 |
ความคิดเห็นที่ 6 |
๐ ยวนพ่าย..แห่งบุพเพสันนิวาส...๐
....สารสยามภาคยพร้อง......กลกานท์ นี้ฤๅ คือคู่มาลาสวรรค์................ช่อช้อย เบญญาพิศาลแสดง...........เดอมกรยดิ พระฤๅ คือคู่ไหมแส้งร้อย...............กึ่งกลาง....
๐ โคลงดั้นยวนพ่ายซ้อง......สดุดี ศักดิ์กษัตริย์เจ้าธานี............ชนกผู้- ยาตราทัพประยุทธี.............ล่มศัต รูนา ให้ทั่วถิ่นรับรู้.....................เรี่ยวแกล้วกรุงสยาม
๐ อัคระอิสริยะยศพ้น..........พันไผท สมรรถะพยุหะพลไกร..........แกร่งล้ำ ศรัทธะประสาทะใน............พุทธศาสตร์ ท่านฤๅ ตรรกะวิภาษอยู่ค้ำ.............หลักแท้ธรรมกถา
๐ เพรางายสุริยะเรื้อง..........โรยยาม แต่หมู่ลาวคุกคาม...............เขตแคว้น ทูลกระหม่อมนิราศปราม......ป้องเศิก เสี้ยนแล พาจิตใจขุ่นแค้น................พรากร้างโยธยา
๐ จำพรากนุชนาถน้อย........นางเมือง หมองหม่นชลเนตรเนือง......หยาดย้อย หวาดหวั่นชีพแกล้วเปลือง...ป้องเหตุ คนอยู่หลังเมื่อละห้อย.........ห่วง, ไห้-ฤๅเห็น
๐ ธงทิวปลิวปัดเย้ย............ลมเย็น เมื่อทุกข์โศกเพียบเพ็ญ.......อยู่พร้อม ใครเล่าจักคอยเอ็น-...........ดูหยอก เย้านา ผองศัพท์, สรรพเสียงน้อม...จักน้อมนอบใคร
๐ สรวลศัพท์คฤโฆษฆ้อง....กลองไชย ทุ่มพ่างแตรสังขไหว...........แว่วครื้น คชา, อัศวะ, พลไกร...........แกล้วโห่ ฮึกแฮ คีตลั่นสนั่นพื้น...................แผ่นหล้าแหล่งสถาน
๐ โอ้..สร้อยโศภิตพ้น.........อุปมา จักพรากสู่ยุทธกา-.............รณะแกล้ว เก็บงำรอบถวิลอา-.............วรณ์พี่ เทอญแม่ ล่มเศิกเสี้ยนสิ้นแล้ว...........จักย้อนคืนสม
๐ สองเนตรจักลับหน้า........นานวัน ยังแต่เยื่อใยพัน.................ผูกไว้ ใครจักดอดด้อมขวัญ..........ฝากสวาดิ กรประโลมเกศไล้..............กล่อมเจ้าหลับฝัน
๐ เรื่อยเรื่อยแกล้วคชม้า......คลาขบวน ลิ่วลิ่วลับเนื้อนวล...............แจ่มหน้า สองอกพิโยคครวญ-..........คร่ำเทวษ เกรงแต่รอบเหว่ว้า.............จักล้อมประนอมคะนึง
๐ โฉมเคยแป้งประแก้ม.......กันไร โจงจีบพัสตร์ห่มสไบ..........บ่มเนื้อ เรียมจากจักมีใคร...............เชยแม่ นาแม่ แขนเล่าใครจักเอื้อ............โอบให้หนาวหาย
๐ อกเอยช่างอนาถโอ้.........อาภัพ ห่างพะงางอนพรับ.............เนตรพ้อ ก่อนเคยโอบแขนรับ...........ขวัญแม่ นาแม่ มาจะรันทดท้อ..................อกสะท้อนระทมถวิล
๐ เพรงไป่เคยจากเจ้า.........แม้ยาม เดียวนา มาบัดนี้คลาดงาม-.............รูปแล้ว ศึกนอกเพื่อป้องปราม.........ปราบเศิก เสี้ยนนา อีกศึกในอกแคล้ว..............คลาดพ้นยามใด
....แถลงปางข้าไท้ท่วย.......ใจหาญ ตามต่อยไพรีเรือง...............ร่อนแกล้ว แถลงปางรำบาลลาว...........มัวโม่ห ทันที่น้ำลิบแล้ว................ ชื่นไชย....
๐ ปรานีเจ้าอ่อนน้อย...........นงค์ยง พี่เอย โฉมเมื่อสิ้นโสรจสรง...........สาปเนื้อ- จักหอมกรุ่นละมุนองค์.........รอโอบ แอบแม่ มาห่างรสเคยเอื้อ...............จักอ้อนออดใคร
๐ แรมรักอำมฤตร้าง............รมยา เหลือแต่กรุ่นสุคนธา...........เถื่อนล้อม ค่ำคืนเมื่อไสยา.................ระทวยอยู่ ใครจักโอบรูปน้อม.............แนบไว้ในทรวง
๐ ลมเย็นอาจเยี่ยมเหย้า......ในยาม เมื่อแม่-นอนอกหวาม..........วาบชู้ โดดเดี่ยวเปลี่ยวรสกาม........กรอมรูป เฝ้าพลิกร่างรอรู้-................รส, อ้อนเอ่ยไฉน
๐ รอนรอนสุริเยศคล้อย.......สนธยา เหล่านกโบกปีกคลา-..........คล่ำแล้ว ลำแสงสุดสายตา...............เหลื่อมเมฆ ตรมสุดใจเมื่อแคล้ว-...........คลาดหน้านวลถนอม
๐ รอยเรียมปางก่อนสร้าง....สมกรรม เคยพรากคู่เขาทำ..............ก่อนกี้ บาปเวรจึ่งย้อนจำ-.............จองโทษ พาพรากเจ้าอ่อน,ชี้............สั่งให้ครวญถวิล
๐ รอยเราพรากนกเนื้อ........เขาขัง พาพลัดพรากรวงรัง............คู่เคล้า ชาตินี้บาปเบื้องหลัง...........ตามติด พาพลัดพรากอ่อนเจ้า.........จ่อมด้วยอาดูร
๐ วงจันทร์จำรัสฟ้า............เรียมครวญ หลงว่าวงพักตร์นวล...........แจ่มเนื้อ แผ่วผ่านกรุ่นจันทน์อวล......อบกลิ่น หลงว่ากลิ่นอ่อนเอื้อ...........อบเนื้อแนมจันทน์
....กรุงลาวกลอยขยาดหน้า...ตาตาย ศรากแฮ จักอยู่เมืองเกรงกรร............บ่ได้ กลัวกลับเกลื่อนพล-อยาย-..อยังออก หนีสมเด็จเหง้าไท้.............พ่ายพัง....
๐ ป่านนี้ศรีสวัสดิ์เจ้า..........จอมสมร พี่เอย ทอดรูปที่บรรจถรณ์............นิทระแล้ว ฤๅกราบพระวิงวอน.............ด้วยห่วง ใยแม่ หวังกลับย้อนคืนแคล้ว-.......คลาดพ้นภัยผอง
๐ ลมลงหนาวสุดไซ้...........อกอวล อกเอย ไพรเถื่อนแว่วนกครวญ........คร่ำร้อง เช่นอกพี่เรรวน..................ถวิลรูป รูปพักตร์พริ้มเพราพร้อง......พร่ำท้าลมหนาว
๐ เห็นฟ้าขอดเมฆแก้ว........อัมพร แม่อา เอิบอิ่มบงกชงอน...............รูปช้อย พัสตราห่ม, สไบคอน..........ขอดรูป นั้นนา นึกรูปมือค่อยคล้อย-...........ขยับคล้ายลืม-เผลอ
๐ แว่วยินมยุเรศร้อง............ริมดง ขนขาบเขียวพิมพ์วง...........แว่นพร้อม พร่ำเพรียกคู่ครองลง..........สังวาส อายนก-อกนึกน้อม.............เพรียกน้องในคะนึง
๐ ต้นสนทอดกิ่งด้อม..........ดูไพร ดังพี่ด้อมดูใคร..................ก่อนกี้ ละม่อมพักตร์นวลใย...........ยามสบ โฉมย่อมคอยสั่งชี้..............ช่วงใช้อาวรณ์
๐ รำลึกกายอุ่นอ้อน............แอบองค์ พี่เนอ กอดกระชับ, จำนง..............นิ่มเนื้อ ลมอุ่นผ่าวผ่านลง..............โลมรูป จนอุ่นนั้นหนุนเอื้อ..............โอบเนื้อคลายหนาว
๐ แสงดวงวันเคลื่อนคล้อย...คลุมพนา ลมโบกใบไม้พา.................แผ่ป้อง นึกรูปกับอกอา-.................วรณ์พี่ แลแม่ รูปย่อมรู้ตื่นต้อง.................อกรู้ตื่นตาม
....สรรเพชญภูวนารถแกล้ว..การยุทธ ยิ่งแฮ ตามต่อยไพรีพัง.................พ่ายล้าน จยรจอมครุทธผลาญ..........แผลงเดช สยงสรเทือนพ้ยงค้าน..........ค่นเมรุ....
๐ อาวรณ์มาวูบเร้า.............รุมทรวง ท่ามกรุ่นคันธาดวง.............ดอกไม้ เทียบหอมนิ่มเนื้อหวง.........หาสวาดิ เอื้อมเด็ดดอกมาลย์ไล้........กลีบนั้นแทนนาง
๐ รวยรวยรสมาศไม้...........มาลา ฟุ้งกลิ่นลมพัดพา..............ผ่านรู้ นึกปรางสบด้วยนา-...........สิกนิ่ง นั้นเนอ กลิ่นย่อมคอยกล่อมชู้.........อยู่เชื้อเชิญประชัน
๐ ซ่อนชู้ซ่อนกลิ่นนั้น..........นามใคร ไม้เอย ฤๅซ่อนสิ้น-เยื่อใย..............ราคชู้ รัดพันรอบอกใคร...............ครวญคร่ำ ตระหนกอกรับรู้.................ซ่อนเร้นได้หรือ
....อยู่ไทธิเบศรเจ้า............จอมปราณ พราวพฤๅบพลคชเสน.........เกลื่อนแกล้ว ครั้นพระผ่าผลาญพล..........ยวนย่อย ไปแฮ ทันที่น้ำลิบแล้ว.................เลิศไชย....
....จึ่งชักช้างม้าค่อย...........ลีลา ยังนครไคลคืน..................เทศไท้ พยงบานทพาธิก...............ทรงเดช ที่คนเคารพไข้..................ข่าวขยรร....
๐ จำปีควรเด็ดก้าน.............เชยชม นึก-เสียบแซมเส้นผม.........ผูกห้อย เกศเส้นกับรื่นฉม...............เคล้าอยู่ รอ-เนตรเจ้าเหลือบชะม้อย...เลศละห้อยคอยหอม
๐ มะลิลาหอมอบโอ้...........เอมใจ เรียงระเบียบมาลัย.............จับร้อย- เป็นพวงต่างสายใย............โยงยึด ใจพี่ มาห่างมาลย์ช่อช้อย..........จักเชื้อใครชม
๐ โนรีโนริศร้อง.................ร่ำเสียง ชวนสุโนกพร้องเพียง.........หยอกเย้า ขาบขนต่างสไบเคียง..........คู่บ่า เจ้าฤๅ งามว่างามแต่เจ้า...............ขจ่างซึ้ง-รูป, เสียง
๐ สายัณห์อาทิตย์ด้อม........อัสดง แว่วชะนีเสียงหลง..............กู่ก้อง กังวานท่ามป่าดง...............ดิบเถื่อน กลว่าเสียงร่ำร้อง...............แว่วคล้ายเจ้าครวญ
๐ ราตรีตีทุ่มฆ้อง...............ขานเขิน ใจนา เมื่อสบเนตรเมียงเมิน.........แม่ชะม้าย ท่วงทีเช่นเทียบเชิญ..........ชวนรับ เลศนา รับเลศ-พารูปผ้าย..............ผ่านรู้อภิรมย์
๐ หวั่นหวั่นในอกคล้อย.......ลำเค็ญ เกลือกว่ารสรมย์เพ็ญ..........แม่รู้ มิอาจอดใจเป็น.................ปมเหตุ เรียมสุดย้อนคืนกู้...............ผ่อนแก้ปรารถนา
๐ ทุกข์นี้ใช่อาจห้าม...........หักหาย สุดคร่ำครวญรำบาย............บอกรู้ จักรุมอยู่ตราบสาย-............บ่ายค่ำ เกรงลอบเล่นเชิงชู้.............เช่นรู้จากเรียม
๐ นับยามนับคาบร้าง..........แรมสมร ด้วยกิจ, จึ่งจำจร...............จากห้อง เพียงเพื่อจักไปรอน............ราญชีพ ยวนแฮ พรากอนุชนวลน้อง.............แต่ละห้อยคอยหวน
๐ สองกรรอนยุทธสิ้น.........สุดณรงค์ เหลือแต่ศึกรบอนงค์...........แน่งน้อย ดาบโล่ห์จำปลดปลง..........จนปราศ สิ้นนา แผงอก, สองแขนร้อย.........รัดเนื้อนวลถนอม
๐ นุชเอยแต่พี่พร้อง............พร่ำถึง หมายว่าหุบเหวบึง.............บ่อกว้าง ฤๅอาจรับคำนึง.................ได้หมด ตราบทั่วแหล่งน้ำ-ร้าง.........อาจรู้รับคะนึง
....ยังพระนคเรศเรื้อง..........อโยทธยา อรอาศนไอสวรรยเป็น.........ปิ่นเกล้า จำนิรจำนยรมา..................จอมราช คิดใคร่เสวยศุขเท้า............เทศเหนือ....
๐ สบหน้าสบนิ่มเนื้อ...........นวลทรง โผยแผ่วสัมผัสบง-............กชช้อย นาภีผ่องบรรจง.................จบจูบ แว่วกระซิกระส่ำสร้อย.........สุดรู้ขัดขืน
๐ จบเนื้อจู่นิ่มเนื้อ..............นวลพรรณ วิชชุบนห่มสวรรค์..............วาบเรื้อง ทึกทึกสะท้อนขวัญ............ฝ่าสวาดิ เพื่อจะพลอยปลงเปลื้อง......รุ่มร้อนผ่อนแรง
๐ ลมบนตระหลบห้อม........หนหาว เมื่อพิรุณหยาดพราว...........ฉ่ำพื้น ร้างไร้หมู่เดือนดาว.............ดารดาษ ท่ามแผ่วเสียงออดอื้น.........อ่อนเจ้ารัญจวน
๐ พิมพ์ดวงเจ้าอ่อนด้อย......เดียงสา ตื่น-รับรู้รมยา....................ยั่วเย้า ดื่มด่ำดำฤษณา.................น้อมสู่ อบร่ำรสรุมเร้า...................รัดร้อยอารมณ์
๐ แล้วเล่าลมผ่าวร้อน.........แผ่วโรย เมื่อหยาดน้ำฟ้าโปรย..........ปริ่มพื้น แล้วเล่าแว่วเสียงโหย..........หื่นหอบ ก่อนหยาดเกสรรื้น.............ร่วงฟ้ารวมฝัน
๐ สารสยามภาคยพร้อง.......รำพัน นี้ฤๅ คือคู่มาลาสวรรค์................ช่อช้อย เบญญาพิศาลบรร-.............โลมโลก คือคู่ไหมแส้งร้อย...............รจน์ซึ้งตรึงสมร
จากคุณ |
:
สดายุ...
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ต.ค. 52 07:08:59
|
|
|
|
 |