รถประจำทาง (รวบรวม)
|
|
รถประจำทาง
มีพลเมืองดีแจ้งตำรวจว่าพบวัตถุต้องสงสัยบรรจุอยู่ในถุงกระดาษสีน้ำตาลถูกวางทิ้งไว้บริเวณป้ายรถประจำทางใจกลางกรุง ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดกำลังดำเนินการตรวจสอบ...
แวบ...
ขณะนี้รถนำขบวนการประท้วงเริ่มเคลื่อนที่ออกจากสนามหลวง พร้อมกับผู้ร่วมชุมนุมกว่าหมื่นคนเริ่มทยอยกันเดินเท้าพร้อมส่งเสียงร้องขับไล่...
แวบ...
สำหรับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในครั้งนี้ตำรวจยังคงมืดแปดด้าน ตำรวจคาดว่าอาจเป็นฆาตกรรายเดียวกับที่เคยสังหารเหยื่อหลายรายก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม...
แวบ
ผมกดรีโมทปิดโทรทัศน์ หลังจากเปลี่ยนช่องไปมาอยู่หลายครั้ง... เกือบหกโมงเย็นแล้ว...ผมดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอน จัดแจงแต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่ผมคิดว่าสบายที่สุดพร้อมกับไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าสะพายคู่ใจติดมือมาด้วย
เมื่อตรวจตราความเรียบร้อยและลงกลอนประตูห้องพักที่เช่าอยู่แล้ว ผมเดินออกจากซอยอย่างไม่เร่งรีบมารอรถที่ป้ายรอรถประจำทาง และหลังจากนั่งรออยู่สักพักรถประจำทางสายที่ผมรอก็จอดเทียบป้าย ผมและผู้โดยสารคนอื่นอีกเจ็ดแปดคนทะยอยกันเดินขึ้นไปและจัดแจงเลือกที่นั่งตามความพอใจ สำหรับผมแล้วผมชอบที่จะนั่งที่นั่งยาวด้านหลังสุดของรถ
นี่เป็นหนึ่งในงานอดิเรกของผม...
ในวันหยุดที่การดำเนินชีวิตของผู้คนดูเหมือนจะเชื่องช้าลงกว่าวันปกติ บางคนนอนดูโทรทัศน์อยู่บ้าน บางคนเดินรับอากาศเย็นในห้างสรรพสินค้า บางคนดูหนังในโรงภาพยนตร์ เพื่อผ่อนคลายอารมณ์หลังจากผ่านการปฏิบัติหน้าที่ทั้งการงานหรือการเรียนมาตลอดสัปดาห์
ส่วนผม...ในเวลาที่ดวงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าและอากาศเริ่มคลายร้อนไปบ้าง ผมชอบที่จะนั่งรับลมเย็นที่โกรกเข้ามาทางหน้าต่างรถประจำทางและเฝ้าสังเกตสีหน้าท่าทางของผู้คน
ที่นั่งยาวติดหน้าต่างด้านหลังสุดของรถทำให้เฝ้าสังเกตพฤติกรรมผู้อื่นได้ง่ายขึ้น ทั้งที่เดินตามท้องถนน ที่รอรถอยู่ที่ป้ายรอรถประจำทาง ที่กำลังขับรถอยู่ตามท้องถนน หรือแม้ที่ผู้โดยสารที่ขึ้นมาบนรถคันเดียวกับผม
ผมคิดว่า การที่คนๆ หนึ่งทำท่าทางอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาเพราะในใจเขาคิดอะไรบางอย่างและส่งผลให้เขาแสดงออกมาอย่างนั้นโดยที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้สึกตัวก็ได้ มันทำให้ผมจินตนาการไปได้ต่างๆ นานา บางครั้งมันทำให้ผมรู้สึกตลก บางครั้งทำให้ผมเกิดความอยากรู้อยากเห็น...และบางครั้งก็ทำให้ผมตื่นเต้น
อันที่จริงผมเพิ่งเริ่มและหลงใหลในงานอดิเรกนี้ได้ไม่นาน ผมจำได้ดี...มันเริ่มจากวันที่ผมนัดแฟนของผมไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เธอ...หญิงสาวจากต่างจังหวัดที่หวังเดินทางมาขุดทองที่เมืองฟ้าอมรแห่งนี้เช่นเดียวกับผม เธอผู้มีแต่รอยยิ้มบนใบหน้าและเสียงหัวเราะที่ร่าเริง
แต่ในวันนั้น...เธอเงียบผิดปกติ มิหนำซ้ำยังไม่ยอมสบตาเวลาคุยกับผม หลังจากเดินเที่ยวกันด้วยความอึดอัดจนเวลาพลบค่ำ ผมนั่งรถประจำทางเพื่อส่งเธอกลับห้องเช่า และ...ตอนนั้นเอง...ที่นั่งเบาะคู่ตอนหลังของรถ
เราเลิกกันเถอะ... คำพูดที่ดูเหมือนจะก้องกังวานติดหูผมมาจนทุกวันนี้...
เธอบอกเลิกกับผม...ผมอยู่ในอาการตกตะลึง...ตลอดทางเราไม่ได้คุยกันอีกเลยแม้เพียงคำเดียว ผมได้แต่นั่งมองบรรยากาศอันเศร้าสร้อยนอกหน้าต่างมาตลอดทาง ความรู้สึกเหมือนหูอื้อและตาลาย
เมื่อถึงป้ายที่หมาย เธอเดินลงจากรถโดยมีผมเดินตามมาติดๆ ผมพยายามจะฉุดมือเธอและคุยเพื่อให้เธอเปลี่ยนใจอีกครั้ง แต่เธอไม่ยอมแม้แต่จะฟังผม เธอตบผมและด่าทออย่างรุนแรงจนผมเริ่มที่จะทนไม่ไหวขึ้นมาเหมือนกัน...และวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ผมได้พบเธอ...
ผมนั่งรถประจำทางเที่ยวสุดท้ายกลับด้วยสายตาว่างเปล่า ผมเผ้า หน้าตา และเสื้อผ้าดูเหมือนจะอยู่ในสภาพที่โทรมสุดขีด ใจผมเต้นแรงและคิดลอยไปไกล มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ผมตัดสินใจย้ายที่อยู่เพื่อหนีความจริงและเพื่อลบภาพเก่าๆ ออกจากความทรงจำ
หลังจากนั้นผมมักนั่งมองเหม่อออกนอกหน้าต่างเวลานั่งอยู่ในรถประจำทาง วันแล้ววันเล่า มันทำให้ผมเริ่มสังเกตสิ่งที่ผมมอง...ลึกลงไป...ลึกลงไป...ในแววตา...ท่าทาง...อากัปกิริยาหลากหลาย จนกลายเป็นความหลงใหลในที่สุด ทุกเย็นวันหยุดหรือวันที่ผมเครียดจากเรื่องต่างๆ ผมก็มักจะมานั่งรถประจำทางเพราะมันทำให้ผมผ่อนคลายได้
ดูนั่นสิ...ชายใส่สูทวัยกลางคนศีรษะเริ่มล้านกำลังเดินบนทางเท้าอย่างเร่งรีบ ใบหน้าและศีรษะเป็นมันเงาด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่ที่ผุดขึ้นมาและไหลย้อยเป็นทาง เฮ้อ...ก็แปลกดีนะ...เมืองไทยเป็นเมืองร้อนแท้ๆ แต่เรากลับรับวัฒนธรรมใส่สูทผูกไทจากต่างประเทศ...
รถประจำทางชะลอเข้าเทียบป้าย ผู้คนบางส่วนทยอยขึ้นและลงทั้งสองประตู
หญิงสาวคนนั้นนั่งอยู่ที่ม้านั่งป้ายรอรถประจำทาง ยกนาฬิกาข้อมือสีหวานขึ้นดูด้วยหน้าตาอันบูดบึ้ง นี่คงเลยเวลานัดกับแฟนมานานแล้วละมั้ง...สงสัยถ้ามาเมื่อไหร่เป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
ที่นั่งเดี่ยวทางขวามือห่างจากผมไปด้านหน้าสองตัว เด็กหนุ่มท่าทางคงแก่เรียนนั่งอยู่โดยมีกระเป๋าเป้ใบใหญ่และหนังสือเล่มโตวางอยู่บนตัก...หากมองผ่านๆ อาจเหมือนกับเด็กหนุ่มกำลังตั้งใจอ่านตำราเรียน แต่ถ้าลองสังเกตให้ดี...เขาชอบขยับแว่นตาและชำเลืองมองไปทางหญิงสาวที่นั่งหลับอยู่ที่เบาะคู่ด้านซ้ายมือของตัวเองอยู่เป็นระยะๆ
ส่วนหญิงสาวที่นั่งหลังเด็กหนุ่มก็ชอบเอามือลูบผมตัวเองบ่อยๆ...บ่อยซะจนน่ารำคาญ ท่าทางดูน่าจะเป็นคนรักสวยรักงาม แต่ค่อนข้างจะไม่มั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่
รถประจำทางจอดเทียบป้ายอีกครั้ง ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งเดินขึ้นมาบนรถและเลือกที่นั่งเบาะคู่ติดกับประตูรถ จากที่สังเกตเมื่อกี้...เป็นชายหนุ่มหญิงสาวสมัยใหม่ที่หน้าตาดีทีเดียว
หลังจากประตูรถปิดและเริ่มเคลื่อนที่ออกจากป้ายไปได้สักระยะ ผมได้ยินเสียงดังจากตอนหน้าของรถจนผมชะโงกหน้าขึ้นดู...เสียงของชายหนุ่มหญิงสาวคู่เมื่อกี้นี้นี่เอง สงสัยจะเป็นแฟนกัน...ทะเลาะกันที่ไหนก็ไม่ไป...ดันมาทะเลาะบนรถให้คนอื่นได้รู้ได้เห็นอีก เสียงทะเลาะของคนทั้งสองดังขึ้นเรื่อยๆ จากเสียงดังเริ่มกลายเป็นเสียงตะโกน และเมื่อความอดทนของคนทั้งสองหมดลง ทั้งคู่ลุกขึ้นยืนและชี้หน้าด่าทอกันอย่างรุนแรง
ผมสังเกตคนอื่นๆ บนรถ...คนที่นั่งอยู่ห่างหน่อยจะหันไปมองยังต้นเสียงและตั้งตาดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ จะทำเป็นไม่สนใจ หากแต่สายตายังคอยชำเลืองมองอย่างระแวดระวัง ส่วนคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าคนทั้งสองจะหันกลับมามองและหันกลับไปทำท่าเหมือนไม่รู้ไม่เห็น และเมื่อผมหันกลับไปมองยังต้นเสียงอีกครั้ง...หญิงสาวตบหน้าชายหนุ่มเสียงดัง...ชายหนุ่มหันกลับมามองด้วยสายตาโกรธแค้น
คนขับรถประจำทางเหมือนจะรู้ว่าควรทำอย่างไรเลยเร่งความเร็วรถเพื่อเข้าเทียบป้ายโดยเร็ว...ชายหนุ่มเดินลงจากรถอย่างฉุนเฉียว
อย่าให้กูเจออีกนะ...ถ้าเจออีกน่วมแน่...
แน่จริงก็ตอนนี้เลยสิวะ...ไอ้... ชายหนุ่มยังคงหันกลับมาชี้หน้าด่าทอหญิงสาว ส่วนฝ่ายหญิงก็ยังคงยืนอยู่บนรถและด่าสวนกลับฝ่ายชายด้วยคำพูดที่รุนแรงไม่แพ้กัน
ประตูรถปิดอย่างรวดเร็วและเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้ง...
หญิงสาวล้มตัวลงนั่งที่เบาะเดี่ยวอีกฝั่งกับเบาะเดิมที่เคยนั่ง ท่าทางเหนื่อยอ่อนแต่ยังคงแสดงอาการฉุนเฉียว...เม็ดเหงื่อผุดเต็มใบหน้า หลังจากการประมวลคำพูดที่ได้ยินมาเมื่อสักครู่...ฝ่ายหญิงสาวคงจะบอกเลิกกับฝ่ายชายด้วยสาเหตุเพราะฝ่ายชายเป็นเจ้าชู้และชอบผิดนัดอยู่เสมอๆ ส่วนฝ่ายชายมีอารมณ์โมโหด้วยสาเหตุที่ฝ่ายหญิงควงผู้ชายคนอื่นมาเย้ยให้เห็นกับตา
รถประจำทางแล่นเอื่อยผ่านป้ายรอรถป้ายแล้วป้ายเล่า...ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู...อืม...ค่อนข้างจะดึกแล้ว...รถค่อนข้างจะติดตอนวิ่งผ่านตัวเมือง...บรรยากาศสองข้างทางตอนนี้ค่อนข้างจะเงียบและเริ่มเรียงรายด้วยต้นไม้น้อยใหญ่แทนที่อาคารบ้านเรือนที่หนาแน่น คนบนรถในขณะนี้บางตาลงอย่างมาก ผมกวาดตามองไปรอบๆ รถก่อนที่จะลุกขึ้นเพื่อที่จะเปลี่ยนที่นั่งไปด้านหน้าที่เบาะคู่ใกล้กับประตูรถ
หญิงสาวคนนั้นยังคงนั่งอยู่ที่เดิม...ที่เบาะเดี่ยวด้านขวามือที่ผมกำลังนั่งอยู่ตอนนี้...ท่าทางไม่สนใจใครของเธอทำให้ผมลอบชำเลืองมองดูเธอได้ง่ายขึ้น ตอนนี้ใบหน้าที่เกรี้ยวกราดของเธอเริ่มสงบลง เมื่อลองมองดูดีๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยทีเดียว ผมยาวดำขลับปลิวสยายตามลมที่โกรกเข้ามาทางหน้าต่าง คิ้วโก่ง ตาโต จมูกโด่งเป็นสัน ปากเล็กอวบอิ่มที่ดูเหมือนไม่น่าจะพูดคำพูดเหล่านั้นออกมาได้...และที่สะดุดตาผมเป็นอย่างยิ่ง...ลำคอเรียวยาวของเธอ...ผมมองเธอด้วยใจระทึก...มันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้น
เธอลุกขึ้นและเดินมายืนตรงประตูรถ...ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เรียบเฉยของเธอ เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มใบหน้าและแผ่นหลังของผมพร้อมกับรอยยิ้มนิดหนึ่งที่มุมปาก...ผมนึกไปถึงข่าวเมื่อเย็นที่ผ่านมา...ตำรวจยังคงไม่รู้ตัวคนร้ายที่ก่อคดีฆาตกรรมหลายคดีในช่วงนี้นี่นะ...ผมล้วงมือเข้าไปกระชับด้ามของมีคมในกระเป๋าสะพายใบเก่ง...หลังจากวันนี้ผมคงต้องเปลี่ยนที่อยู่อีกครั้งซะที
...วันนี้...ผมอิ่มเอมกับการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมและสีหน้าต่างๆ ของผู้คนมาพอแล้ว...และ...ตอนนี้...ความหฤหรรษ์สุดยอดของผม...ความรู้สึกที่เกินบรรยายตอนเห็นมีดเฉือนผ่านเนื้อหนังที่บอบบาง...อา...ผมอยากเห็นใบหน้าที่สวยงามบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัว...เสียงหวีดร้องในขณะที่มีดกำลังเฉือนผ่านหลอดลมที่อยู่ในลำคองามระหงษ์ของเธอจะไพเราะสักแค่ไหนกันนะ...จะเหมือนกับเหยื่อรายก่อนๆ ของผมที่ผ่านมารึเปล่า...ผมต้องขอบคุณเธอจริงๆ...เหยื่อรายแรกที่ทำให้ผมได้รับรู้ถึงความหฤหรรษ์เกินบรรยายเช่นนี้...ใช่แล้ว...เธอ...แฟนของผมเอง... ผมลุกขึ้นจากที่นั่ง ยืนอยู่ที่ประตูรถอีกบานด้วยสีหน้าที่แทบจะปกปิดรอยยิ้มไว้ไม่มิด และเมื่อประตูรถเปิดออก...ผมเดินตามหลังเธออย่างไม่รีบร้อนเข้าไปสู่ความมืดมิดแห่งรัตติกาล...ตลอดกาล...
จากคุณ |
:
KTHc
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ต.ค. 52 22:07:25
|
|
|
|