สองมือแม่ ตอนที่ ๒
|
|
๒. วัยสาว
ลมหายใจแห่งรักกลิ่นหอมกรุ่นเหมือนกลิ่นข้าวหอมดอกมะลิ ความสมหวังในรักดุจดวงตะวันอันเจิดจรัส สาดแสงสุกอร่ามอวลอุ่นในยามเช้า ยามค่ำคืนฟ้างามระยับพราวด้วยแสงตะเกียงเงินของดวงดาว แม้ในคืนเดือนเพ็ญ...แสงโคมทองยังโชยกลิ่นหอมเย็น ละไมละมุนมาสู่ดวงใจแม่ยามนิทราฝัน
พ่อบุญถึง หอบฝันอันบรรเจิดมาจากเมืองยศ ( ยโสธร ) แบ่งปันให้แม่ครอบครองเต็มดวงใจ หลังแต่งงานแม่ได้เปลี่ยนนามสกุล พลเยี่ยม เป็นนามสกุล โคตรพันธ์ ตามสกุลพ่อ แปลกต่างจากนามสกุลผู้คนในหมู่บ้าน ซึ่งมีเพียง พลเยี่ยม และ แวงวรรณ เท่านั้น
พี่ชายของแม่ ๒ คน คือ คุณลุงกูด คุณลุงรอด แต่งงานออกเรือนไปเลี้ยงพ่อตาแม่ยายเฒ่าหลายปีแล้ว พี่สาวแม่ ๓ คน คือ คุณป้าบุญสวน คุณป้าปัด แต่งงานออกเรือนไปเลี้ยงปู่เลี้ยงย่าเฒ่าแล้วเช่นกัน ส่วนคุณป้าบัวแต่งงานกับคุณลุงเข็ง นาเมืองรักษ์ กำลังปลูกเรือนใหม่กลางสวนกล้วยแม่ใหญ่ทุมมา ขนบธรรมเนียมชาวอีสาน เมื่อเขยใหม่ย้ายเข้ามาอยู่เรือนกับพ่อตาแม่ยาย เขยเก่าต้องขยับขยายออกเรือนไปตามวาระ ไม่ต่างกับมดปลวกงอกปีกบินขึ้นชมปวงดาวบนฟากฟ้าในคืนแรม พ่อแม่จะแบ่งปัน มูลมัง วัวควายไร่นาให้ลูกทำกินเลี้ยงชีพตามสมควร วิถีชีวิตชาวนา... ทุ่งข้าวเปรียบดังอ้อมอกมารดา สายฝนหลั่งรินดุจหยาดเหงื่อบิดาที่รวยรดท้องทุ่งให้ชุ่มฉ่ำอุดมสมบูรณ์
ทุ่งข้าวขาดฝนไม่ได้ฉันใด ชีวิตครอบครัวก็ขาดแม่และขาดพ่อไม่ได้ฉันนั้น สายสัมพันธ์พ่อแม่โอบเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน รูปรอยอดีตปริเปี่ยมในห้วงทรงจำของฉัน คำบอกเล่าของแม่นั้นช่างแจ่มกระจ่างนัก...
บ้านของครอบครัวตาสวงเป็นเรือนใหญ่มีเกย เครื่องเรือนสับฝากระดาน มุงหลังคาด้วยแผ่นไม้เกล็ด ชานแดดยื่นออกไป ด้านหน้าริมชานสร้างร้านแอ่งน้ำวาง
โอ่งดินเรียงรายไว้ดื่มกินยามพักผ่อน ร้านแอ่งน้ำน้อยมุงหลังคาไม้เกล็ดกันแดด ด้านข้างโล่งลมโกรกโอบชุบน้ำในโอ่งดินเย็นฉ่ำน้ำฝนใสเย็น ตักดื่มด้วยกระบวยกะลามะพร้าว กลิ่นหอมชื่นใจจนไม่รู้จักอิ่ม
ด้านข้างชานแดด ต่อเติมเรือนครัวไฟขนาดสองห้องเสาทอดออกไป ตอนที่ฉันฟังแม่เล่าฉันยังเด็กนัก นึกภาพไม่ออกว่า เรือนครัวไฟหน้าตาเป็นเช่นไร มีปล่องควันด้วยหรือเปล่า แม่อธิบายว่า เรือนครัวไฟตามบ้านไม่มีปล่องควันโขมงเหมือนโรงสีไฟ แต่มีป่องเอี้ยม ช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เปิดแง้มออกใช้ไม้ค้ำยัน สำหรับระบายควันเวลานึ่งข้าวเหนียวและปรุงอาหาร คืนหนาวใด...หนาวเหน็บเนื้อนอนไม่หลับ คุณตาคุณยายจะชวนลูกๆ ออกมานั่งล้อมวงผิงไฟในเรือนครัวไฟ ซึ่งมี แม่เตาไฟ บันดาลไออุ่นแก่เด็กๆ บางดึกท้องร้องขออาหาร คุณยายนวนจะเปิดกระติบข้าวเหนียว ปั้นข้าวโรยเกลือเสียบไม้ไผ่ อังไฟจนห่ามหอม แล้วทาไข่ไก่เหลืองนวลทั้งปั้น คุณตาสวงเป็นนักเล่านิทานอารมณ์ดี มีนิทานก้อมสนุกๆให้เล่าอยู่เต็มพุง เมื่อลูกหลานรบเร้าขอฟังนิทานเสียงแจ้วๆ คุณตาก็ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ เมื่อผู้เป็นพ่อแย้มยิ้ม เด็กๆ ก็ใจเต้นเป็นสุขล่วงหน้าแล้ว ท่านหยิบใบตองกล้วย ยาเส้น จากเซี่ยนหมาก มาพันบุหรี่มวนโต จุดสูบพ่นควันโขมงรื่นรมย์ก่อนเล่านิทาน คุณตาชอบเล่าเรื่องสามเกลอ เพราะมีเรื่องราวให้เล่าหลายตอน เช่น ตอนสามเกลอหัวขโมย คุณตาเล่าว่า มีชายสามคนเป็นเพื่อนรักกันมาก ไปไหนไปด้วยกัน ชายคนแรกหูหนวก คนที่สองตาบอด คนที่สามขาเป๋เป็นใบ้ คืนหนึ่ง สามเกลอปรึกษากันว่าจะไปขโมยไก่ที่บ้านตาสีหูตึง โดยมอบหมายให้ชายหูหนวกปีนเข้าไปในเล้าไก่ ชายตาบอดเป็นคนบอกลักษณะไก่ ชายขาเป๋มีหน้าที่เฝ้าดูต้นทาง
เอาไก่ตัวผู้หรือตัวเมีย ชายหูหนวกตะโกนถาม ตัวผู้ ชายตาบอดร้องตอบ ชายหูหนวกไม่ได้ยิน จึงตะโกนย้ำถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เอาตัวเมียแม่นบ่ บ่แม่น เอาตัวผู้ เอาตัวเมียแม่นบ่ อย่าเสียงดังหลาย บักหนวก เอาตัวเมียแม่นบ่...เอาตัวเมียเน๊าะ เสียงตะโกนโต้ตอบ ของชายหูหนวกกับชาย ตาบอด ปลุกตาสีหูตึงตื่นขึ้นมา งัวเงียเข้าใจผิดคิดว่ามีคนลอบขึ้นมาเป็นชู้กับเมีย จึงละเมอร้องด้วยเสียงรันทดในราตรีอันมืดมิดว่า ไปเฮือนอื่นซะเด้อ เมียกูตายไปนานแล้ว. ชายตาบอดกับชายหูหนวกตกใจคิดว่าเจ้าของ บ้านจะลงมาทำร้าย จึงอุ้มไก่ตัวเมียวิ่งเตลิดไปไม่คิดชีวิต ชายขาเป๋วิ่งตามเพื่อนไม่ทัน จึงถูกเจ้าของบ้านไล่จับได้ แต่ตาสีหูตึงสอบถามเอาความกับชายใบ้ไม่ได้เรื่องเลย นิทานก้อมก็จบลงเพียงนี้...
คุณตาสวงคงเล่านิทานสนุกกว่าฉันมากนัก พวกลูกๆ ถึงล้อมวงนั่งฟังนิทานที่คุณตาเล่าได้ทุกคืน
| จากคุณ |
:
lamaifon
|
| เขียนเมื่อ |
:
30 ก.ย. 52 10:54:06
|
|
|
|