Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
*+*+*+*+*+___คืนปิดตา___+*+*+*+*+*  

.
                                                   เรื่องสั้น : คืนปิดตา

นวิยาเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบสี่ผู้มีหน้าตาคล้ายคนอายุยี่สิบเก้า (อีกหนึ่งวันครบสามสิบ) โครงร่างเล็กของเจ้าหล่อนถูกพอกไว้ด้วยชั้นไขมันตามจุดต่างๆ ทำให้แทนที่จะดูน่ารักคุขิอาโนเนะ กลับกลายบึกบึนผิดลักษณะจนบางทีคล้ายหนุ่มโบราณที่ผ่านศึกมานับสิบครั้ง

อย่างไรก็ตาม ความคิขุของนวิยายังสามารถส่งลำแสงแยงตาชายได้ด้วยดวงตาอันมีเสน่ห์ของเธอ

แต่ไหนแต่ไรมา ใครๆ ก็บอกว่านวิยาตาสวย

ถึงตัวจะดำ หน้าจะคล้ำบานเป็นกระด้ง จมูกบี้ ปากกว้างขนาดไหน แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเธอตาสวย

ดวงตาเป็นความภาคภูมิใจของนวิยาตั้งแต่เด็กจนอายุยี่สิบสี่ และเพราะรู้ว่ามันคือจุดศูนย์รวมแห่งเสน่ห์ที่มีอยู่ทั้งร่างกาย ในแต่ละวัน ความรักสวยรักงามของนวิยาจึงพาให้เธอมักเปิดหน้าหนังสือแมกกาซีนหรือหน้าอินเตอร์เน็ตเพื่อแสวงหาเคล็ดลับในการสร้างความโดดเด่นให้แก่ดวงตาตน

นวิยารู้จักเขียนขอบตาตั้งแต่อายุสิบเอ็ด

หลังจากมีคนบอกว่าเมื่อเขียนขอบตาแล้วเธอสวยขึ้น นวิยาเขียนย้ำขอบตาจนวงกว้างขึ้นคล้ายหมีแพนด้ากระทั่งปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะมีเสียงติฉินนินทาเพียงไหน นวิยาไม่เคยยอมให้คำเหล่านั้นมาทำร้ายทำลายความมั่นใจของเธอ

ขนาดออกแดดแรงกล้า นวิยาก็ยังไม่เคยยอมสวมแว่นกันแดด

“แดดแพ้ความสวยของฉัน”

เธอตอบอย่างมั่นใจ

ใช่ ตราบใดที่นวิยายังสามารถโชว์ดวงตาของเธอให้ผู้พบเห็น นั่นย่อมเป็นช่วงเวลาที่หญิงสาวมั่นใจเสมอ

เธอคิดว่าเธอจะมั่นใจไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

ต่อให้แก่ตัว หนังตาจะหย่อนมาปิดตา เธอก็จะลงทุนไปกรีดมันให้เปิดอ้าเหมือนเก่าจนได้

แต่ความเที่ยงแท้ไม่เคยมีอยู่ในประจุของสากลโลก นวิยาไม่รู้ตัวเลยว่า ความมั่นใจของเธอจะหดหายลงในวันหนึ่ง

วันที่ซึ่งเธออาจจะไม่ได้โชว์ดวงตาคู่สวยของเธอไปอีก...จนตลอดกาล

.......................



เพราะความรักสวยรักงามและความมั่นใจเกินพิกัดนั่นแหละที่ทำให้นวิยาตาเจ็บ

จะโทษนวิยาคนเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษบานกระจกในห้องน้ำของที่ทำงาน เพราะมันทั้งมัวทั้งขุ่นจนเธอส่องหาความสวยของตัวเองแทบไม่พบ

นวิยาต้องแหกปลิ้นตามากกว่าปกติเพื่อวงสีดำให้ทั่ว เน้นดวงตาของเธอให้สวยเจิดเกินใคร

ความมันส์ของเจ้าตัว เมื่อผสมความมัวของกระจก ทำให้เธอเผลอจิ้มอายไลน์เนอร์เข้าไปในลูกตาตัวเองทั้งสองข้าง

ตอนแรกมันก็ยังไม่เท่าไหร่ นวิยาอดทนต่อสู้อาการเจ็บแปล๊บๆ ชั้นต้นในดวงตาของเธอได้ เรื่องที่จะให้ลางานไปหาหมอน่ะ...อย่าหวัง เดือนทั้งเดือนที่ผ่านมาเธอผลาญวันลาไปหมดด้วยการเดินหาซื้ออายไลน์เนอร์เวอร์ชั่นใหม่ที่เพิ่งก๊อปมาวางชายในตลาดนัดได้ไม่นานไปหมดแล้ว

ความอดทนของนวิยาหมดลงเมื่อมีเสียงทัก...

“นวิยา...ทำไมตาเธอเป็นอย่างนั้น”

“ตาฉันสวย”

“ไม่ใช่”

“ตาฉันสวย!” นวิยายังมั่นใจ เธอตอกย้ำความมั่นใจด้วยการกรีดนิ้วแหกลูกนัยน์ตาให้เพื่อนสาวคนทัก (ที่เธอคิดว่าขี้อิจฉา) ให้ได้เห็นชัดๆ

“ว๊าย!”

ใช่เพียงแต่ความตกใจของเพื่อนสาว  นวิยาเองใจหายตกไปอยู่ใต้ตาตุ่ม (ซึ่งที่จริงก็อยู่ห่างจากช่วงอกไม่ถึงร้อยเซนต์หรอก) เมื่อเธอพบว่า ปลายนิ้วของเธอสัมผัสได้ถึงน้ำเหนียวๆ...


นวิยาเพิ่งรู้สึกตัวว่าในหน่วยตาของเธอชุ่มฉ่ำผิดปกติ

ที่ทำให้หญิงสาวแทบช๊อกก็คือ ทันทีที่เอานิ้วห่างออกมาเพ่งพิศ เธอพบว่าของเหลวนั้นมีสีแดงข้นคลั่ก

เหตุการณ์อันเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดนั้น จบลงตรงนวิยาคว้ากระเป๋าแอลวีที่ก๊อปปี้มาซะเหมือน แล้ววิ่งปร๋อออกจากที่ทำงานไปโรงพยาบาลทันใด

..............



โรงพยาบาลที่นวิยาเข้ามาพักนั้นเป็นโรงพยาบาลรัฐแถบชานเมืองของตัวจังหวัด เป็นโรงพยาบาลเก่าแก่ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ ดูได้จากสภาพทั้งภายในและภายนอก

ตัวตึกสามชั้นไม่กว้างใหญ่นัก ทาสีเขียวอ่อน มุงหลังคาด้วยกระเบื้องแบบเก่าที่สีซีดจนไม่สามารถกระทั่งจะจินตนาการสีเดิมออกได้ ด้านหน้าเป็นลานแคบๆ สำหรับจอดรถ รอบลานนั้นปลูกต้นไม้สูงและแลดูไสวยามลมไกวใบโบกปลิว

นวิยาไม่เคยเข้าโรงพยาบาลนี้มาก่อน

อันที่จริงเธอเป็นคนจังหวัดอื่น ย้ายมาเพราะสาขาต้องการพนักงานเพิ่ม

แต่ก็นั่นแหละ จะว่าไปแล้ว ปกติตอนที่อยู่ที่บ้าน ร้อยวันพันปีนวิยาก็แทบไม่เคยเข้าโรงพยาบาลเลย ที่จำได้เลาๆ ว่าเข้า...ก็เข้าเพราะพาเพื่อนพาญาติเข้าไปมากกว่า เธอน่ะ...เหมือนได้พรวิเศษแห่งความบึกบึนแข็งแรง แลกมากับหน้าตาคิขุอาโนเนะแบบประหลาดๆ นี้

ไม่รู้เป็นเพราะอาการเลือดคั่งในลูกตาหรืออย่างไร ขณะเดินผ่านไปที่เคาน์เตอร์ นวิยาเห็นราวกับว่าผนังที่ใช้กระเบื้องเคลือบสีเขียวปิดตลอดนั้น ดูราวกับมีสีแดงโลหิตป้ายแข็งแห้งกรังอยู่ตามบางซอกบางส่วน

เธอไม่รู้อีกเหมือนกันว่า หญิงสาวรายหนึ่งที่เดินกะโผลกกะเผลกอยู่ข้างหน้านั้นเป็นอะไร อาการเลือดคั่งทำให้เธอเห็นราวกับที่หน้าขาของเจ้าหล่อนชุ่มโชกไปด้วยเลือดชนิดต่อลงมาถึงพื้นข้างล่าง

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็นเวลาเย็นมากแล้ว แล้วบรรยากาศของที่นี่ก็ไม่สู้ดีเหมือนแฟชั่นมอลล์ต่างๆ นวิยาจึงรีบก้าวแซงผู้หญิงคนนั้นไป หมายมาดในใจว่าถ้าถึงเคาน์เตอร์ก่อน เธอจะได้เข้าตรวจก่อน ไม่ต้องรอนานด้วย

นวิยาสมใจ เพราะว่าโรงพยาบาลแห่งนี้แทบไม่มีคนนั่งรอรับบริการอยู่เลย นางพยาบาลที่เคาน์เตอร์เองยังถึงกับเปิดโทรทัศน์เครื่องจิ๋วดูละครก่อนข่าวเน่าสนิทชนิดแทบมีกลิ่นลอยออกมานั้นอยู่ตามลำพัง

การให้บริการของโรงพยาบาลรัฐเป็นเรื่องน่าเบื่อตั้งแต่สมัยไหน ฉะนั้นเราจะขอข้ามไปถึงช่วงสำคัญหลังจากการตรวจเสร็จสิ้น

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหมอไม่เก่ง หรือเครื่องมือไม่ดี คือ...นวิยาไม่คิดหรอกว่าตัวเองจะเกิดอาการผิดปกติมหัศจรรย์อะไรกันนักหนา แต่นั่นแหละ หมอบอกว่าเธอน่าจะอยู่รับการรักษาอย่างชิดใกล้ และรอดูอาการไปซักคืน

ตอนแรก นวิยาไม่ยินยอม เพราะว่า...ไม่ว่าใครนั่นแหละ เจอสภาพโรงพยาบาลทั้งหลอนทั้งร้างอย่างนี้ย่อมไม่อยากเข้าแอดมิด อีกอย่างคือเธอเองยังไม่แน่ใจด้วยว่าจะต้องจ่ายค่าห้อง ค่ายาเพิ่มขึ้นอีกมากโขซักเท่าไหร่ (สู้เอาเงินไปซื้ออายไลน์เนอร์สายพันธุ์ใหม่ที่กำลังจะออกดีกว่า!)

แต่ไม่ช้าเธอก็ต้องยอม

เป็นเพราะหมอจัดการล้างตาเธอ แล้วหยอดยากลิ่นฉุนบางอย่าง ฉุนชนิดหยอดเข้าตาแล้วแสบไปถึงคอน่ะ จากนั้นนวิยาก็ต้องถึงการอวสานความมั่นใจเมื่อได้ยินคำ

“ตอนนี้หมอคงต้องปิดตาคุณไว้ก่อน”

“ค...คะ?”

“หมอต้องปืดตาคุณไว้ก่อน”

“ต้องปิดตาดิฉันก่อน?”

คำทวนถามของนวิยาทำให้นายแพทย์หนุ่ม (เหลือ) น้อยถึงกับกลอกตา

“นอกจากตาไม่ดีแล้วคุณยังหูไม่ดีอีกเหรอเนี่ย?”

กว่านวิยาจะเถียงชนะว่าเธอ ‘ตาดี’ หญิงสาวก็ถูกนายแพทย์และนางพยาบาลฟันเหยินจับเอาผ้ารุ่ยๆ ปิดตา แล้วมัดผ้าก๊อตยาวๆ พันรอบหัว

“ฮุกฮ่ะ เหียวฮิฮั้นฮาฮาฮอง”

“คะ?”

นวิยาเริ่มคิดแล้วว่าหรือเธอจะหูไม่ดีจริงๆ

เพราะปิดตาอยู่ นวิยาจึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่านางพยาบาลฟันเหยินแยกเขี้ยวและทำท่าเหมือนจะเอาฟันกระต่ายมาเฉาะหัวเธอด้วยเริ่มกรุ่นๆ นึกว่าโดนกวน แต่แล้วก็เกิดความรู้สึกขยะแขยงเลือดที่เริ่มเอ่อขึ้นมาจนติดผ้าก๊อตเป็นรูปเบ้าสองข้างเสียก่อน เจ้าหล่อนจึงกระแอมกระไอในลำคอ แล้วค่อยพยายามพูดด้วยเสียงที่พยายามบังคับให้ผ่านฟันหน้าคู่ใหญ่ เพื่อให้ฟังชัดเจนขึ้น

“ลุกค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะประคอง”

“อ๋อ...ค่ะ”

นางพยาบาลฟันเหยินประคองแขนแห้งกร้านของนวิยา พาเธอลุกแล้วกดบ่าให้นั่งจุมปุ๊กลงบนเก้าอี้รถเข็นที่ถูกนำมาจอดไว้ไม่ไกลกัน

“วันนี้คุณคงต้องพักที่นี่ก่อนนะคะ คุณหมออยากดูอาการของคุณก่อน”

“ค่ะ คุณหมอบอกดิฉันแล้ว”

แต่เธอไม่ได้บอกนางพยาบาลฟันเหยินว่า ที่เธอยอมนอนพักรักษาตัวที่นี่ เป็นเพราะเธอไม่มั่นใจถ้าต้องไปปิดตาแล้วอาศัยอยู่ในโลกล้นมนุษย์ภายนอกต่างหาก

นวิยาไม่ยอม ‘ไม่สวย’ ต่อหน้าคนข้างนอกเป็นแน่แท้

และ...นั่นแหละ...ถ้านวิยาบอกนางพยาบาลฟันเหยิน เธอเองก็คงจะได้รับคำตอบ...อย่างน้อยก็เป็นคำสวนในใจของนางพยาบาลว่า

‘ต่อหน้าคนข้างในฉันก็เห็นหล่อนไม่สวยมาตั้งแต่แรกแล้วแหละย่ะ!’

.........................



เนื่องจากถูกปิดตาอยู่ นวิยาจึงไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่าสภาพห้องที่เธอถูกนำเข้ามานั้นมีลักษณะเป็นเช่นใดแน่

และเพราะเธอไม่มีเซ้นส์ของนักสืบอย่างเชอร์ล๊อกโฮล์มส์ที่สามารถวิเคราะห์อะไรต่อมิอะไรได้เป็นวรรคเป็นเวร นวิยาจึงไม่สามารถวิเคราะห์จากสภาพเหตุการณ์รอบกายได้แม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่มีเวลาพอสมควรขณะนางพยาบาลฟันเหยินจอดรถเธอไว้หน้าประตูห้อง แล้วเดินเข้าไปจัดแจงข้าวของก่อน

และนั่นแหละ เพียงซักนิดหากจะคิดวิเคราะห์ นวิยาก็คงพอจะรู้อยู่หรอกว่า...

เสียงรองเท้าส้นสูงของนางพยาบาลฟันเหยินที่เดินกระทบพื้นนั้น เอียดอาดและดังผิดปกติ แสดงว่าพื้นไม้ในห้องนี้ คงกร่อนกว่าภายนอกมากนัก

เสียงครวญครางของบานประตูที่เบาจนผิดระดับ เกิดจากคนเปิดพยายามแง้มอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้มันหลุดออกมาจากบานพับอันเก่าราวนานนับศตวรรษ

เสียงจุดไม้ขีดแว่วๆ น่าจะทำให้พอรู้ว่า ภายในห้องไม่มีหลอดไฟที่สว่างพอหรือใช้การได้อีกต่อไป (บางทีอาจจะยังไม่ได้ซื้อของใหม่มาไขเปลี่ยนก็ได้) อีกทั้งการจุดติดเพียงครั้งเดียวก็ยังบ่งบอกว่าข้างในไม่มีการระบายอากาศที่ดีเท่าที่ควร

“เอ่อ...คุณนางพยาบาลคะ...”

“คะ?”

“ไม่ทราบว่าในห้อง...มีใครอยู่ด้วยรึเปล่า?”

เป็นโชคดีหรือโชคร้ายไม่รู้ได้ที่นวิยามองไม่เห็น... นางพยาบาลฟันเหยินถึงกับชะงักมือบนเก้าอี้ ทั้งเบิกตากว้างขึ้นมาเล็กน้อยในทันทีที่ได้ฟังคำถามนั้น

แปลก...ทั้งๆ ที่ห้องนี้ไม่มีการระบายอากาศ หากนางพยาบาลฟันเหยินกลับรู้สึกได้ถึงลมเย็นที่แตะต้นคอ

“ท...ทำไมคะ...?”

“ค...คือว่า...”

อาการลีลาละล้าละลังของผู้ป่วย ยิ่งทำให้นางพยาบาลยื่นฟันเหยินของเธอไปใกล้หัวกบาล

“มีอะไรเหรอคะคุณ?”

คราวนี้ต่อให้ไม่ใช่คนช่างสังเกตเพียงใด นวิยาก็ยังรู้สึกได้ว่าเสียงนั้นลดลงแผ่วเบาราวกระซิบ โดยเฉพาะลมเย็นๆ ไล้ผ่านบริเวณช่วงคอไปแผ่วๆ ทำให้หญิงสาวคิดว่าคุณนางพยาบาลคงโน้มตัวลงมาคุยกับเธอ

และเป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่ทราบได้ที่เธอมองไม่เห็น

เพราะที่จริง...นางพยาบาลยังยืนตัวแข็งตรงเหมือนเดิม!

“คือ...ดิฉันไม่มั่นใจน่ะค่ะที่ต้องถูกปิดตาอย่างนี้ ปกติดิฉันเป็นคนรักดวงตามากที่สุด ไม่เคยปิดตาต่อหน้าใครเลย”

“เอาะ...อ๋อ...” เสียงตอบคราวนี้ฟังดูดีขึ้น

“คุณวางใจได้ค่ะ ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้เลยนอกจากคุณ”

“อืมม์...ดีค่ะ”

นวิยาถูกเข็นเข้าไปด้วยระยะเวลาเพียงสั้นๆ ตอนนี้เนื่องจากโล่งใจที่ไม่ต้องโชว์หน้าตอนปิดตาของตัวเองให้ใครได้เห็นแล้ว หญิงสาวจึงพอมีสติเผื่อแผ่มาสังเกตสังกาได้บ้างว่า ระยะเวลาเพียงแค่นั้น เมื่อผนวกรวมเข้ากับการที่คุณนางพยาบาลบอกว่าเธอจะไม่ต้องอยู่ร่วมห้องกับใคร น่าจะตีความได้ว่าห้องนี้เป็นห้องพักเดี่ยวที่เล็กแสนเล็ก

ความมองโลกในแง่ดีทำให้นวิยาคิดว่า น่าจะเป็นเพราะโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเก่าและค่อนข้างห่างไกลผู้คน นางพยาบาลจึงสามารถให้เธอเข้ามาพักในห้องเดี่ยวได้

หญิงสาวไม่ได้คิดสงสัยเป็นอื่นเลย ไม่แม้กระทั่งเมื่อนางพยาบาลฟันเหยินหิ้วปีก วางร่างของเธอลงบนเตียงซึ่งมีฟูกแข็งๆ ราวกับแผ่นกระดานรองรับอยู่ แล้วถามด้วยเสียงไม่แน่ใจว่า

“คืนนี้ คุณไม่อยากให้ใครมาอยู่เป็นเพื่อนจริงๆ เหรอคะ?”

“ค่ะ ดิฉันไม่ต้องการเพื่อนเฝ้าหรอก”

นวิยาตอบได้โดยไม่ต้องคิด

ไม่ใช่ไม่มีคนคบ ต้องให้ย้ำอีกซักกี่รอบล่ะว่าเธอไม่อยากให้ใครได้พบตอนตัวเองไม่สวย!

เป็นอีกครั้งที่ปฏิกิริยาตอบรับค่อนข้างแปลก…

เสียงถอนหายใจซึ่งบอกถึงความหมายบางอย่างของคนพามา!

“ถ้างั้นคุณก็นอนเพลินๆ ไปก่อนแล้วกันนะคะ ถ้ามีอะไรก็กดเรียกดิฉันได้”

“ค่ะ”

ตอบโดยไม่ถามด้วยซ้ำว่าจุดกดเรียกนั่นอยู่ที่ไหน

และจนลับหลังคุณนางพยาบาลไป นวิยาก็ไม่ได้สังเกตอีกนั่นแหละว่า เสียงเปิด – ปิดประตูคราวนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแทบจะทันทีที่เธอกล่าวจบ!

..............................

แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 52 17:10:16

จากคุณ : งี่เง่าบอย
เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 17:01:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com