๑. สูญรัก เสื่อมศรัทธา
"ก่อนที่เราจะถาม เจ้าพึงรู้กฎของวิมานแห่งนี้เสียก่อนว่า ที่นี่ เจ้าจะไม่อาจโป้ปดเราได้ เพราะฉะนั้น เมื่อเราถามสิ่งใดไป เจ้าจงตอบความเป็นจริง รับรู้แล้วหรือไม่" เทวดาตุลย์ถาม
"ค่ะ"
"ในวิมานของเรานี้ เจ้าจะปดเรามิได้ สิริพร เราขอถามเจ้าเป็นครั้งที่สอง ว่าเจ้ารับรู้แล้วหรือไม่"
"ค่ะ"
"แม้ในครั้งที่สาม เราขอถามเจ้าว่า เจ้ารับรู้แล้วหรือไม่ ว่าวิมานแห่งนี้ ห้ามเจ้าพูดคำปด"
"ค่ะ"
"ในการถามถึงสามครั้ง เจ้าได้ตอบเราว่าเจ้ารับรู้แล้ว เทวสมาคมก็เป็นพยาน จากนี้... หากเจ้าปดเราแม้สักครึ่งคำ เจ้าจะมีโทษหนัก" เทวดาตุลย์อธิบาย แล้วผินหน้าไปทาง "คุณวิจารณ์ ยืนยันหรือไม่ ว่าหญิงผู้นี้ กระโดดจากสะพานลอยเพื่อฆ่าตัวตาย และหล่นบนรถของชนิดา"
"ครับ ผมเป็นพยาน แม้สุริยเทพแลเหล่าเทวดาทั้งหลายในที่นั้นต่างรู้เห็นกันทุกองค์"
"สิริพร เจ้ารู้หรือไม่ ว่าการฆ่าตัวตายนั้น ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดเลย" เทวดาตุลย์ถามดวงวิญญาณของสิริพรอีกครั้ง
"รู้ค่ะ"
"กระดูกนั้นมาจากบิดา เลือดแลเนื้อนั้นมาจากมารดา ร่างกายนั้น ผู้เป็นบิดามารดามอบให้แก่เจ้า แต่เจ้ากลับทำลาย นำความเสียใจสู่ท่านทั้งสอง เจ้ารู้หรือไม่"
"รู้ค่ะ" สิริพรตอบ ดวงหน้าสลด
"ในการกระทำอัตวินิบาตกรรม ย่อมมีหนทางหลายวิธี แต่เจ้าเลือกที่จะใช้วิธีกระโดดลงจากสะพานลอย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น เจ้ารู้หรือไม่"
"รู้ค่ะ"
"ถ้ารู้แล้วทำไมจึงทำ"
"ที่ทำ เพราะฉันไม่อยากเจอหน้าพวกเขาแล้วค่ะ" สิริพรตอบ แล้วชี้นิ้วไปยังดวงวิญญาณอีกสองดวงที่อยู่ใกล้ๆ "ดิฉันยอมรับผิดทุกอย่าง แต่ท่านเทวดาคะ ถึงดิฉันจะผิด ก็ผิดเพียงเพราะ ต้องการจะหนีให้พ้นจากปัญหาต่างๆ เท่านั้น ดิฉันหนีจากความเจ็บใจ ช้ำใจ เสียใจ ที่พวกเขาทำไว้กับดิฉัน ถ้าฉันผิด ก็ผิดเพียงแค่นี้จริงๆ แต่คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด คือพวกเขา"
เทวดาทั้งหลายที่นั่งแวดล้อมอยู่ในนั้น ก็เริ่มส่งเสียงฮือฮากันอีกเมื่อมีการชี้โทษไปยังดวงวิญญาณชนิดาและพิสุทธิ์
เทวดาตุลย์จึงยกมือขึ้น เพื่อส่งสัญญาให้เทวดาทั้งหลายเงียบลง จึงกล่าวต่อไปได้ว่า
"ทำไมเจ้าจึงคิดเช่นนั้นเล่า จงเล่ามา"
"ค่ะ" สิริพรรับคำ "เรื่องราวเริ่มแรกเลยก็คือ ดิฉันเป็นภรรยาของเขา" เธอชี้นิ้วไปยังพิสุทธิ์ "พวกเราตกลงปลงใจกันเมื่อราวๆ สองปีที่แล้ว และก็อยู่กินกันมาเรื่อยๆ ใช้ชีวิตคู่ปกติธรรมดานี่แหละค่ะ จนกระทั่งเมื่อต้นปีนี้เอง ที่ความสัมพันธ์ในครอบครัวเริ่มเปลี่ยนไป เขาเริ่มไม่อยู่ติดบ้าน และหนีหายไปที่อื่นนานๆ เวลาพูดคุยกันทีไรก็มีแต่เรื่องทะเลาะ ถ้าดิฉันถามเขาว่า ไปไหนมา เขาก็จะตอบฉันเสียงห้วนทุกทีไปว่า ขอเวลาส่วนตัวให้เขาบ้างได้ไหม หรือถ้าโทรไปหา เขาก็จะหงุดหงิดใส่หาว่าดิฉันจู้จี้จุกจิก วันดีคืนดีก็หายไปจากบ้านเสียเฉยๆ แล้วกลับมาพร้อมของขวัญเล็กๆน้อยๆ หรือไม่ก็เอาใจผิดปกติ ท่านคะ ท่านคิดว่า อาการพวกนี้เป็นอาการของคนปกติรึเปล่า สามีปกติเขาจะทำแบบนี้กับภรรยาของเขาไหม เดี๋ยวก็หงุดหงิดใส่ เดี๋ยวก็มาเอาใจ มันน่าระแวงไหมล่ะคะท่าน"
เริ่มมีเสียงงึมงำจากกลุ่มเทวดาขึ้นอีกครั้ง บ้างก็ว่าจริง บ้างก็ว่าไม่จริง แต่เสียงส่วนใหญ่บ่งบอกว่า เข้าใจ
"เล่าต่อเถิด สิริพร อย่าย้อนถาม" เทวดาวิจารณ์เตือน
"พอเขาเริ่มมีพิรุธอย่างนี้ ดิฉันจึงโทรศัพท์ไปปรึกษากับชนิดา หวังให้เขาช่วย เขาก็คอยปลอบว่าคงไม่มีอะไร แต่ถ้าทนไม่ไหว ก็ให้เลิกกันไปเสีย ในตอนนั้นดิฉันเข้าใจว่าเขาหวังดี จนกระทั่งวันหนึ่ง ดิฉันแอบตามพิสุทธิ์ไป เพื่อจะดูว่า เขาเล่นชู้กับใครอยู่ จึงได้รู้ว่า ที่แท้ เพื่อนที่เคยยุให้เราเลิกกับสามี คือแม่ผู้หญิงตัวดีคนนั้น"
"แล้วเจ้าทำอย่างไรเล่า" เทวดาตุลย์ถาม
"ดิฉันคุยกับพิสุทธิ์ บอกให้เขาเลิกกันเสีย เพราะถึงอย่างไร ดิฉันก็เป็นภรรยาที่ถูกต้อง และดิฉันไม่เคยทำตัวบกพร่องเลย แต่เขาไม่ยอม เขาบอกว่า เขาไม่หย่ากับดิฉัน แต่เขาก็ไม่สามารถเลิกกับชนิดาได้ ดิฉันโกรธมาก เสียใจแทบจะเป็นบ้า แล้วเขาก็ทำอย่างนั้นจริงๆ ฉันจึงคุยกับชนิดาว่าให้เลิกกับสามีดิฉัน ชนิดาก็ตอบกลับมาอย่างหน้าด้านๆ ว่า ถึงเธอเลิกกับเขา เขาก็ไปมีคนอื่นอีก อย่างไรเสีย ดิฉันก็ไม่มีความสุขหรอก เพราะฉะนั้น ให้เธอคบกับเขาต่อไปดีกว่า ดิฉันช้ำใจมาก ในที่สุด จึงยื่นคำขาดเขาไปว่า ถ้าหากไม่ยอมเลิกกัน ดิฉันจะฆ่าตัวตาย แล้วพิสุทธิ์ก็หายไปเลย จะหายไปที่ไหนดิฉันก็ไม่รู้ ดิฉันจึงไปที่สะพานลอย ในใจคิดแต่ว่าเขาไม่รักแล้วก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ขอตายดีกว่า"
คราวนี้ แทนที่เทวสมาคมจะเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง กลับมีแต่ความเงียบที่โถมทับเข้ามาแทน แม้แต่เทวดาตุลย์ก็ยังเคาะนิ้วตรงพนักวางแขนอยู่นาน ราวกับต้องการครุ่นคิดเรื่องราวบางอย่างให้ตก ก่อนจะถามกับสิริพรว่า
"เจ้ารู้มาก่อนหรือไม่ว่า ชนิดากับพิสุทธิ์จะขับรถผ่านมาตรงนั้นพอดี"
"ไม่รู้ค่ะ"
"ถ้าเช่นนั้น เจ้าเห็นหรือไม่ ว่าพวกเขาขับรถมาทางนั้นพอดี และเมื่อเจ้าเห็น จึงกระโดดลงไปในตำแหน่งที่พอเหมาะ"
"ไม่เห็นค่ะ"
เทวดาตุลย์ขยับกายเล็กน้อย ในทิพยญาณบอกให้รู้ว่า หญิงสาวโกหกแล้ว
"เราขอถามเป็นครั้งที่สอง เจ้าเห็นชนิดากับพิสุทธิ์ขับรถมาในตอนที่เจ้าจะกระโดดสะพานลอยฆ่าตัวตายหรือไม่"
สิริพรนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยปากตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ
"ไม่เห็นค่ะ"
"สิริพร..." น้ำเสียงของเทวดาตุลย์เข้มขึ้น "แม้เราถามเจ้าสามครั้งว่าเจ้ารับรู้แล้วว่าภายในสวรรค์แห่งนี้ เจ้าไม่อาจโกหกเราได้ เจ้าก็ตอบว่าเจ้ารับรู้แล้ว มาบัดนี้ เราจะขอถามเจ้า เป็นคำรบที่สามว่า เจ้าเห็นชนิดากับพิสุทธิ์ขับรถมาในตอนที่เจ้าจะกระโดดสะพานลอยฆ่าตัวตายหรือไม่"
สิริพรหลบสายตาจากเทวดาทั้งหลาย ก้มหน้าต่ำ ก่อนจะตอบอ้อมแอ้มว่า
"เห็นค่ะ"
"เจ้าเห็นได้อย่างไร"
"ดิฉันจำรถของทั้งคู่ได้ค่ะ แต่ตอนแรก ดิฉันแค่คิดจะกระโดดฆ่าตัวตายเท่านั้นนะคะ แต่พอเห็นพวกเขา ดิฉันเลยเกิดความคิดขึ้นมาวูบหนึ่งว่า อยากจะให้พวกเขาทุกข์เหมือนที่ดิฉันทุกข์ จึงกระโดดลงไปบนรถของชนิดา แต่ถึงอย่างนั้น ดิฉันก็ไม่ใช่ต้นเหตุแห่งอุบัติเหตุครั้งนี้ ก็ท่านคะ ถ้าพวกเขาไม่เล่นชู้กันก่อนจนดิฉันเสียใจ ดิฉันก็จะไม่ฆ่าตัวตาย พวกเขาก็จะไม่ต้องมาเกิดอุบัติเหตุตายกันอย่างนี้หรอกค่ะ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแก่ดิฉันนะคะ"
"เอาเถิด" เทวดาตุลย์กล่าว "เราจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกผู้ หากแต่เวลานี้ เราได้รับฟังคำของเจ้าแล้ว แต่ยังมิได้ฟังความจากชนิดาและพิสุทธิ์ จึงต้องฟังพวกเขาก่อน เพื่อพิจารณา แล้วจะพิพากษาเช่นนั้นนั้น เจ้าต้องรอต่อไป"
พอเทวดาตุลย์พูดจบ เทวดาวิจารณ์ก็เข้ามาทำหน้าที่ โดยการโบกมือไปยังคอกฟังคำพิพากษา สิริพรก็ไม่อาจจะกล่าวคำใดได้อีก ในขณะที่ชนิดาก็สามารถพูดได้ และเตรียมให้ปากคำในลำดับต่อไป...
แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 52 21:55:21
แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 52 21:49:09
แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 52 21:25:59
แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 52 21:08:38