้น้ำใจ อภิลักต์ยิ้มได้ทันทีจากหัวใจ โดยไม่ต้องเสแสร้ง แล้วฉันล่ะ...? จะยิ้มแต่ล่ะทียังต้องคิดคำนวณ อภิลักต์รู้ว่าความสุขของเค้าคือการได้ทำให้แม่มีความสุข แล้วฉันล่ะ...? ความสุขจริง ๆ ของฉันคืออะไร?
ความเป็นตัวตนที่ไม่ได้เสแสร้งของอภิลักต์ มันช่างงดงามกว่ารูปกายภายนอก..งดงามเสียจนน่าอิจฉา อย่างน้อยที่สุด..เค้ายังรู้จักความสุขที่แท้จริง
เค้าจะรู้ไหมนะ..เค้าโชคดีแค่ไหน ที่ได้ใช้ค่ำคืน และตื่นมาพร้อมคนที่เค้ารัก ผิดกับฉัน..ที่ต้องผ่านคืนเหงา คืนแล้ว คืนเล่า ตื่นมาอย่างอ้างว้าง..ไม่มีคนเคียงข้าง ..รักแค่ไหนก็ไม่สามารถอยู่ใกล้ ๆ ได้ คิดถึงแค่ไหน..ก็ไปหาไม่ได้...
บ่อยครั้งที่นอนร้องไห้ มองรูปถ่ายคนที่ฉัน "รักมากที่สุด" จนหลับไปพร้อมกับน้ำตา แล้วตื่นขึ้นมาเจ็บปวดอีกครั้ง กับความจริงที่ไม่มีคนเคียงข้าง
ฉันโหยหาคำว่า "ครอบครัว" ฝันเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ คือการได้ใช้ชีวิตรายล้อมอยู่กับคนที่ฉันรัก ทำไมฝันง่าย ๆ แค่นี้ถึงได้เป็นจริงยากนัก???
ความบาดหมางของฉันกับพ่อ มันขยายกว้างจนเกินกว่าจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน พ่อยังคงไม่อภัยให้ฉัน ..ฉันเองยังมีอคติกับพ่อ ..... ทั้ง ๆ ที่รัก และคิดถึงเหลือเกิน ฉันอยากกลับไปใช้ชีวิตอยู่บ้านสวน ห่างไกลแสงสี อยู่ท่ามกลางความรักของพ่อ กับแม่ และคนที่ฉันรัก
ความพลุ้งพล่านในใจสั่งให้ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาพ่อ ฉันไม่เคยโทร.หาพ่อเลย โทรหาแต่แม่ ถ้าครั้งไหนบังเอิญพ่อรับสาย ฉันก็จะขอสายแม่ เป็นอย่างนี้มาตลอดมากกว่า 5 ปี "ละ โหล" เสียงพ่อรับสายคล้ายงง ๆ แกมตื่นเต้น "พ่อหลับยัง?" "ยัง..ดูที.วี.อยู่ จะคุยกับแม่หรือ? แม่หลับไปแล้วนะ" "ป่าว..โทรหาพ่ออ่ะแหละ" "มีไร..โทรมาซะดึกดื่น? เกิดปัญหาอะไรหรือปล่าว?" ฉันกลืนก้อนสะอื้นในลำคอ พยามปรับเสียงไม่ให้สั่น "หนูคิดถึงพ่อค่ะ..รักพ่อนะ" "...พ่อก็คิดถึงอ้อม" พ่อตอบเสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน "ฝันดีนะคะ หายไวไว ..แค่นี้นะคะ" ฉันรีบตัดบทวางสายก่อนที่จะปล่อยเสียงโฮให้พ่อได้ยิน
..
พรุ่งนี้..ฉันจะไปธนาคาร โอนเงินเข้าบัญชีคุณอภิลักต์ บุคคลผู้น่าอิจฉาที่สุด..ในความรู้สึกของฉัน
จากคุณ |
:
แม่มดราตรี
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ก.ย. 52 05:47:31
|
|
|
|