[อิสรภาพ..บนคราบน้ำตา]
|
|
ตี 2 กว่า .. ที่ร้านข้าวมันไก่ร้านโปรดใกล้บ้าน... ฉันต้องคอยโบกมือไล่พวกที่มาขายของ ที่ทยอยเข้ามาไม่ขาดสาย ทุก ๆ 5 นาที สายตาฉันไม่ได้โฟกัสที่จุดใด ใด ไม่เห็นทั้งสิ่งที่อยู่ตรงหน้า...และ..อนาคต...
นี่เป็นอาหารมื้อแรก ของวันนี้ทั้งวัน ฉันลำเลียงข้าวแต่ละคำเข้าสู่ปากอย่างยากเย็น กรามล้า ไร้เรี่ยวแรงจะบดเคี้ยว .. ลำคออุดตันด้วยก้อนอะไรซักอย่าง.. จุกจนกลืนแทบไม่ลง แม้แต่น้ำลายตัวเอง
เพลงจาก walk man ยังดังก้อง แต่หัวใจกลับได้ยินแค่บทสนทนาของเราเมื่อครู่ Replay ซ้ำไปซ้ำมา เกิดอาการใจหายแบบเฉียบพลัน เกินกว่าจะกลั้นน้ำตาไว้ได้อีก ปล่อยให้ความอ่อนแอได้ทำหน้าที่อย่างไม่คิดจะปัดปฏิเสธ ไม่แยแสโลกรอบข้าง .. คนขายของไม่สนกาละเทศะยังยืนตื้อไม่ไป ทั้ง ๆ ที่ฉันโบกมือไล่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว.. ไม่เห็นบ้างหรือไง ว่าฉันกำลังร้องไห้ เข้าใจอารมณ์กันบ้าง อย่ายัดเยียดขายแบบไม่ลืมหูลืมตานักเลย บ่นในใจ แล้วเงยหน้าขึ้นมอง ถึงได้รู้ว่าเค้าตาบอด..
จึงตัดใจจ่ายตังค์ซื้อแคปหมูที่ไม่ได้ตั้งใจจะกิน ด้วยความรู้สึกหน้าแตกนิด ๆ .. .. แล้วปล่อยใจจมในภวังค์กับเรื่องราวของเราอีกครั้ง .. .. "หายบ้ายังเอ่ย คิดถึงนะ คริ คริ" นี่คือข้อความแรกที่เธอส่งมา หลังจายหายหน้าขาดการติดต่อไป 3 หรือ 4 วัน (ฉันไม่แน่ใจ ขี้เกียจจะนับให้มันเจ็บปวด)
เจอกันครั้งนี้..ฉันเหมือนเผชิญอยู่กับคนแปลกหน้า ... รัก คิดถึง อยากกอด โมโห ชิงชัง อยากตบ ปน ๆ แปลก ๆ ในใจ วางตัวไม่ถูก เราพูดคุยกันค่อนคืน แต่มันก็วกวนเหมือนหนังม้วนเก่า.. ฉายซ้ำ ๆ ๆ ๆ ๆ เดิม ๆ วนไปวนมา คุยกันมากมาย แต่ไร้คำตอบ ไร้บทสรุป เหนื่อยระอากับการนั่งสีซอ ต่อปากต่อคำกับคนที่สมองพัฒนาช้ากว่าอายุ
ฉันทำร้ายความรู้สึกเธอ.. เธอทำร้ายความรู้สึกฉัน.. ฉันเหนื่อย..เธอเหนื่อย ฉันเบื่อ...เธอเบื่อ
ทุกความรู้สึกที่อัดอั้นถูกฟ้องมาทางแววตาอย่างชัดเจน
หากรักเป็นเหมือนต้นไม้ รากแก้วคือความผูกพัน ส่วนความเข้าใจคือปุ๋ย
....ต้นรักของเราขาดปุ๋ย...ถึงได้แคระเกร็นและอ่อนแอ... ต่อให้ไม่มีมือที่สามมาเป็นแมลงร้ายรบกวน...มันก็ไม่อาจเติบโต
เป็นปัญหาที่เราแก้ไขไม่ได้ ความรักเราถึงได้ส่อเค้าหายนะ เราต่างก็รู้กันดีมาโดยตลอด ..
เธอเอ่ยขึ้นมาว่าในนาทีเกือบสุดท้ายว่า "สมมุติถ้าเราเลิกกันล่ะ?"
นี่เธอ กำลังเล่นโยนหินถามทางอยู่หรือ..ที่รัก? คำว่าเลิก มันก็เหมือนส่งความรักเข้าหลักประหาร มันต้องเจ็บปวดทรมาน โดยไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่น้อยที่สุดมันก็ยังดีที่มันชัดเจน ดีกว่าสับสนทรมาณ กับความคลุมเครือ ของการรอคอยที่ไร้คำตอบ มันคาราคาซังและปิดโอกาสคนอื่น ๆ ใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตให้ศึกษา
...
"ไม่ต้องสมมุติหรอก...เราเลิกกันนั่นแหละ ดีที่สุดแล้ว" ฉันสรุป เธอใช้ความเงียบงันแทนคำตอบ แต่เราก็เข้าใจตรงกัน ..
จนเธอจากไปแล้วพักใหญ่... ฉันถึงได้ปลดปล่อยความอ่อนแอที่ร้านข้าวมันไก่เพียงลำพัง ฉันได้อิสระภาพที่ปราถนา ปนเปื้อนมาด้วยน้ำตาเล็กน้อย...
กับ..แคปหมู อีกหนึ่งห่อ!
แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 07:44:58
จากคุณ |
:
แม่มดราตรี
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ก.ย. 52 04:14:35
|
|
|
|