 |
ในวันที่ควายยังถูกจูง
|
|
หลังการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านจบลง จ้อย หนุ่มผู้ที่มีการศึกษาสูงสุดในหมู่บ้านได้รับการเลือกตั้ง โดยการสนับสนุนและมีฐานเสียงที่ดี จากลุงจวนอดีตผู้ใหญ่บ้านผู้ที่เสียตำแหน่งไปเมื่อสมัยที่แล้ว ผู้เป็นพ่อของจ้อยเอง วันนี้ลุงจวนกลับมาพร้อมกับตัวแทนที่ภาคภูมิใจที่สุดในครอบครัว และสามารถดึงอาชีพหลักของครอบครัวกลับมาได้
บ้านจ้อยมีอาชีพเสริมที่ไม่เคยจะได้เห็นเงินเลย นั่นคือการเลี้ยงควาย บ้านจ้อยเลี้ยงควายไว้เกือบห้าสิบตัว เป็นฝูงใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน พ่อของจ้อยไม่เคยขายควายเลยแม้แต่ตัวเดียว และจ้อยเองก็เดินเลี้ยงควายมาตั้งแต่เล็ก โดยมีลุงเทพเป็นลูกจ้างของพ่อ คุมฝูงควายออกไปเลี้ยงทุกวัน เมื่อครั้งจ้อยเป็นเด็ก ก็พาเพื่อนตามฝูงควายไป ช่วยต้อน ช่วยไล่ ไปริมหนองอีโดน ติดเชิงเขา ด้วยเหตุเพราะเป็นควายฝูงใหญ่ ทำให้ไม่สามารถพาควายเล็มหญ้าบริเวณหมู่บ้านได้ ฝูงควายต้องถูกต้อนไปริมหนองอีโดนทุกวัน บริเวณนั้นมีทุ่งกว้าง สามารถเลี้ยงควายได้ตลอดปี
ลุงเทพแกเป็นคนที่คลุกคลีอยู่กับควายมาทั้งชีวิต ก่อนเข้านอนแกต้องมานั่งก่อกองไฟ แล้วสุมด้วยหญ้าแห้งชื้น ให้เกิดควันไล่ยุง ไล่เหลือบ ไม่ให้กวนฝูงควาย และบางเวลาแกก็พูดคุยกับเหล่าควายในฝูงได้ระยะเวลาหลายนาที ควายในฝูงจะมีตัวเด่นๆมีชื่อเรียกขานไม่กี่ตัว ด้วยเพราะเป็นควายฝูงใหญ่ หนึ่งในนั้นคือ ไอ้เผือก ควายหนุ่มสีเผือกแปลกตา เป็นที่มาของชื่อเรียก ตั้งแต่ลุงเทพเข้ามาเลี้ยงควายฝูงนี้ แกก็สนใจควายตัวนี้มาก อยู่ด้วยกันไม่ห่าง ไปไหนมาไหน ลุงเทพก็จะจูงควายเผือกตัวนี้ไปด้วย แกบอกกับจ้อยว่า ควายตัวนี้สามารถที่จะเป็นจ่าฝูงได้ จ้อยเอง ด้วยเห็นฝูงควายนี้มานาน หลังจากที่จ่าฝูงตัวเดิมแก่เฒ่าและตายไปนั้น จ้อยก็ไม่เห็นจะมีควายตัวไหน ขึ้นมาเดินนำหน้าฝูง ไปหากินที่หนองอีโดนอีกเลย จนกระทั่ง ลุงเทพมาเป็นลูกจ้างของพ่อ เรื่องจ่าฝูงก็ผุดขึ้นมาในฝูงควายอีกครั้ง ตอนแรกที่ลุงเทพมาใหม่ๆ จ้อยต้องช่วยไล่ ช่วยต้อน ไปจนถึงหนองอีโดน พาเหนื่อยหอบ ด้วยกันทั้งคู่ ผ่านไปได้ประมาณหนึ่งเดือน ลุงเทพแกก็มาบอกว่าไม่ต้องไปช่วยต้อนแล้ว แกบอกว่า ไอ้เผือก เป็นจ่าฝูงได้แล้ว จ้อยได้ยินดังนั้นก็ไม่ช่วยต้อนฝูงควายไปหนองอีโดนอีก และภาพที่สังเกตได้คือ ลุงเทพจะจูง ไอ้เผือก นำหน้าฝูงควายนี้ไป ควายในฝูงทุกตัวก็เดินตาม ไม่แวะออกนอกลู่นอกทาง อาจมีบ้างบางตัว แต่พอลุงเทพแกหันมาเห็น ก็ส่งเสียงตะโกน ตะหวาดเสียงดัง คำที่แกตะโกน มันก็ภาษาคนธรรมดานะ แต่ทำไมควายฟังแกรู้เรื่อง เรื่องนี้จ้อยยังเก็บมาคิดทุกวันนี้
หลังจากได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้นำหมู่บ้าน หน้าที่สำคัญที่สุดคือการเสนอชื่อผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สองคน เรื่องไม่น่าเชื่อว่าจะเกิด ก็เกิดขึ้น มีการทุ่มเถียงกันระหว่างสองพ่อลูก เสียงดังจนบ้านใกล้เรือนเคียงได้ฟัง ได้รับรู้ และ เล่าลือกันหนาหู เรื่องผู้ใหญ่ใหม่ กับพ่อ ขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
คนแรก ที่สองพ่อลูกจะเสนอชื่อเป็นผู้ช่วยก็ไม่ใช่ใครห่าง คือน้องชายแท้ๆ ของพ่อนั่นเอง ซึ่งทั้งคู่ก็เห็นดีเห็นงามตรงกัน แต่อีกหนึ่งคน จ้อย ต้องการเสนอให้ น้อย เพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถม เป็นผู้ช่วย แต่พ่อเอง ก็อยากให้เสนอชื่อ ผู้ช่วยคนเดิม เพื่อนรุ่นน้องของพ่อเช่นกัน จ้อยคิดไม่ตกกับเรื่องนี้ เพราะว่าจ้อยกลัวทำงานร่วมกับเพื่อนของพ่อไม่ได้ ด้วยความกังวลใจจึงเดินหนีพ่อ ลงจากบ้านไปที่คอกควาย เมื่อเดินไปถึงก็ได้ยินเสียง ลุงเทพนั่งคุยกับควายเผือกอยู่
ไอ้เผือก เอ็งเป็นไงบ้างเมื่อได้เป็นจ่าฝูง
ไอ้เผือกไม่ได้ตอบ
เอ็งไม่ต้องมาทำเฉย ข้ารู้ว่าเอ็งก็แอบภูมิใจ เอ็งรู้หรือเปล่าว่าทำไมข้า เลือกเอ็งมาฝึกเป็นจ่าฝูง
ไอ้เผือกเงียบ
ก็แค่เอ็งเป็นควายที่ไม่เหมือนตัวอื่น ยังเป็นควายหนุ่ม ฝึกเอ็งไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าเอ็งเป็นได้ เอ็งก็เป็นได้หลายปี ไม่ต้องหาจ่าฝูงตัวใหม่บ่อยๆ ที่สำคัญนะสีเอ็งไม่เหมือนตัวอื่น ข้าจะได้จดจำง่ายๆ
ไอ้เผือกหันหน้าหนี
ลุงเทพ คุยกับมันรู้เรื่องด้วยหรือ อ้าว ไอ้นี่ถามแปลก ถ้ามันพูด มันฟัง ภาษาคนรู้เรื่องนะ มันคงลงสมัครเลือกตั้ง แข่งกับเอ็งแล้ว จ้อย เอ๊ย แล้วมันจะหาเสียง สู้ผมได้รึลุง จ้อยพูดพลางยิ้ม ควาย มันไม่ได้โง่อย่างที่เอ็งคิดนะ มันจะไปหาทำไมเสียงน่ะ มันเสียเวลา มันรู้ ถ้ามันแข่งกับเอ็งนะ ยังไงชาวบ้านก็เลือกมัน ทำไมล่ะลุง ?!? ก็ชาวบ้านที่นี่ เขาเลือกควายมาเป็นผู้ใหญ่ไง เอ็งไม่รู้เรื่องเลยหรอ
พูดจบลุงเทพก็ลุกเดินหนี ปล่อยจ้อยนั่ง งง ครู่หนึ่งจึงลุกขึ้นเดินตามลุงเทพเข้าไปในห้อง ข้างคอกควาย พลางสงสัยว่าทำไมลุงเทพ มากล่าวหาว่า เป็นควาย ขณะที่เดินเข้าไปในห้องก็เห็นลุงเทพกำลังจะเข้ามุ้ง ลุงๆ เดี๋ยวก่อน มาคุยกันให้รู้เรื่อง เมื่อกี๊ลุงหมายความว่าไง ผมไม่เข้าใจ ไอ้นี่ ก็เอ็งเป็นควาย จะเข้าใจได้ไงวะ ไหนลุงบอก ควายไม่โง่ไง เออ ลุงผิดเอง ควายมันก็เหมือนคน มีรู้มาก มีรู้น้อย หรือบางเรื่องก็ไม่รู้ ลุงบอกมาตรงๆ ผมอยากรู้ ถ้าอยากรู้ เอ็งไปนอน แล้วพรุ่งนี้ไปเลี้ยงควายกับลุง ลุงผมเป็นผู้ใหญ่บ้านแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ จะให้ไปเลี้ยงควายได้ไง ผมต้องดูแลลูกบ้าน ถ้างั้นก็เรื่องของเอ็ง เรื่องในบ้านตัวเองยังจัดการไม่ได้ แล้วจะไปดูแลลูกบ้าน ไอ้เผือกน้อย เอ๊ย พูดจบลุงเทพก็มุดเข้ามุ้งไป ส่วนจ้อยก็หันหลังเดินออกจากห้อง เดินท่อง ไอ้เผือกน้อย , ไอ้เผือกน้อย ไปจนถึงบ้าน คืนนั้นจ้อยนอนหลับทั้งที่ยังนอนก่ายหน้าผาก และยังนอนคิดนอนสงสัยว่า ไอ้เผือกน้อย ลุงเทพแกหมายถึงอะไร
รุ่งเช้า กาเหว่า เจ้าส่งเสียงบอกเวลาทุกวันเป็นกิจวัตรอยู่ที่ยอดไผ่ นั่นก็กะรอกวิ่งไต่ตามกิ่งไม้ ที่โคนต้นมะพร้าวก็แลเห็นกิ้งก่า หัวมันเหมือนถูกทาด้วยสีฟ้า มันผงกหัวอยู่เหมือนท้าทายจ้อยที่นั่งอยู่หน้าบ้าน แต่สิ่งที่หายไปคือ ภาพฝูงควายที่เดินผ่านหน้าบ้าน ทำให้จ้อยต้องออกมายืนชะเง้อดู ไม่มีวี่แวว ได้ยินแต่เสียงควายเริ่มส่งเสียงร้องดังลั่นคอก เวลานั้นพ่อของจ้อยกลับมาจากตลาดพอดี
จ้อย วันนี้เอาควายไปกินหญ้าด้วย ลุงเทพแกไปธุระที่ไหนก็ไม่รู้ แกแวะมาบอกตั้งแต่เช้ามืด ครับ หลังจากรับปากแล้วจึงเดินตรงไปที่คอกควาย แล้วเปิดคอกออก ควายต่างก็เร่งรี่ ดันกันออกมาจากคอก เพราะตอนนี้มันเลยเวลามากแล้ว ส่วน ไอ้เผือก อยู่ในสุด มันเดินออกจากคอกเป็นตัวสุดท้าย จ่าฝูง หึ หึ จ้อยส่ายหัว
จ้อยจูง ไอ้เผือก เดินเบียดฝูงควายออกไป เขาดึงจนรั้งจมูกไอ้เผือก รีบดึง รีบจูงจนในที่สุด เขาก็พาไอ้เผือกไปอยู่หน้าสุดของฝูง และเขาก็ผ่อนคลายลง ระหว่างทางที่เดินไป ลูกบ้านก็ตะโกนทักทายยามเช้า ผู้ใหญ่ไปเลี้ยงควายเองเลยนะวันนี้ , อ้าว ลุงเทพไปไหน ทำไมถึงมาเลี้ยงเอง , ผู้ใหญ่ ไปหนองอีโดน ถูกหรือเปล่า ชาวบ้านบางคนไม่เคยเห็นจ้อยไปเลี้ยงควายเลยตั้งแต่เรียนปริญญาก็ทักทายกันไปตามประสา และก็มีบ้าง คนเฒ่า คนเก่า คนแก่ ประจำหมู่บ้านก็ยังอดเรียกติดปากว่า ไอ้จ้อย แทนที่จะเรียกว่า ผู้ใหญ่ เดินไปไม่สักพักก็ผ่านคลองประปาที่ทอดยาวเข้ามาในหมู่บ้าน ควายช่วงกลางฝูงก็เริ่มเลี้ยว ลงไปริมคลอง เริ่มแวะเล็มหญ้าตามข้างทาง จ้อยจึงต้องละจากไอ้เผือกมา ต้อนควายทางด้านหลังของฝูง แต่หันกลับไปอีกที ไอ้เผือกก็เดินลับหายไปที่ข้างทางเหมือนกัน หลายตัวก็เดินตามไอ้เผือกไป อีกหลายตัวก็เล็มหญ้าโดยไม่สนใจไอ้เผือก แม้แต่น้อย ที่สำคัญทุกตัวแทบไม่สนใจเสียงตะโกนก้อง ตะหวาดลั่น ของจ้อยเลยแม้แต่นิด จ้อยพยายามวิ่งไล่ วิ่งต้อน วิ่งซ้าย วิ่งขวา ก็ไม่เป็นผล จนแลไปเห็น เด็กสี่ห้าคนบนยอดหว้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก จ้อยจึงรีบวิ่งไปเรียก และรับปากว่าจะให้เงินไปกินขนม หากมาช่วยต้อนควายไปส่งที่หนองอีโดน จ้อยและเด็กๆก็พากันต้อนควายไปที่หนองอีโดนอย่างทุลักทุเล กว่าจะไปถึง พาเอาชาวบ้านบ่นกันระงม ว่าผู้ใหญ่จ้อย พาเด็กๆมาเล่นอะไรเสียงดังแต่เช้า
จากคุณ |
:
ศิลป์ใจ
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ต.ค. 52 14:36:41
|
|
|
|  |