Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เม็ดทราย สายธาร กาลเวลา - บทที่ ๒/๘-๙ - แดนตะวันส่องภพ - การพิพากษา  

เม็ดทราย สายธาร กาลเวลา

บทนำ - บทที่ ๑/๑ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8092297/W8092297.html
บทที่ ๑/๒-๓ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8102862/W8102862.html
บทที่ ๑/๔ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8118668/W8118668.html
บทที่ ๑/๕ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8136528/W8136528.html
บทที่ ๑/๖ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8145911/W8145911.html
บทที่ ๑/๗ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8166112/W8166112.html
บทที่ ๑/๘ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8195273/W8195273.html
บทที่ ๑/๙ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8215831/W8215831.html
บทที่ ๒/๑ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8241398/W8241398.html
บทที่ ๒/๒-๓ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8257618/W8257618.html
บทที่ ๒/๔-๕ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8286437/W8286437.html
บทที่ ๒/๖-๗ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8310054/W8310054.html

* * * * *

คุณ Mnemosyne - คนเขียนก็คิดถึงคู่นั้นเหมือนกัน (องค์ชายอีโมกำลังอยู่ในระหว่างรีไรท์ จะถึงฉากไต่สวนแล้วครับ) รู้สึกเทพทางโซนกรีกกับเมโสโปเตเมียจะออกแนวขี้วีนแฮะ ^^a

คุณ scottie - รอชมในตอนนี้เลยครับ :)

* * * * *

บทที่ ๒
สายธาร

๘. แดนตะวันส่องภพ


ครั้นถึงดิลมุนหรือ ‘แดนตะวันส่องภพ’ ตามที่เอนลิลเรียก ข้างุนงงมากเมื่อเขาพาข้าตรงมายังบ้านหลังหนึ่งใกล้ชายหาด บ้านนั้นดูใหญ่โตโปร่งสบาย แต่ก็สร้างด้วยไม้อย่างสมถะ แปลกแยกโดยสิ้นเชิงจากหมู่พฤกษาของเกาะแห่งเทพ ซึ่งมีใบเป็นอัญมณีแพรวพราว

“นี่คือบ้านของซิ-อุด-ซูรากับภรรยา คืนนี้เราจะพักที่นี่” เขาบอกข้าสั้นๆ

ชื่อนั้นแปลกหู ทีแรกข้าสงสัยว่าเขาเป็นเทพองค์ใด พอถาม เอนลิลก็อธิบายว่านั่นคือคนผู้เดียวกับอุตนาพิชทิมในมหากาพย์กิลกาเมช เขากับภรรยาเป็นมนุษย์คู่เดียวที่รอดจากเหตุการณ์น้ำท่วมล้างโลกเมื่อหลายพันปีก่อน และได้รับอมตภาพในดินแดนแห่งเทพ กษัตริย์กิลกาเมชจึงเดินทางมาหาพวกเขาเพื่อถามหาวิธีการเป็นอมตะ

“อุตนาพิชทิมเป็นชื่อที่ชาวบาบิโลเนียนเรียกเขา ส่วนซิ-อุด-ซูราเป็นชื่อดั้งเดิมของชาวซัง กิ-กา” เอนลิลสรุป “ชาวอัคคาเดียนเรียกเขาว่าอาทรา-ฮาสิส แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นคนคนเดียวกัน เป็นผู้ที่พวกเราเหล่าเทพยอมรับเหมือนๆ กัน ทำไมมหากาพย์อาทรา-ฮาสิส ถึงเขียนให้ข้าเป็นผู้ร้ายนักก็ไม่รู้ ข้ากับเอนคิออกจะเป็นมิตรกันดีแท้ๆ”

ฟังแล้วข้าเพิ่งระลึกได้...ว่าตำนานของอัคคาเดียนให้เอนลิลเป็นผู้ส่งน้ำท่วมมาล้างโลกมนุษย์ เพียงเพราะรำคาญเสียงจากการสมพาสของพวกเขา ซ้ำต่อมายังโมโหโกรธาที่เอนคิ วารีเทพช่วยอาตรา-ฮาสิสให้รอดชีวิตมาได้ ต่างจากตำนานอื่นๆ ที่ว่านภาเทพอันกับวายุเทพเอนลิลเป็นผู้มอบความเป็นอมตะให้แก่ซิ-อุด-ซูรา หรืออุตนาพิชทิม แต่ไม่ทันได้ถามยืนยันประโยคหลัง หญิงชายคู่หนึ่งก็ออกจากบ้านหลังนั้นมาต้อนรับพวกเราเสียก่อน

พวกเขาคำนับเอนลิลอย่างนอบน้อม และต้อนรับข้าอย่างเป็นมิตรเมื่อเทพแห่งสายลมแนะนำสั้นๆ ว่าข้าเป็นมนุษย์ที่ติดตามเขา ซิ-อุด-ซูรากับภรรยายังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ทั้งคู่ดูแข็งแรงงดงาม ไร้ริ้วรอยแห่งวัยและความอิดโรยจากงานหนัก หญิงสาวตรงไปเข้าครัวหุงหาอาหารมารับรองข้ากับเอนลิล ขณะที่ชายหนุ่มสัพยอก

“หวังว่าคนคนนี้คงไม่มาถามหาความเป็นอมตะอีกนะขอรับ ข้าขี้เกียจนั่งดูขนมปังขึ้นราเจ็ดวันอีกขอรับ!”

เอนลิลหัวเราะในคอกับคำพูดของเขา กระทั่งข้าซึ่งเป็นห่วงสิมูนอยู่ก็อดยิ้มแห้งๆ มิได้

แสดงว่าเรื่องที่กิลกาเมชผล็อยหลับไปนานถึงเจ็ดวัน ทั้งๆ ที่ชายอมตะตั้งเงื่อนไขให้องค์ราชันบังคับตนเองให้ตื่นนานถึงหกวันเจ็ดคืนก่อนจึงจะยอมบอกความลับสู่ชีวิตอมตะคงเป็นความจริง เช่นเดียวกับเรื่องที่เขาสั่งให้ภรรยาอบขนมปังวันละก้อนเพื่อให้กิลกาเมชดูเป็นหลักฐานความผิดพลาดของตน แต่ใครหรือเอนลิลก็ไม่ได้เล่าว่าขนมปังที่เป็นหลักฐานยืนยันขึ้นราเลย

หากไม่มีเรื่องสำคัญเร่งด่วนรออยู่เบื้องหน้า ข้าก็นึกเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้นำกระดาษกับพู่กันมา มหากาพย์กิลกาเมชฉบับอุตนาพิชทิมหรือซิ-อุด-ซูราเล่าเองคงมีเรื่องน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ทว่าตอนนี้ข้าค่อนข้างร้อนใจมากกว่าว่าสิมูนเป็นอย่างไร จนเอนลิลต้องบอกว่านางคงยังไม่ถูกเบิกตัวเข้าสู่โถงพิพากษาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น สิ่งสำคัญคือพวกเราต้องพักผ่อนให้ฟื้นกำลังเต็มที่เสียก่อน

ว่ากันตามจริง ข้าไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย นับแต่ดื่มน้ำจากน้ำพุแห่งเนโมซิวเน ข้าก็ไม่กระหายน้ำอีก ความหิวที่เคยรุมเร้าท้องหลังจากทันทาโลสขโมยเสบียงของข้าไปอันตรธานเป็นปลิดทิ้ง เอนลิลต่างหากที่อ่อนเพลียกว่าข้า เขาเป็นผู้ใช้มนต์หอบหิ้วข้าไปยังยอดเขาแฝดมาชู ซึ่งตั้งอยู่สุดปลายแผ่นดิน ผ่านคู่แมงป่องยักษ์ผู้เฝ้าประตูเส้นทางผ่านของตะวัน ลอดอุโมงค์ทางผ่านของสุริยเทพอูตูโดยเร็วก่อนเขาจะไล่ตามทันในอรุณรุ่งที่ใกล้มาถึง ซ้ำยังพาข้าข้ามน่านน้ำแห่งความตายมาถึงดิลมุน ผืนดินที่ได้รับแสงแรกแห่งอรุณ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้แจวเรือเหมือนกิลกาเมชเสียอีก เอนลิลจึงสมควรได้พักผ่อนด้วยประการทั้งปวง

เราสองคนรับประทานอาหารที่คู่สามีภรรยาจัดให้ อาหารนั้นอร่อยมากจนข้าชมพวกเขาจากใจจริง ซิ-อุด-ซูรากับภรรยาออกตัวว่าอาหารพวกนี้มาจากธัญพืชที่พวกตนปลูกเองกับของป่า ไม่ใช่อาหารทิพย์ของเทพแต่อย่างใด แต่ข้าก็อดมิได้ที่จะยืนยันว่าในความรู้สึกของข้า อาหารเหล่านี้อร่อยที่สุดที่เคยกินมาในชีวิต ขณะที่เอนลิลรับประทานไปอย่างเงียบๆ ไม่มีสีหน้าท่าทางชื่นชมอาหารเหล่านั้นเป็นพิเศษแม้แต่น้อย

หลังอาหาร เมื่อข้ากับเขาอาบน้ำในแหล่งน้ำสะอาดใกล้ๆ นี้แล้ว เอนลิลก็บอกให้ข้ารีบเข้านอนเพื่อเก็บแรงไว้ ทว่าทันทีที่เข้ามาในห้องนอนสำหรับรับแขก พ้นจากเจ้าบ้านทั้งสองแล้ว เขาก็พูดอย่างเคร่งขรึมทันที

“เราต้องคิดหาทางหนีทีไล่ไว้ให้ดีๆ ทหารของพระองค์มีมากมายเท่าดาวบนฟ้า ต่อให้ข้ามีอำนาจเต็มที่ก็คงต้านไว้ได้ไม่นานพอให้เจ้าพานางหนี แล้วข้าก็ต้องให้พระองค์ปลดตราต้องห้ามให้เสียก่อน จึงจะกลับมีอำนาจเต็มที่ได้”

“เราไม่ควรหนีไปด้วยกันทั้งสามคนหรือ” ข้าย้อนถาม “ท่านเอนลิล ข้าซึ้งใจที่ท่านยินดีสละตนเองช่วยพวกเรา แต่ถึงอย่างไรสิมูนคงไม่ต้องการให้ท่านรับเคราะห์เพื่อนางแน่ๆ”

“พระองค์ไม่ลงโทษข้าร้ายแรงถึงขั้นลบล้างตัวตน หรือกักขังชั่วนิรันดร์ดอก” เอนลิลแย้ง “ข้าเป็นวายุเทพ ถึงอย่างไรลมก็ยังเป็นสิ่งที่โลกมนุษย์ไม่อาจขาดไปได้ และหากข้าจะต้องถูกจองจำในอิร์คัลลาอีกจริงๆ นั่นอาจเป็นเรื่องดีแล้ว เพราะมีนางรอข้าอยู่ในนั้น”

ข้าเงียบไป ฟังตามที่เขาว่าแล้วก็คิดว่าการจองจำสำหรับเขาคงไม่เลวร้ายเช่นที่ข้ากลัว ในเมื่อมีหญิงคนรักอยู่ในที่แห่งเดียวกัน แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้

“แต่ทวยเทพจะยอมให้ท่านกับนางใกล้ชิดกันอีกหรือ”

“ข้าพอพูดกับเอเรชคิกัลได้ ที่จริงนางเป็นคนเที่ยงตรง ถึงปากร้ายไปบ้างก็ย่อมลงโทษข้ากับอาร์ดัท-ลิลิตามน้ำหนักความผิด อย่าห่วงไปเลย ผู้ที่เจ้าควรใส่ใจที่สุดคือสิมูนต่างหาก” เขาพูดเรียบเรื่อย “หากมีโอกาส ฝากเจ้าบอกสิมูนเรื่องของเราสองคนด้วย นางไม่เคยรู้ว่ามารดาของนางเป็นมนุษย์ บอกนางด้วยว่าพวกเรารักนางมาก...แล้วก็ขอโทษด้วยที่ไม่อาจอยู่ดูแลใกล้ชิดนางอย่างบิดามารดาเลย”

ข้ารับหนักแน่นที่สุดว่าจะทำตามนั้น เอนลิลเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่องถามไปเสียอีกอย่าง

“เจ้ารู้สึกว่าอาหารของพวกเขาอร่อยที่สุดจริงๆ หรือ”

“จริงสิ” ข้าตอบอย่างจริงใจ “แต่...อาจเป็นเพราะข้าเป็นมนุษย์ก็ได้ ท่านเป็นเทพ คงชินกับอาหารทิพย์ของเหล่าเทพที่อร่อยกว่านี้มากมายนัก”

“แล้วน้ำอาบ...เป็นอย่างไร เย็นเกินไปหรือกำลังดี”

“ก็กำลังดีนี่”

คู่สนทนาของข้าเงียบไปชั่วอึดใจ แล้วก็ถามอีกครั้ง

“อากาศตอนนี้เล่า ร้อนหรือหนาวเกินไป”

“...ก็ไม่ร้อนไม่หนาวอะไร ทำไมหรือ”

เอนลิลยิ่งจ้องมองข้าอย่างจดจ่อกว่าเดิม

“ก่อนเราไปพบอาร์ดัท-ลิลิ เจ้ารู้สึกเหมือนมีใครไล่ตามมาหรือเปล่า”

“หือม์” ข้านึกทบทวนความจำ แล้วก็นึกถึงหมอกควันสีดำนั้นได้ “ข้า...ไม่แน่ใจ แต่รู้สึกเหมือนเห็นควันสีดำ—เดี๋ยวก่อน!”

พูดไม่ทันจบ เอนลิลก็คว้าข้อมือซ้ายของข้าไปพลิกดูในความมืดอย่างไม่เบาแรงนัก เขานิ่งค้างอยู่ครู่หนึ่งเหมือนกำลังเพ่งมองสิ่งที่ข้าไม่อาจเห็น แล้วจู่ๆ ก็ทิ้งมือของข้าลงทันควัน

“ข้าน่าจะรู้ ทำไมถึงไม่เอะใจตั้งแต่ก่อนหน้านี่!” เสียงของเขาขุ่นเคืองขึ้นอย่างประหลาด

“ทำไมหรือ” ข้าพลอยตกใจขึ้นมาด้วย “มีอะไรหรือท่านเอนลิล”

เอนลิลก้มหน้าลงมองพื้น ไม่ยอมสบตาข้าเลยตลอดเวลาที่เอ่ย

“เส้นชะตาของเจ้า...”

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 52 18:23:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com