Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เรื่องเขย่าขวัญบนทางสายใต้~*  

ขับรถผ่านศาลตอนกลางคืน..อย่าลืมที่จะบีบแตรทัก
ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะไม่โชคดีเช่นพวกเรา!!



เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์เหนือคำอธิบาย ที่เกิดจริงขึ้นเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว
ทางครอบครัวดิฉันได้สัมผัสเข้าในคืนนึง ที่เราได้ออกเดินทางจากจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ
ซึ่งใช้เวลาประมาณเกือบ 12 ชั่วโมง ในการเดินทางแต่ละครั้ง
น้องชายดิฉันซึ่งเป็นผู้ขับ มักจะเลือกเดินทางในช่วงเวลากลางคืน เพราะรถน้อย อากาศก็ไม่ร้อน
ถ้าออกจากบ้าน 6 โมงเย็น ก็จะถึงกรุงเทพ ประมาณ ตี 5 หรือ 6 โมงเช้า

คืนนั้นในรถญี่ปุ่นประจำครอบครัว มีสมาชิกร่วมเดินทางกันทั้งหมด 5 ชีวิต
คือ น้องชาย ที่เป็นพลขับ, แฟนน้องชายที่ชื่อจอยนั่งหน้า, แม่ ,น้าชาย และตัวดิฉัน นั่งเบาะหลัง
เราตื่น ๆ หลับ ๆ มาตลอดทาง จนประมาณตี 3 รถได้เข้าเขต อ.บางสะพานน้อย ก็เกิดสิ่งผิดปกติขึ้น
ทิวทัศน์ข้างทางที่คุ้นเคย และบ้านเรือนที่มีอยู่เป็นระยะ ๆ ได้หายไป...
สองข้างทางกลายเป็นป่ารกทึบ ไม่มีบ้านเรือนผู้คน ไม่มีแม้ป้ายบอกทาง เราอยู่ที่ไหนกันแน่?... เหมือนพวกเรากำลังหลงทาง?

น้องชายเริ่มปลุกพวกเรามาช่วยอ่านป้าย ช่วยดูทางให้
เราสงสัยกันว่า น้องชายหลับในหรือเปล่า? ถึงได้ขับรถหลงมาขนาดนี้
แต่น้องชายยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้หลับใน และไม่ได้ง่วงเลยแม้แต่นิดเดียว

ซักพัก เราก็เห็นแสงสว่างของร้านสะดวกซื้อชื่อดัง ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ตั้งอยู่เดี่ยว ๆ ทางขวามือลึกเข้าไปจากถนนประมาณ 3-4 เมตร
จึงพารถเข้าเทียบ แล้วชักชวนกันลงไปเผื่อจะได้ถามทาง และซื้อเครื่องดื่มแก้ง่วง
แม่กับน้าชายรออยู่บนรถ จอยเดินนำหน้าเข้าไปก่อนใคร
ฉันกับน้องชายเดินเคียงกัน พลางถกเถียงกันเรื่องเส้นทางสายเปลี่ยวที่ไม่คุ้นตานี่อย่างไม่หยุดปาก

เข้าไปในร้านสะดวกซื้อได้แค่แป๊บเดียว ยังไม่ทันได้เลือกซื้ออะไร น้าชายก็โทรศัพท์เข้าเครื่องน้อง
ทีแรกฉันเข้าใจว่าน้าจะโทรมาเพื่อสั่งซื้อของ แต่ทันทีที่รับสาย น้าพูดเพียงว่า
“กลับมาที่รถด่วน! รีบออกมาจากร้านให้เร็วที่สุด! ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น” แล้วก็วางหูไปเลย
น้องชายเลยจูงมือฉันออกมาแบบ งง ๆ เห็นน้าชายยืนหน้าตาตื่น ๆ อยู่ข้างรถ
ก่อนที่เราจะได้ซักถามอะไร น้าชายชี้มือ บอกให้เราหันหลังกลับไปดู...

โอ๊ แม่เจ้า! ภาพมินิมาร์ทที่สว่างไสว เมื่อครู่ได้หายไป กลายเป็นร้านรกร้าง ที่มืดทึบ
ขนแขนพากันเรียงตัวในแนวทั้งแทบจะทันที หัวใจเต้นรัวเหมือนเสียงกลองเพล
“เฮ๊ย..แล้วจอยล่ะ?” จอยยังอยู่ข้างในร้าน ?
น้องชายรีบกดโทรศัพท์โทรหาจอยอย่างร้อนรน เพื่อให้จอยพาตัวเองออกจากร้านให้เร็วที่สุด

จอยเดินออกมาแบบเอื่อยเฉื่อย พลางบ่น ๆ ว่าเพิ่งซื้อบัตรเติมเงินได้แค่อย่างเดียว
แล้วก็โชว์บัตรเติมเงินใบนั้นให้เราดู เรามองหน้ากันแบบเหวอ ๆ จอยซื้อของกับใคร ในร้านที่ร้าง ๆ นี้?
“จอย วางบัตรเติมเงินนั้นลงที่พื้น ทิ้งมันซะ ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น แล้วก็ขึ้นรถให้เร็วที่สุด”
น้องชายบอกเชิงสั่ง แล้วก็พากันเดินไปขึ้นรถ

จอยทำตามอย่างง ๆ เดินตามพวกเรามาแบบลอย ๆ
จู่ จู่ อย่างไม่คาดฝัน จอยก็กระโดดขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนฝากระโปรงหน้ารถ!!
แล้วบอกเสียงเย็น ๆ ว่า “ออก..รถ..ได้..เลย”
เอาแล้วสิ ..เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติแล้วแน่นอน..พวกเราต่างนั่งตะลึง นิ่งอึ้ง ตัวแข็งทื่ออยู่บนรถ

น้าที่ได้สติก่อนใคร เปิดประตูไปคว้าตัวจอยลงมา
แต่ทำยังไง ๆ ก็อุ้มจอยลงมาไม่ได้ อุ้มไม่ไหว เหมือนจอยตัวหนักมาก
สุดท้ายน้าจึงอาราธนาพระเครื่องที่ห้อยคอ คล้องลงไปที่จอย

“กรี๊ดดด!!” จอยส่งเสียงกรีดลั่น ก่อนจะฟุบตัวลงเหมือนหมดสติ
นั่นแหละน้าชายถึงอุ้มลงมาจากกระโปรงรถได้ จับโยนขึ้นรถ ปิดประตู
แล้วบอกน้องชายให้ตั้งสติขับรถออกจากที่นั่นทันที แต่กำชับว่า อย่าขับเร็วเด็ดขาด
เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราบ้าง
แอร์ในห้องผู้โดยสารไม่ได้ช่วยให้อาการอกสั่นขวัญแขวนทุเลาลง ทุกคนเหงื่อท่วมเหมือนเพิ่งวิ่ง 100 เมตรมา


เหมือนฝันร้ายที่ไม่จบสิ้น รถเราขับวนอยู่อย่างนั้นร่วม 20 นาที
ผ่านร้านสะดวกซื้อร้านเดิม ทิวทัศน์เดิม ๆ แบบนี้ เป็นสิบ ๆ รอบ ทั้ง ๆ ที่รถขับตรงไปอย่างเดียว
ทำยังไง ทำยังไง ก็ไม่สามารถหลุดไปจากถนนเส้นนี้ได้
ฉันเริ่มใจเสีย ท่องบทสวดมนต์ผิด ๆ ถูก ๆ ขอพรหลวงพ่อแช่ม คุ้มครองเราให้เดินทางปลอดภัย

น้องชายตัดสินใจกดแตรไป 3 ที เมื่อผ่านร้านสะดวกซื้อลึกลับนี้อีกครั้ง
ไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อ หลังจากนั้นแค่แป๊บเดียว เราก็หลุดจากถนนสายปริศนานั้น
ภาพวิวเดิม ๆ ที่คุ้นตา เริ่มกลับมา เริ่มเห็นบ้านคน เห็นป้ายบอกทางต่าง ๆ

น้องชายประคองรถอย่างมีสติที่สุด ด้วยความเร็ว 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ช้าเกินไป และไม่เร็วเกินไป
จนมั่นใจว่าได้พ้นที่แห่งนั้นมาแล้วจริง ๆ จึงค่อยเลี้ยวรถไปจอดในบริเวญปั๊มน้ำมันมีชื่อ ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ปั๊มนี้มีร้านสะดวกซื้อ และค่อนข้างมีผู้คนพลุกพล่าน พอให้อุ่นใจได้บ้าง

จอยเริ่มได้สติขึ้นมาแล้ว แต่ก็เหมือนคนเมา ๆ มึน ๆ จำอะไรไม่ได้ ถามพวกเราซ้ำไปซ้ำมาว่า
ตอนนี้ถึงไหนแล้ว? จอดรถทำไม? แต่ไม่มีใครอธิบาย และไม่มีใครก้าวลงจากรถเลยซักคน
นาฬิกาบอกเวลา ตี 4 ครึ่ง น้องชายบอกว่า เขาคงขับต่อไม่ไหวแล้ว ขอหยุดพักที่นี่จนกว่าสว่าง ค่อยเดินทางกันต่อ
เราต่างก็เห็นด้วย และนั่งรอในรถกันแบบเงียบ ๆ ไม่มีใครกล้าหลับ

ได้แค่รออยู่อย่างนั้น จนสว่าง แม่ก็เสนอให้พวกเราไปที่ตลาด ทำบุญตักบาตรกันก่อนจะออกเดินทางอีกครั้ง
เสร็จสิ้นทุกอย่างเราจึงออกเดินทางและถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ท่ามกลางความโล่งใจ

ภายหลังน้าชายก็แสดงความเห็นว่า ถ้าคืนนั้น จอยนำสิ่งที่ซื้อมาจากมินิมาร์ทผีสิงนั่นขึ้นรถมา
ดีไม่ดีรถเราอาจเกิดอุบัติเหตุ มาไม่ถึงจุดหมายก็เป็นได้
(ในรถมีพระ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สิ่งชั่วร้ายหรือภูติผีจะเข้ามาไม่ได้ ถ้าไม่มีใครพาเข้ามา >> นั่นคือความเชื่อ)
และอาจเป็นไปได้ว่า ที่เราทั้งหมดได้เจอในคืนนั้นอาจจะเป็นเพราะว่าเราได้ขับรถผ่านศาลโดยไม่ได้กดแตรทัก
ตามธรรมเนียมปฏิบัติ


จนถึงทุกวันนี้ไม่มีใครรู้ได้ว่า เหตุการณ์คืนนั้น รวมทั้งร้าน และถนนเส้นนั้น มันคืออะไรกันแน่ ไม่มีคำอธิบาย หรือสรุปได้อย่างชัดเจน
รู้เพียงอย่างเดียวว่า หลังจากนั้น น้องชายฉันก็ไม่กล้าขับรถระยะทางไกล ๆ ในเวลากลางคืนอีกต่อไป..

แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 52 10:33:01

แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 52 09:59:02

แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 52 09:54:59

จากคุณ : แม่มดราตรี
เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 09:53:33




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com