ความคิดเห็นที่ 1 |
มนุษย์...ยามรู้ว่าความตายมาเยือนตนคงตื่นตระหนก ทว่าข้ากลับประหลาดใจตนเอง ไม่มีเลยความประหลาดใจ ไม่มีการตั้งคำถามว่าเป็นไปไม่ได้ หรือเป็นไปได้อย่างไร
อย่างนั้นหรือ ข้ารับเบาๆ
มันคงเป็นความจริง มิเช่นนั้นเหล่าผู้พิพากษาแห่งอาเดสคงไม่เปรยว่าข้าตายด้วยเหตุฆาตกรรม และความยาวของเส้นด้ายชีวิตคลาดเคลื่อนไปเล็กน้อย ที่จริงความยาวเส้นด้ายนั้นเที่ยงตรง แต่ข้าลงมาก่อนถึงเวลาเพียงชั่วครู่เดียวต่างหาก
นึกดูข้าก็เพิ่งแปลกใจที่ตนเองกลับไม่รู้สึกเจ็บศีรษะซึ่งทันทาโลสใช้หินทุบเสียเต็มแรง ตื่นขึ้นมาก็ไร้ทั้งรอยเลือดและแผล ไม่มีความหิวกระหายสิ่งใด ไม่รู้สึกถึงความร้อนหนาว แต่ก็ยังบริโภคอาหารของผู้มีชีวิตอยู่อย่างเอร็ดอร่อย เพราะอาหารในโลกมนุษย์มีรสโอชากว่าอาหารในโลกแห่งภูตพรายนัก
ข้ารู้สึกเหมือนมีผู้ไล่ตามเราในตอนนั้น เอนลิลขยายความ คงเพราะเห็นอำนาจของข้า เขาจึงล่าถอยไป ไม่เสี่ยงล่วงล้ำอาณาเขตตามเข้ามาถึงดิลมุน แต่ทันทีที่ออกสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง เขาไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่
เขากลับเงียบไปนานแล้วก็ค่อยๆ เอ่ยเหมือนลังเล
เจ้า...อยากเป็นอย่างซิ-อุด-ซูราไหม อามอน
ข้านิ่งฟังตะลึงงัน
...เอนลิลจะยอมทำเพื่อข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ...
หากบอกว่าไม่อยากก็คงพูดปด ข้าตอบเป็นนัย มนุษย์ทั้งมวลย่อมไม่อยากเผชิญหน้าความตายอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่การฝืนชะตากรรมดอกหรือ แล้วถึงอย่างไร ข้าก็ไม่คู่ควรจะได้รับอมตภาพเลย ข้าไม่ใช่วีรบุรุษ ไม่เคยทำสิ่งที่กล้าหาญและยิ่งใหญ่ขนาดนั้นด้วยซ้ำ
เอนลิลถอนใจ
สำหรับข้า เจ้าเป็นวีรบุรุษ ถึงไม่ได้เป็นยอดแห่งการรบ ไม่มีความสามารถใดๆ เหนือใคร แต่เจ้ายังมีความกล้าที่จะลงสู่ปรโลกเพื่อช่วยธิดาของข้า หากเป็นไปได้...ข้าไม่อยากให้นางต้องเสียเจ้าไปอีกเลย
หากเป็นไปได้...แสดงว่าท่านย่อมรู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ ข้าแย้ง ซิ-อุด-ซูราได้รับอมตภาพจากอำนาจของเทพอันและท่านร่วมกัน หมายความว่าอำนาจของท่านเพียงลำพังมอบอมตภาพให้แก่มนุษย์ไม่ได้ อีกอย่าง...ข้าคิดว่าพระองค์ที่ท่านพูดถึงมาตลอดก็คือนภาเทพอันซึ่งลงโทษสิมูนเพราะฝ่าฝืนชะตาช่วยข้าเอาไว้ นั่นหมายความว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะยอมให้ข้าเป็นอมตะแน่ๆ
แต่ความโศกเศร้าของสิมูนที่ต้องเสียเจ้าไปเล่า
เวลาเด็กคนหนึ่งร้องไห้เสียใจที่นกของตนตาย พ่อแม่จะปลอบลูกไม่ให้เสียใจ หรือทำให้นกตัวนั้นฟื้นคืนชีพขึ้นมาล่ะ
เจ้าไม่ใช่นก...แต่เป็นมนุษย์ เอนลิลตอบเสียงแข็ง พ่อที่อยู่ตรงนี้ไม่ใช่มนุษย์...แต่เป็นเทพ!
มนุษย์หรือเทพล้วนอยู่ใต้ชะตากรรม ความตายคือด้านที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงของชะตากรรม ท่านเองเห็นแล้วนี่ ว่าการฝ่าฝืนชะตากรรมให้ผลอย่างไร
อามอน รู้ตัวไหมว่าเจ้าพูดอะไรออกไป เขาพูดเคร่งขรึมขึ้น
ข้าพูดความจริง
วายุเทพเงียบเสียงไปอีกครั้ง แล้วเอ่ยแผ่วเบากว่าเดิม
ข้าควรจะลงไปตามเจ้าก่อนหน้านี้แท้ๆ ต่อให้ต้องละเมิดอาณาเขตของเทพอีกกลุ่มก็เถอะ
ข้าสั่นศีรษะ
ในเมื่อมันเป็นอดีตไปแล้วก็อย่าใส่ใจเลย เราสองคนยังมีเวลาช่วยสิมูนออกมา เท่านั้นก็พอแล้ว ใช้อำนาจของท่านช่วยเหลือนางให้เต็มที่เถอะ ไม่ต้องห่วงข้า
ข้ารีบพูดให้ใจของเขาออกห่างจากเรื่องนั้น ทีแรกข้าถามเขาว่าจะพาสิมูนออกไปจากอาณาเขตของเหล่าเทพแห่งซัง กิ-กาได้ไหม เอนลิลเห็นด้วยว่าเป็นไปได้ และเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เป็นอันว่าเหลือเพียงปัญหาหลักๆ คือเราสองคนจะเข้าถึงตัวนางได้อย่างไร และพานางออกไปไกลขนาดนั้นได้อย่างไร
อำนาจในตัวข้าขณะนี้ยังไม่เพียงพอจะส่งคนสองคนออกนอกอาณาเขตของพวกเรา แต่บางที... วายุเทพเอ่ยอย่างครุ่นคิด ข้านึกได้หนทางหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่านั่นคือสิ่งที่สิมูนต้องการหรือไม่
เขาค่อยๆ อธิบายให้ข้าฟัง ถ้าเพื่อให้ข้ากับสิมูนได้พ้นจากการตามล่าของเหล่าเทพแห่งดิลมุน นั่นคือการเสี่ยงที่คุ้มค่าน่าลอง ทว่า...ข้าเองไม่แน่ใจเช่นกันว่าสิมูนจะรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เอนลิลทำเพื่อนาง...ซึ่งอาจมองได้ทั้งเป็นพรและคำสาปอย่างใหม่
นั่นคงเป็นเรื่องที่เราต้องถามนางเอง สุดท้ายข้าก็ลงความเห็น
ในการพิพากษาน่ะหรือ
ข้าพอมีวิธี ท่านเอนลิล ข้าพยายามยิ้มน้อยๆ ถึงข้าจะใช้อาวุธไม่เป็น เล่นดนตรีไม่เก่ง แต่ข้าเชื่อว่ามีสิ่งหนึ่งที่ข้าพอทำได้
เอนลิลมองข้าอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่แวบเดียวก็ตามความหมายของข้าทัน
วายุเทพพยักหน้ารับ ซ้ำตบไหล่ของข้าหนักๆ ข้ารู้สึกเพียงแรงกระแทก ทว่าไร้ความเจ็บปวดอย่างสิ้นเชิง
ตกลง อามอน เรื่องใช้ปากคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว เรามีโอกาสครั้งเดียว จงแสดงให้เหล่าเทพทั้งโถงพิพากษาประทับใจไม่รู้วายไปเลย
ข้าผงกศีรษะรับคำของเขา แล้วก็กลับมาสู่ข้อสงสัยอันยาวนานของข้าในที่สุด
เพื่อการนั้น มีเรื่องที่ต้องถามท่านให้แน่ใจเสียก่อน ข้าจะได้ไม่พลาดเสียเอง...
เอนลิลบอกให้ว่ามา ข้าจึงเริ่มเอ่ยปากตามที่ตนคิด
หากเป็นไปได้และเป็นไปตามนั้นจริงๆ นี่อาจเป็นสิ่งที่ใช้ในแผนการของเราดียิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
* * * * *
| จากคุณ |
:
Anithin
|
| เขียนเมื่อ |
:
2 ต.ค. 52 18:23:45
|
|
|
|