Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ความทรงจำไฟไหม้ที่หาดใหญ่  

ไฟไหม้หาดใหญ่ (ที่จำได้)

สมัยแรกที่จำความได้ครั้งแรก
มีไฟไหม้ใกล้กับบ้านห่างกันประมาณหนึ่งบล็อคครึ่ง
ช่วงนั้นเป็นเวลาประมาณสองทุ่ม
เพราะจำได้ว่าภาพยนตร์กำลังจะฉายที่
โรงหนังเฉลิมยนต์อยู่ระหว่างถนนสายหนึ่งกับสายสอง
เรื่องที่จะฉายคือเรื่อง ศึกระฆังทอง (จำดาราไม่ได้แล้ว)
หลังจากไฟไหม้ผ่านพ้นไปก็เลยมีชื่อเรียกกันใหม่ว่า
โรงหนังเฉลิมไฟ หรือศึกระฆังเพลิง เป็นต้น

สมัยนั้นย่านนี้ก็เป็นย่านที่จัดว่าเป็นย่านที่เจริญย่านหนึ่ง
มีการค้าคึกคักจำนวนมากเพราะใกล้กับสถานีรถไฟ
มีร้านค้าอาหารและสถานบริการอยู่ในละแวกนี้จำนวนมาก
การค้าขายสมัยก่อนต้องใช้โรงหนัง(ภาพยนตร์)เป็นแม่เหล็ก
ในการดึงดูดให้คนมาใช้บริการในสถานที่ใกล้เคียง
จนถึงกับสมัยหนึ่งก่อนจะขายตึกแถว
ต้องมีการโฆษณาว่าจะสร้างโรงหนังแน่นอน
จึงจะมีคนจะซื้อตึกแถวเช่นที่ แถวอาคารพาณิชย์จุติ
ก็มีโรงภาพยนตร์จุติ   ก่อนจะเลิกร้างไปทำตึกแถวขายต่อ
หรือที่โรงภาพยนต์ชีกิมหยง ก่อนเปลี่ยนเป็นสนามมวย
แต่ก็ไม่สามารถทำรายได้ผลกำไรมากพอในหาดใหญ่
สุดท้ายก็ต้องทุบทิ้งสร้างตึกแถวขายไปในที่สุด

ไฟไหม้ครั้งนั้นรุนแรงมากเพราะบ้านหาดใหญ่
สมัยนั้นมักจะปลูกสร้างกับไม้เป็นส่วนใหญ่
โดยมากก็จะเป็นบ้านไม้สองชั้น
หรือแม้ว่าบ้านจะเป็นตึกก่ออิฐแต่โครงหลังคา
สมัยก่อนใช้ไม้เป็นโครงสร้างหลักมากกว่า
เพราะจัดหาง่ายและน้ำหนักเบากว่าเหล็ก
ซึ่งการสั่งซื้อเหล็กต้องส่งมาจากกรุงเทพฯ
หรือลักลอบหนีมาจากทางฝั่งมาเลย์
กอปรกับสมัยก่อนการเชื่อมเหล็กเป็นเรื่องยุ่งยาก
เครื่องมือก็หายากราคาแพง มีก็ในอู่ซ่อมรถยนต์ งานเหมืองแร่ดีบุก
ผู้รับเหมาที่จะมีเครื่องมือประเภทนี้มีน้อยมาก
การหาช่างฝีมือก็มีจำนวนน้อย ถ้ามีก็มักจะเล่นตัว
หรือชอบไปทำงานตามเหมืองแร่
ซึ่งได้ค่าแรงงานสูงกว่าเพราะงานในเมืองมีน้อยมาก
สรุปว่า ช่างไม้หาง่ายกว่าช่างเชื่อมเหล็ก

ผลการไหม้ครั้งนั้นโรงหนังต้องเลิกกิจการไป
มีการสร้างใหม่เป็นตึกบริษัทส่งออกยางพารา
และโรงแรมอีกหลัง ส่วนด้านสายหนึ่ง
ก็กลายเป็นอาคารพาณิชย์ในปัจจุบัน
ตึกแถวไม้ที่ไฟไหม้ก็กลายเป็นธนาคาร
และโรงแรมชั้นสองในปัจจุบัน
ยังจำได้ว่าช่วงเดินไปดูบริเวณที่ถูกไฟไหม้
ช่วงเดินผ่านอีกบล็อคหนึ่งที่สายสอง(โซนที่ไม่ถูกไฟไหม้)
เห็นบ้านหลังหนึ่งทำธุรกิจโลงศพคนจีน
สภาพบ้านข้างในค่อนข้างมืด และมีโลงศพวางเรียงราย
รอทาสีดำหรือน้ำตาลเข้ม เป็นพวกโลงที่ขุดจากไม้เป็นท่อน
ที่นิยมมากสุดก็พวก จำปา สัก
เห็นแล้วน่ากลัวมากเลยรีบเดินผ่านไป
สุดท้ายก็เลิกกิจการไปเพราะไม่มีการต่อสัญญาเช่า
ปัจจุบันธุรกิจประเภทนี้ถูกผูกขาดโดยมูลนิธิท่งเซี้ยเซี่ยงตึ้ง
เพราะไม่มีรายอื่นผลิตโลงประเภทนี้อีก (ยกเว้นโลงไทย โลงแอร์)

ผลของการไฟไหม้บ้านครั้งนั้น
ร้านค้าหลายร้านต้องโยกย้ายไปขายที่อื่น
บางเจ้าก็เลิกกิจการไปเลยเพราะหมดทุนรอน
สายสัมพันธ์ที่ดีที่มีต่อกันบางเจ้าก็ยังคงรักษาไว้ยาวนาน
สืบต่อจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
ส่วนบางเจ้าก็ร้างลากันไปเพราะกาลเวลา
ได้กลืนกินทำลายทุกสิ่งทุกอย่างอย่างช้า ๆ
แต่มีผลไม่ต่างกับไฟไหม้ที่เกิดขึ้น

แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 52 06:02:16

จากคุณ : ravio
เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 21:32:51




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com