ความทรงจำของเด็กหญิงขี้เหร่ บทที่ 12 ...รักแท้ต้องมีลูกไม้??
|
|
อ่า ถึงบทที่ 12 แล้วน้า
**** ฉันคิดว่าเขาคงไม่คิดจีบหรือทำอะไรเพี้ยนๆ อีกต่อไป ตอนแรกฉันก็คลายใจ แต่...หลังจากได้การ์ดนั้นมาสองสามวันฉันรู้สึกว่าเหมือนตัวเองทำอะไรหล่นหาย นาทีแรกที่ฉันคิดอย่างนี้ฉันเดินไปเปิดกระเป๋า คิดว่าฉันลืมสิ่งของไว้ที่ไหน หรือลืมปิดเตาแก๊ซ หรือลืมปิดก๊อกน้ำในห้องแลบเคมี แต่พอฉันนอนลง หลับตาแล้วถึงรู้ว่า ฉันกำลังคิดถึงเขา และกลายเป็นว่าฉันอกหักเพราะตัวเอง ฉันเป็นคนทำให้เขาห่างไป ผู้ใหญ่แบบไหนจะทนเห็นเด็กพูดจาไม่ดีใส่ไปแบบนั้น ทั้งที่เขาสุภาพที่สุด ฉันอาจเพี้ยนขึ้นหรือโรแมนติกเมื่อเสียของรัก เพราะฉันแต่งกลอน ดอกรักร่วงหาย ได้เกือบ 20 บท ให้ทรงเมศวร์เอาไปรวมเล่ม ช่วงนั้นทรงเมศวร์รวบรวมกลอนรักพอดี
แล้วฉันก็เริ่มนำนิยายรักเขียนจากชีวิตจริงของพี่ใหญ่กับหมอฟันที่เขียนทิ้งไว้มาปรับปรุง ทุกอย่างเริ่มลื่นไหล ฉันไม่ได้บอกใครๆ เรื่องอาจารย์กริชกรีธาหายไปจากชีวิตฉัน พ่อกับคุณปู่ถามถึงบ้างแต่ก็ถามเหมือนถามข่าวคราวถึงคนที่ตัวเองประทับใจคนหนึ่ง
แม้แต่พี่นางแบบสองคนก็ทำท่าเฉยๆ เมื่อฉันบอกว่าเขาเลิกตอแยฉันแล้ว...
คงเพราะทุกคนรู้ดีว่า เราสองคนไม่น่าไปกันได้ อาจารย์เป็นที่นิยมเกินไป และฉันก็เป็นแค่เด็กขี้เหร่คนหนึ่ง การที่เขาเข้ามาทำท่าสนใจคุยด้วยคงเป็นเพราะฉันดูแปลกๆ คนเพี้ยนๆ อยู่แล้ว แบบเขาอาจประทับใจ แต่พอรู้จักก็รู้ว่าฉันไม่มีอะไรเลยแถมนิสัยไม่ค่อยดีอีกต่างหาก แต่แค่นั้นก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำเพียงพอแล้ว
ช่วงเทอมสุดท้าย ปี 4 ฉันยังเรียนหนัก แต่ก็ถือว่าน้อยกว่าตอนปี 3 ส่วนใหญ่ก็เรื่องของโครงการวิจัย ที่กินเวลาเทอมหนึ่ง และปิดเทอมเล็กทั้งหมด วันที่ฉันทำงานวิจัยเสร็จสิ้น ฉันชวนธันวาและซาแมนธาซึ่งกลายเป็นดาราละครเต็มตัวแล้วไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าหรูหราขายของราคาแพงกลางกรุง เราสามคนพบอาจารย์กริชกรีธาเดินมาหญิงชราผิวขาวเนียนท่าทางผู้ดีคนหนึ่ง
ซาแมนธากับธันวาเห็นก่อน ทั้งสองคนพยายามให้ฉันเข้าไปทัก ตอนที่พวกเขายืนอยู่ร้านขายเครื่องประดับจำพวกคริสตัล ฉันกล้าๆ กลัวๆ แต่สุดท้ายเขาก็หันมาเห็นเราสามคน ซาแมนธาเลยรีบทัก แล้วใช้ปลายเล็บกดลงบนหลังฉัน เราทำความเคารพเสร็จอาจารย์ถึงแนะนำ
นี่คุณย่าผม คุณย่าครับ... คนนี้ลูกศิษย์ผมเอง นี่เพื่อนๆ เขา คนนี้เป็นดาราด้วย จำได้มั้ยฮะ
คุณย่าเขา.... ยิ้มให้พวกเรา บอกว่าจำซาแมนธาได้ ดูละครที่ซาแมนธาเล่นอยู่
คนนี้...โมรี...ไงฮะ ที่เป็นนักเขียน โมรี ย่าผมอ่านนิยายคุณด้วยนะ
เขายิ้มให้ฉันอบอุ่นเหมือนเดิม และทำเหมือนเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันเลยสักนิด ความจริงเราก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน เพียงแต่เราไม่ได้ไปมาหาสู่กันอีกเลยเท่านั้นเอง
แล้วพวกเราทั้งสามก็ต้องเดินตามทั้งคู่ไปยังร้านกาแฟหรูหราแถวนั้นเพื่อคุยต่อกัน ซาแมนธาคุยกับกับท่านสุภาพสตรีชรา ส่วนหลานชายนางคุยกับธันวาเรื่องการแข่งขันฟุตบอล ฉันได้แต่หันหน้าไปมาฟังทั้งสองคู่คุยกัน
ผมไม่ค่อยได้เล่นฟุตบอลแล้ว ไม่ค่อยว่าง สอนหนักด้วย เขาเล่าธันวา
ฉันพอรู้มาบ้างว่าเขากำลังทำผลงานเพื่อตำแหน่งรองศาสตราจารย์อยู่ ท่านสุภาพสตรีชราล้อว่าฉันคงเป็นนักเขียนอย่างแท้จริงแน่นอน นักเขียนส่วนใหญ่พูดน้อย ฉันได้แต่ยิ้ม ความจริงฉันกำลังอายอย่างหนัก รู้สึกเหมือนมานั่งอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ควรนั่ง ฉันจึงพูดอะไรไม่ค่อยออก
...ไม่ถึงชั่วโมงเราก็แยกจากมา....
| จากคุณ |
:
rainfull
|
| เขียนเมื่อ |
:
8 ต.ค. 52 11:35:48
|
|
|
|