ความคิดเห็นที่ 1   ฟังดูแปลกๆๆ ค่าต้นฉบับมันต้องได้ก่อนหนังสือตีพิมพ์สิ  ทำแบบนี้ สนพ อะไรเหมือนไม่บริสุทธิ์ใจเลย จากคุณ : earth_um (Earth_um) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 07:38:19

ความคิดเห็นที่ 2 ผมก็ไม่ค่อยทราบรายละเอียดพวกนี้มากนะครับ เท่าที่ได้ยินมา มีแนวการปฏิบัติ ที่หลากหลายมากพอสมควร ตอนเราติดต่อกับแต่ละสำนักพิมพ์ ต้องสอบถาม สักนิดว่ามีขั้นตอนและระยะเวลาการทำงานอย่างไร เพื่อให้เข้าใจตรงกัน และถ้า ทั้งสองฝ่ายพอใจกับขั้นตอนและระยะเวลาแบบนี้ก็ตกลงทำงานร่วมกันไป นั่นคือโดยหลักการ ในทางปฏิบัติจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ทั้งฝ่ายนักเขียนและฝ่าย สำนักพิมพ์เอง (1) ในฝ่ายนักเขียน มักจะเกรงใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเขียนใหม่ (แต่ไม่ใหม่ที่ ยังเกรงใจก็มีครับ) หรือกลัวว่าจะกลายเป็นการวุ่นวาย กลัว บ.ก. หรือสำนักพิมพ์จะ ไม่พอใจ ก็เลยไม่กล้าถาม หรือพอถามแล้วยังได้คำตอบไม่ชัดเจนก็ไม่กล้าถามต่อ ให้กระจ่าง (2) ในฝ่ายสำนักพิมพ์ บางทีก็มีปัญหาภายในด้วยกันเอง เช่น ถ้าเป็นสำนักพิมพ์ ใหญ่ บางทีมีผู้รับผิดชอบหลายคน หลายฝ่าย ดูแลหนังสือหลายเล่มพร้อมกัน ก็ เป็นไปได้ว่า คนในด้วยกันเองก็ยังไม่รู้กันว่าอีกฝ่ายเป็นยังไงไปถึงไหน (ประสาน งานไม่ทั่วถึง ว่างั้น) หรือถ้าเป็นสำนักพิมพ์เล็ก ก็อาจมีปัญหาในทางตรงกันข้าม คือน้อยคนหรือคนเดียวต้องทำทุกอย่าง บางทีก็ชุลมุนจนตามงานของตัวเองไม่ทัน ก็มี  หรือถ้าเป็น บ.ก. ใหม่ บางทีก็ยังไม่ชัดเจนกับระบบงานของสำนักพิมพ์ตัวเอง หรืองานเก่าที่คนเก่าทำค้างไว้ก่อนลาออก เป็นต้น โดยหลักการอีกเหมือนกัน สำนักพิมพ์ควรรับผิดชอบในการพูดคุยกับนักเขียนให้เข้า ใจว่างานเขียนของนักเขียนคนนั้นจะมีขั้นตอนการทำงานอย่างไร และใช้ระยะเวลา อย่างไรบ้าง  แต่ในทางปฏิบัิติก็แน่นอนว่าก็ไม่ได้ทำอย่างนี้ทุกสำนักพิมพ์ ทั้งที่โดย ไม่ตั้งใจ (คือไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่ไม่รู้หรือไม่ได้สนใจ คิดแต่ว่าทำงานผลิดให้ดี) และโดยตั้งใจ (เช่น เห็นว่าไม่จำเป็นต้องบอก สำนักพิมพ์จัดการเองได้ หรืออาจจะมี ส่วนน้อยที่ไม่อยากบอก เพราะจะทำให้เสียประโยชน์สำนักพิมพ์ก็ว่าไป) มาดูที่รายละเอียดของคุณเทพบุตรหมัดดาวหาง เท่าที่ผมทราบ สำนักพิมพ์หลาย แห่งมีแนวการปฏิบัติด้านนี้ที่ต่างกันไปครับ เ่ช่น (1) เรื่องปก บาง สนพ (ขอย่อนะครับ พิมพ์หลายทีเริ่มเมื่อย แหะๆ) ก็ปรึกษานักเขียน แต่บาง สนพ ก็รับผิดชอบดูแลเด็ดขาด ถือว่าเป็นสิทธิ์ขาดของ สนพ (ซึ่งตามกฎหมาย ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ) สนพ ที่ดูแลเด็ดขาดนี้ ถ้าจะให้นักเขียนดูก็ในลักษณะที่เป็น การให้เกียรติ (courtesy) มากกว่าที่จะให้ร่วมตัดสินใจจริงๆ เพราะมีปัจจัยอื่นอีกมากที่ มีผลต่อการตัดสินใจแบบปกซึ่งนักเขียนอาจจะไม่รู้ และในแง่ของการจัดทำรูปเล่มเพื่อ วางขาย สนพ ถือว่าเป็นเจ้าของงานและมีส่วนรับผิดชอบโดยตรง (2) เรื่องการเซ็นสัญญา โดยหลักการแล้ว ต้องมีการอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิในการจัดพิมพ์ ให้เรียบร้อยก่อน (รวมทั้งตกลงค่าตอบแทนที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย) สนพ จึงจะสามารถ ไปจัดพิมพ์จำหน่ายได้โดยไม่ละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์  ในทางปฏิบัติ สนพ จำนวนมาก ใช้วิธีเซ็นสัญญาตามหลังครับ (ไม่ใช่ที่นี่ที่คุณเทพบุตรฯ ทำงานด้วยที่เดียว) คงจะด้วย ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน และเพื่อความสะดวกในการทำงาน ไม่ได้เกิดจากเจตนาที่จะเอา เปรียบหรือฉ้อโกงเสมอไป (3) เรื่องการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ อันนี้จะเป็นข้อตกลงที่ระบุไว้ในสัญญาครับ (ถ้ายังไม่เคยเห็น สัญญา ก็ต้องตกลงกันในขั้นพูดคุย หรือดูจากตัวอย่างสัญญามาตรฐาน ซึ่งบาง สนพ จะมี ไว้สำหรับใช้กับงานพิมพ์ทุกเล่ม) ส่วนใหญ่จะจ่ายหลังจากหนังสือวางจำหน่ายไปแล้วช่วง ระยะเวลาหนึ่ง เช่น 45 วัน หรือ 60 วัน ก็ว่ากันไป แล้วแต่ระบบการหมุนเงินของ สนพ นั้น บางที่จ่ายครั้งเดียวเต็มจำนวน ได้ยินว่าสมัยนี้บางที่มีการแบ่งจ่ายเป็นงวดด้วยครับ ในกรณีของคุณเทพบุตรฯ ผมว่าสิ่งที่เป็นจุดตัดสินใจได้อย่างหนึ่งคือ หนังสือพิมพ์ออกมา เป็นเล่มแล้วแน่ๆ (เพราะ สนพ ส่งหนังสือมาให้แล้ว 10 เล่ม) ลองเปิดดูด้านในสักนิด ว่า ระบุเดือนปีที่พิมพ์หรือเปล่าและระบุเป็นเมื่อไหร่ (ข้อมูลตัวนี้ใช้ยืนยันอะไรไม่ได้มาก แต่ อย่างน้อยรู้เอาไว้ก็ดี) และถึงเวลานี้ที่ได้รับหนังสือแล้ว คุณเทพบุตรฯ ก็มีสิทธิ์ติดต่อกลับ ไปทาง สนพ อีกครั้ง และถามถึงสัญญาได้ครับ  ถ้าเขาตั้งใจว่าจะส่งมาพร้อมกับค่าต้นฉบับ หรืออะไรเลย เขาจะก็บอกเราได้ หรือถ้ามีการผิดพลาดล่าช้าอะไรก็จะได้ทราบกันครับ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจไปเสียก่อนนะครับ บางทีเหตุเหล่านี้ก็ไม่ได้เกิดจากการตั้งใจเอาเปรียบ หรือฉ้อโกงเสมอไป ระบบการทำงานหลายแห่งก็ไม่ค่อยเป็นระบบเท่าไหร่ หรือมีการยืดยาด ล่าช้า ผิดพลาดได้บ้าง เราในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ที่เป็นคู่สัญญาตกลงทำธุรกิจด้วยก็มีสิทธิ์ ตามกฎหมายที่จะติดตามสอบถามได้ครับ ทาง สนพ ก็มีความรับผิดชอบและจรรยาบรรณ ตลอดจนมารยาทที่จะต้องดูแลให้เกิดความโปร่งใสในการเจรจาทางธุรกิจกับเจ้าของลิขสิทธิ์ ตามสมควรด้วยเช่นกัน ถ้าทั้งสองฝ่ายมีน้ำใจและติดต่อกันด้วยไมตรีจิต ก็จะทำให้การดำเนิน งานเป็นไปด้วยดี ลดปัญหาที่เกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่ายนะครับ ร่วมเป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 08:54:05

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณมากค่ะคุณพีทคุง จากคำตอบทำให้เข้าใจมุมมองของทางสำนักพิมพ์มากยิ่งขึ้น คงเพราะเราเคยชินกับระบบของบริษัทเอกชนมาก่อนที่มักจะมีแผนกำหนดการ และเรื่องการติดต่อสื่อสารมักจะมีการรายงานเป็นขั้นตอนเสมอ เลยทำให้กังวลใจมากไป จากคุณ : เทพบุตรหมัดดาวหาง เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 11:43:14

ความคิดเห็นที่ 4 คุณ จขกท.ไม่ได้กังวลใจมากไปหรอกค่ะ ทางที่ดี คุณ จขกท. ควรติดต่อสำนักพิมพ์ขอหนังสือสัญญามาก่อนนะคะ (สำคัญมากประหนึ่งว่าเมียหลวงต้องรีบตีทะเบียนมาไว้กอดให้อุ่นใจก่อนมิเช่นนั้นอาจจะกลายเป็นเมียน้อยไปได้^^") เรื่องเงินนั้นส่วนใหญ่สำนักพิมพ์จะจ่ายหลังวางแผงค่ะ1 เดือน 3 เดือน 4เดือน 5เดือน หรือทยอยจ่ายก็แล้วแต่ตกลงกันและแล้วแต่ในสัญญาค่ะ เรื่องปกนั้นเป็นธรรมดาค่ะ ทางสำนักพิมพ์เป็นคนตัดสินใจอยู่แล้วทางคนเขียนอาจจะมีสิทธิ์ติติงได้บ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องแล้วแต่สำนักพิมพ์ค่ะ เพราะทางเขาเป็นฝ่ายลงทุน(ปกก็สามารถทำให้คนอ่านตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อได้) ในเรื่องของหนังสือสัญญาส่วนใหญ่ที่เคยรับรู้มา หนังสือสัญญาควรจะมาก่อนหนังสือพิมพ์วางแผงค่ะ แต่ในสัญญาอาจจะระบุวันที่ก่อนวางแผงหรือว่าระบุเป็นวันที่วางแผงเลยก็ได้ ว่าวันที่ดังกล่าวเป็นการเริ่มต้นของการขออนุญาตเช่าซื้อลิขสิทธิ์ และจะหมดสิทธิ์ในลิขสิทธิ์เช่าซื้อนั้นเมื่อไหร่(สำหรับกรณีที่ไม่ได้ซื้อขายขาด) ต้องดูสัญญาให้ดีๆว่าเป็นการอนุญาตเช่าซื้อลิขสิทธิ์ หรือการซื้อขายขาด เพราะถ้าเซ็นชื่อในสัญญาไปแล้ว ก็จะแก้ไขอะไรไม่ได้ ถ้าซื้อขายขาด เราจะไม่มีสิทธิ์อะไรในงานของเราอีกเขาจะตีพิมพ์เท่าไหร่อย่างไรก็เรื่องของเขา ซึ่งไม่ดีเลย^^" การติดต่อกับสำนักพิมพ์ควรเป็นทางอีเมล์ส่งหาสำนักพิมพ์แล้วส่งให้ตัวเองพร้อมๆกันเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานแลย้ำทางโทรศัพท์อีกที (ในกรณีที่ร่วมงานกันครั้งแรก ) เพื่อให้เป็นหลักฐานว่าเป็นวันที่เท่านี้ๆที่เราติดต่อไป ปล. เรารู้สึกแปลกๆที่จนป่านนี้แล้วจขกท. ยังไม่ได้หนังสือสัญญา ลองถามสำนักพิมพ์ดูนะคะ เผื่อว่าจะหายหกตกหล่นอยู่ที่ไหน การที่ทางสำนักพิมพ์ส่งรูปปกมาให้ดูก็น่าจะแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจอยู่ส่วนหนึ่ง แต่การที่สัญญามาช้านี่ก็สมควรแก่การหวั่นใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นกำลังใจให้ค่ะ^^ จากคุณ : จอมนาง เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 05:24:19

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณ คุณจอมนางค่ะ ให้คนที่บ้านเช็คให้แล้ว หนังสือสัญญาเค้าให้เด็กส่งมากับหนังสือของเราสิบเล่ม ทั้งๆที่เราย้ำไปแล้วว่าให้ส่งสัญญาทางอีเมล์เพราะเราไม่ได้อยู่ไทย เราจึงต้องโทรไปแจ้งทางสำนักพิมพ์ให้ส่งสัญญามาใหม่ แต่ก็ยังไม่ได้รับเลย (กำลังคิดว่ามันยากมากมั้ยเนี่ยส่งอีเมล์ฉบับเดียวรอมาเป็นวันแล้ว) แต่ก็อย่างว่าสัญญาควรจะทำก่อนวางแผง แต่กรณีวางแผงก่อนส่งสัญญาให้เราหลายเดือนทีเดียว หากว่าเราไม่เจอเองว่าวางแผงแล้วติดต่อกลับไป  (จะจำไว้ให้ดีสำหรับผลงานหน้าค่ะ) อีเมล์ที่ติดต่อกับทางสำนักพิมพ์เราเก็บไว้ทุกครั้งค่ะ ขอบคุณที่แนะนำค่ะ จากคุณ : เทพบุตรหมัดดาวหาง เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 12:22:16

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ จขกท. คะ สัญญาส่งทางอีเมล์ไม่ได้นะคะ คือส่งให้ดูให้อ่านอ่ะได้ แต่ถ้าจะทำสัญญากันจริงๆต้องส่งเป็นลายลักษณ์อักษรตัวเป็นๆค่ะ เพราะว่า ทางสำนักพิมพ์จะต้องเซ็นชื่อมา2ฉบับ+พยาน2คน แล้วส่งให้คุณเพื่อให้ คุณเซ็นชื่อตัวคุณไปทั้ง2ฉบับ หลังจากคุณเซ็นเสร็จทั้ง2ฉบับคุณก็ต้องส่งคืนสำนักพิมพ์1ฉบับเก็บไว้เอง1ฉบับ ^^" จากคุณ : จอมนาง เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 14:50:54

ความคิดเห็นที่ 7 อันนี้ก็งงกับเค้านิดนึงเหมือนกันว่าทำไมเค้ารับปากว่าโอเคตอนแรก กะว่ารับมาทางเมล์แล้วจากนั้นก็คงจะปริ้นต์ออกมาเซ็นต์สองชุดแล้วเก็บไว้ชุดหนึ่ง แล้วเซ็นต์ส่งตามไปรษณีย์อีกชุดหนึ่ง เพราะว่าเราอยู่ต่างประเทศน่ะค่ะ แต่คงไม่เป็นไร โชคดีที่จะกลับไทยเดือนนี้พอดี (กลายเป็นยืดเวลาออกไปอีกเลยนะเนี่ย) ขอบคุณคำตอบของคุณจอมนางมากค่ะ จากคุณ : เทพบุตรหมัดดาวหาง เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 18:33:06

ความคิดเห็นที่ 8 คิดว่าทางสำนักพิมพ์คงงงๆอ่ะค่ะเลยบอกโอเคในครั้งแรก แล้วพอถึงเวลาจริงมันทำแบบนั้นไม่ได้เลยเลือกวิธีที่ง่ายที่สุดคือส่งไปพร้อมหนังสือ10เล่มของคุณ เอ่อ..ที่ คุณ จขกท. กะไว้ยุ่งยากกว่าให้ทางสำนักพิมพ์ส่ง จม.มาเป็นๆอีกค่ะ^^" เพราะคุณต้องเซ็นสองฉบับแล้วส่งให้สำนักพิมพ์ทั้งสองฉบับเพื่อให้สำนักพิมพ์เซ็น แล้วสำนักพิมพ์ก็ต้องส่งสัญญาคืนคุณมา1ฉบับอีกรอบ^^" ส่วนถ้าให้ทางสำนักพิมพ์เซ็นแล้วสแกนส่งอีเมล์ให้คุณก็ทำไม่ได้นะคะ ลายเซ็นทั้งสองฉบับต้องเป็นลายเซ็นตัวจริงถึงจะมีผลทางกฏหมายค่ะ เพราะถ้าผ่านการสแกนมาก็ถือว่าเป็นก้อปปี้หรือว่า สำเนา แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นถึงเวลาจำเป็นต้องใช้ ให้มีผลทางกฏหมาย (กรณีที่เป็นความฉ้อโกงค่าเรื่องกัน)ก็ต้องเซ็นสำเนาถูกต้องและต้องมีลายเซ็นตัวจริงอยู่ดี(ต้องเซ็นทั้งสองฝ่ายอีกต่างหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเซ็นอย่างเดียวไม่ได้)ซึ่งถ้าเป็นความกับเขา เขาคงไม่เซ็นสำเนาถูกต้องให้แน่ๆ^^" หากจะทำการเซ็นสัญญาในเรื่องต่อไปให้ทางสำนักพิมพ์เซ็นแล้วส่งจม. เอกสารสัญญาไปทางไปรษณีย์ให้ถึงคุณที่ต่างประเทศเลยดีกว่าค่ะ แล้วพอคุณเซ็นเสร็จก็ส่งคืนให้ทางสำนักพิมพ์ไป1ฉบับเก็บไว้เอง1ฉบับซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแล้วค่ะ พิมพ์ไปก็มึนไป เอิ๊กส์ แต่คิดว่า คุณ จขกท. คงพอจะเข้าใจแล้วนะคะ^^ จากคุณ : จอมนาง เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 19:27:20

ความคิดเห็นที่ 9 เข้าใจแล้วค่ะ อืม งานนี้เราโชว์โง่จริงๆ ดันนึกว่าตัวเองใช้วิธีที่ฉลาดแล้วนะเนี่ย ขอบคุณ คุณจอมนางมากเลยนะคะที่อธิบายให้เข้าใจถึงขั้นตอน ขอขอบพระคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ จากคุณ : เทพบุตรหมัดดาวหาง เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 21:39:18

ความคิดเห็นที่ 10 แจ่มเลยกระทู้นี้ แม้ยังไม่เป็นนักเขียน แต่นัก (ชอบ) เขียนอย่างผมก็ได้ประโยชน์มากๆเลยล่ะ ขอบคุณทุกๆท่านทึ่ช่วยกันนะครับ แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 01:05:45 จากคุณ : ศิลป์ใจ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 01:05:22

ความคิดเห็นที่ 11 มาอัพเดท จากที่ให้คนไปถามให้ที่ร้านหนังสือสาขาอื่นสามร้าน หนังสือวางแผงเดือนก.ย. ค่ะ คาดว่าฐานข้อมูลของซีเอ็ดสาขาที่เพื่อนไปดูมาคงจะผิดพลาดจริงๆ จากคุณ : เทพบุตรหมัดดาวหาง เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 23:24:35