Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขอหัวใจเฮี้ยวๆ มาเกี่ยวรัก ตอนที่ 4  

ความเดิมจากตอนที่แล้ว

ตามอ่านทุกตอนที่ลงไปได้ที่
http://writer.thaitv3.com/blog/?a=blog&member_id=101&story_id=58&episode_id=179
หรือ
http://writer.dek-d.com/mayda/writer/view.php?id=547593
หรือ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=mayda


และในพันทิปที่ลงไป ตอนที่แล้ว
ตอนที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8343590/W8343590.html


4...

                  เจ้าดำนอนแนบตักเด็กสาว ส่วนเด็กหนุ่มก็ไม่รู้จะปลอบเธอให้หยุดร้องได้
อย่างไร ก็เขาแกล้งเธอเสียจนเลยเถิด และไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนอ่อนไหว ร้องไห้ไม่หยุด
อย่างนี้ นั่งอยู่นานพักใหญ่ เขาจึงหยิบลูกหมาสีดำตัวนั้นขึ้นมาจากตักของเธอ แล้วหันไป
พูดกับหมาแทน


                 “นี่เจ้าหมาน้อย...นายของแกร้องไห้มาตั้งนานแล้วนะ ทำไงถึงจะหยุดร้องหนอ...นี่
เธอ” เข้าหันไปพูดกับคีรยาบ้าง “ร้องไห้จนตาปูดอย่างนี้ ไม่อายหมามันบ้างเหรอ”

                 “ตาบ้า”

                 คีรยาปาดน้ำตา หมายจะฟาดเขาสักผัวะ แต่วชระชูเจ้าดำขึ้นมาเป็นตัวประกัน

                 “อะ...อะ...จะรังแกสัตว์เหรอ”

                 “ฉันจะตีนาย ไม่ได้ตีเจ้าดำซะหน่อย”

                 เจ้าดำร้อง อิ๋ง...อิ๋ง...ลั่น

                 “ดูสิ ตกใจใหญ่แล้วเนี่ย”

                 “นายนี่มัน...กวนโมโหจริงๆ”

                 “มันคงร้องหาแม่ แล้วละมั่ง...เอาไปเก็บที่รังสิยัยบื้อ” วชระยื่นลูกหมาใส่มือคีรยา
เมื่อเห็นว่าเธอหยุดร้องแข่งกับลูกหมาแล้ว

                 “อืม...” เธอรับคำ “นายจะไปไหนก็ไป ไป๊ เดี๋ยวฉันเอามันไปคืนรังเอง แต่...มันไม่มีแม่
หรอกนะ”

                 “เหรอ”

                 “อืม”

                 คีรยาพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน เธอหวังว่าเดินแยกจากเขาตรงนี้แล้ว นายวายร้าย
คงไม่ตามมาก่อกวนอีก คิดดูสิว่า ตั้งแต่เปิดเทอมมาเธอต้องร้องไห้ทุกเช้า เพราะใครกัน

                 “ไปด้วยสิ”

                 “หา...” เธอคิ้วขมวดเมื่อเขาลุกขึ้นมาติดๆ และเอ่ยปากขอไปกับเธอ “อะไรของนาย”

                 “ก็ขอไปด้วยไง เผื่อว่าพรุ่งนี้ มะรืนนี้ อยากเอามันออกมาเล่น จะได้รู้ว่ามันอยู่ไหน”

                 “ลูกหมานะ ไม่ใช่ตุ๊กตา”

                 “นั่นแหละ ไปด้วย”

                 “เฮ้อ...”

                 คีรยาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเขา เดินนำลิ่วไปยัง
โรงเก็บของตึกคหกรรม พอเธอกับเขาก้าวไปถึง ลูกหมาอีกสองตัวก็วิ่งออกมา กระดิ๊กหาง
ดุ๊กดิ๊ก มันคงดีใจที่เห็นน้องชายกลับมาอย่างปลอดภัย

                 “นั่นเจ้าขาว กับเจ้าแดง พี่น้องของมัน” เธอปล่อยให้เจ้าดำวิ่งกลับเข้าไปหาพี่น้อง
ของมัน แล้วพากันนั่งยองๆ มองลูกหมาตัวน้อย

                 “จะว่าไปแล้ว เธอนี่เหมือนลูกหมาเลยเนอะ”

                 “หือ...นายว่าฉันเป็นลูกหมาหรือไงยะ”

                 เพิ่งจะสงบศึกกันได้ไม่กี่นาที ปากของนายวายร้ายก็หาเรื่องมาให้เธอได้หันไปทำ
ตาเขียวปัดใส่อีกครั้ง โชคดีได้ระฆังช่วยเอาไว้

                 “อ้าว...ดรีมนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ”

                 ตาเขียวปัดของคีรยาก็ค่อยๆ อ่อนโยนขึ้น เมื่อผู้มาทักคือคนที่คุ้นหน้าอย่างทิวทัศน์
โดยมีชนุตม์ตามมาติดๆ

                 “อ้าว...” ทิวทัศน์พูดคำว่าอ้าว เป็นครั้งที่สอง เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่กับเพื่อน คือคนที่
ประกาศกร้าวว่าชาตินี้จะไม่ขออยู่ร่วมโลกกับวชระอีก

                 “ร้อนหรือไงวะ ถึงได้พูดแต่คำว่าอ้าว...อ้าว...อ้าว...”

                 “เอ๊า...อบ...อบ...อบ...”

                 เขาพูดใหม่เป็นเสียงกบ ล้อที่วชระว่ามาเมื่อครู่ ทำให้คีรยาหัวเราะขบขันกับหนุ่ม
อารมณ์ดีคนนี้

                 “ทีนี้ล่ะ หัวเราะได้...” วชระบ่นพึมพำ

                  “อะไรของนาย”

                 “เปล่า”

                 “แล้วไปไงมาไงมาอยู่ที่นี่ด้วยกันไปละ” ทิวทัศน์ถามอีกครั้ง ผิดกับชนุตม์ที่ตั้งแต่มา
ถึงยังไม่พูดอะไรสักคำ

                 “อย่าเข้าใจผิดนะ” คีรยารีบปฏิเสธพัลวัน “ฉันมาดูลูกหมา แล้วก็เอาข้าวมาให้มัน
กินกัน ส่วนนายวายร้ายเนี่ยตามมาเองไม่ได้มีอะไรนะ”

                 “ก็ยังไม่ได้ว่ามีอะไรนี่” ทิวทัศน์หัวเราะ และยิ้มกว้าง เมื่อเห็นเธอร้อนตัวอย่างนั้น
ขณะที่ชนุตม์นั่งยองๆ ลงข้างๆ เอื้อมมือไปอุ้มลูกหมา แล้วค่อยวางเจ้าตัวน้อยลง แล้วล้วง
กระเป๋ากางเกง และหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่ออกมา

                 “ร้องไห้อีกแล้วเหรอ”

                 “หา...”

                 รอยบวมช้ำที่ขอบตา เขาคงสังเกตได้ ชนุตม์ส่งผ้าเช็ดหน้าใส่มือเธอโดยไม่สนใจ
สายตาของเพื่อนอีกคนที่ประกาศตัวไปก่อนหน้านี้ว่า คีรยาเป็นผู้หญิงของเขาแม้แต่น้อย

                 “เช็ดหน้า เช็ดตาซะ มอมแมมเป็นลูกหมาแล้ว”

                 “ขอบใจนะ”

                 “ชิ...” วชระส่งเสียงจิ๊กจั๊กไม่พอใจ

                 “อะไรของนาย...” คีรยาหันไปค้อนเขาอีกครั้ง

                 “เฮ้อ...” ทิวทัศน์ถอนหายใจก่อนมาห้ามมวยยกใหม่ “แกก็อย่าไปแกล้งคีให้มากนัก
สิวะไอ้ดรีม ก็รู้ๆ อยู่ว่าคีน่ะขี้แย”

                 “เช้อ...”

                 คีรยาเบะปากใส่ทิวทิศน์ที่ตั้งใจพูดล้อให้สถานการณ์หายตึงเครียด

                 “เปิดเทอมใหม่เลยร้องไห้คิดถึงบ้านสองวันซ้อนเลยล่ะสิ ไม่ไหวๆ โตแล้วนะเรา ยัง
ต้องให้เด็กๆ รุ่นน้องมาคอยปลอบอีก”

                 “นี่นายกอล์ฟสงสัยจะต้องให้ฉันตะโกนด่าเหมือนเมื่อวานอีกใช่มั้ยเนี่ย”

                 “อืม...ถ้าจะตะโกนด่าวันนี้ก็โอนะ พอรู้เหตุผลหน่อย แต่เมื่อวานนี่ไม่ไหวจะเคลียร์”

                 พูดจบเขาก็หัวเราะ นึกถึงใบหน้ายุ่งๆ ของเธอเมื่อวานนี้

                 “เอาไว้พวกเรามาช่วยเธอดูแลลูกหมาสามตัวนี้แล้วกัน” ชนุตม์เสนอ

                 “ตามใจสิ แต่...” คีรยาเหลือบมองวชระที่กำลังเล่นกับลูกหมาอย่างสนุกสนาน “เจ้า
มืดนั่นคงไม่กินลูกหมาหรอกนะ”

                 “ใคร...เธอว่าใครมืด” วชระละสายตาจากลูกหมาเตรียมเปิดศึกอีกครั้ง

                 “ลืมไปเลยว่า ดรีมน่ะรักหมาจะตาย รับรองได้ว่าเจ้ามืดเพื่อเราไม่กินลูกหมาหรอก”
ชนุตม์ช่วยยืนยัน และแหย่เพื่อนกลับด้วยคำที่คีรยาใช้เรียก

                 “เฮ้ย...ไอ้ยู ผิวอย่างนี้เขาเรียกว่า ผิวสีแทน หล่อ เข้ม ได้ใจหญิงเว้ย...ยังดีกว่ายัย
เฉิ่มกุ้งแห้งอย่างนั้นก็แล้วกัน จบ ม.ปลายไปจะหาแฟนกับเขาได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้”

                 “ได้ไม่ได้ ตอนนี้นายก็ประกาศป่าวๆ อยู่ไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นแฟนนาย” คีรยาได้ที
เถียงกลับ “แล้วอีกอย่าง ...ฉันตั้งใจมาเรียน มาหาความรู้ ไม่ได้ตั้งใจมาหาแฟน จะได้รีบมีแฟน
ตั้งแต่เด็กแต่เล็ก”

                 “เหรอ...” เขาลุกยืนแล้วพิศมองเธอจนทั่ว “ถึงเธอตั้งใจหา...ฉันว่าหน้าตาอย่างเธอ
ก็คงจะยากเหมือนกันที่จะหาได้ตั้งแต่เด็กแต่เล็ก แล้วยิ่งแก่ตัวไปก็ไม่รู้ว่าจะหาแฟนได้หรือ
เปล่า”

                 “ตาบ้า”

                 “นี่ฉันยอมลดตัวลงมาประกาศว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน ก็บุญเท่าไหร่แล้ว”

                 “อีตาบ้า”

                 คีรยาโมโหสุดขีด ลุกขึ้นแล้วปาผ้าเช็ดหน้าของชนุตม์ใส่หน้าเขาเต็มๆ แล้วรีบเผ่น
แผล็ววิ่งหนีให้ไวที่สุด ไม่รอให้วชระตั้งตัววิ่งตามได้ หน่ำซ้ำถึงเขายากจะวิ่งไล่ ก็ติดตรงที่เพื่อน
ทั้งสองรวมหัวกันแกล้งดึงแขนจับตัวเขาไว้ แล้วปล่อยให้คีรยาเผ่นหายไป ก่อนจะพากัน
หัวเราะเยาะเขาอย่างสนุกสนาน



********************************************************

จากคุณ : เม-ดา
เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 23:42:41




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com