เรื่องสั้นของคนเหงา
|
|
เรื่องสั้นของคนเหงา
Chapter 1
สิ่งที่ทรมานที่สุดของการแยกทางของคนสองคน ไม่ได้อยู่ที่การจากไปของอีกฝ่าย แต่เป็นเพราะเค้าคนนั้นไม่เคยจากไปไหนเลยต่างหาก
วูบลมเล็กๆพัดผ่านหน้าผมไปเอื่อยเฉื่อย บางเบา ไร้ความหมาย หากแต่ทำให้ผมสะท้านขึ้นมาจับใจ คำถามแล้วคำถามเล่าดังก้องอยู่ในหัว แต่ไม่เคยมีคำเฉลยใดๆหลุดออกมาจากสิ่งที่เรียกว่าสมองของผมเลยสักครั้ง เกือบสองชั่วโมงแล้วที่ผมยืนค้ำขอบระเบียงห้องบนอพาร์ทเมนท์ชั้นสาม อากาศยามเย็นของหน้าหนาวช่างเหมือนฆาตกรเสียเหลือเกินสำหรับผมในเวลานี้
หันกลับไปดูนาฬิกาบนโต๊ะทำงาน บอกเวลาหกโมงยี่สิบนาที ต่างจากนาฬิกาบนข้อมือขวาของผม ที่หยุดการเดินทางของมันไว้แค่บ่ายสามโมงสี่สิบนาทีของหกอาทิตย์ก่อน เป็นผมเองที่ดึงหมุดนาฬิกาให้มันหยุดเดิน หลังจากที่เธอออกจากห้องนี้ไป ซึ่งหมายถึงการเดินทางของเราทั้งคู่ ที่หยุดไว้เพียงแค่นั้น
ใกล้ค่ำอีกแล้ว ลมเย็นรอบตัวเริ่มเปลี่ยนเป็นลมหนาว ช่วงเวลาที่แสนทรมานเริ่มคืบคลานใกล้เข้ามาทุกที คืนแล้วคืนเล่าที่ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วพบแค่ตัวเองที่อยู่เพียงลำพัง ไม่มีใครคนนั้นเหมือนเคยอีกแล้ว ไม่มี ... ทุกๆวันผมยังกลับมาที่ห้องเวลาเดิม ซื้อกับข้าวร้านเดิม เช่าหนังที่เค้าชอบดู เปิดเพลงที่เค้าชอบฟัง เผื่อว่าเค้าจะกลับมา บางทีผมก็ค้นดูของในห้อง ว่ามีอะไรที่เค้าอาจจะลืมแล้วกลับมาเอาบ้างไหม สร้อยข้อมือ นาฬิกา เสื้อยืด รองเท้า และอีกหลายอย่างที่ผมเคยซื้อให้ แต่เธอกลับไม่เอาอะไรไปเลยสักอย่าง หลายครั้งที่ผมนึกโมโหเมื่อคิดถึงเรื่องเก่าๆ แล้วหยิบของทุกชิ้นที่เป็นเธอยัดรวมใส่ถุงดำ แต่ก็เพียงแค่นั้น ผมไม่เคยเอาไปทิ้งได้เลยสักครั้ง เพราะยังมีความหวังลึกๆ ว่าเธออาจจะกลับมาหาผมสักวัน
ผมเคยอ่านเจอวลีเด็ดๆหรือข้อความที่เตือนสติเจ๋งๆในหนังสือหลายเล่ม มันไม่ยากแก่การเข้าใจเลย แต่มันช่างตรงข้ามกับกับความเป็นจริงในตอนนี้ ผมคิดว่าบางครั้ง การที่เราจะพูดหรือทำอะไรได้แบบนั้น มันอาจจะต้องเดินผ่านความเจ็บปวดนั้นไปให้พ้นระยะหนึ่งก่อน ซึ่งตัวผมเองยังไม่ได้แม้แต่จะก้าวขาออกไปจากความเจ็บปวดนี้เลยแม้เพียงก้าวเดียว เวลาทุกวินาทีมันช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าและเนิ่นนาน ทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างดูจะไม่ใส่ใจหรือแยแสอะไรกับตัวผมมากนัก จนบางครั้งพาลให้คิดอุปทานไปเองว่าเรายังมีตัวตนอยู่จริงหรือเปล่า
อีกสิบห้านาทีห้าทุ่ม ผมไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด ทั้งๆที่ข้าวเม็ดสุดท้ายตกถึงท้องตอนบ่ายโมง ผมมองลงไปลานจอดรถข้างล่าง หญิงสาวคนหนึ่งถือของขวัญชิ้นโตวิ่งตามผู้ชายตัวสูงอีกคน ผมจำเค้าได้ ผู้ชายคนนี้พักอยู่ชั้นเดียวกับผม หญิงสาวยิ้มกว้าง หัวเราะร่วน ท่าทางเป็นคนใจดี แม้ยืนอยู่ตรงนี้ผมก็รับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่เธอมีให้กับชายคนนั้น
ผู้ชายตัวสูงแตะมือลงบนไหล่เธอเบาๆ ใบหน้าของหญิงสาวนิ่งไปราวกับรูปปั้นแต่ยังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ชายคนเดิมพูดอะไรสองสามประโยค พร้อมกับหันขึ้นมามองที่ผมแล้วยิ้มให้ ผมตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มตอบ ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นรถแล้วขับออกไป หญิงสาวโบกมือให้ชายคนนั้นพร้อมๆกับพึมพำอะไรอยู่คนเดียว ท่าทางเธอผ่อนคลาย แล้วขับรถกลับไปอีกทาง เหตุการณ์เมื่อครู่ดึงเวลาจากผมไปได้เกือบสิบนาที ซี่งเป็นสิบนาทีที่ผมรู้สึกดีที่สุดในรอบหลายวัน แม้ไม่เคยรู้จักพูดคุยกับคนทั้งสอง แต่อย่างน้อย ละครฉากนี้ในชีวิตจริงของคนทั้งคู่ ก็ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างประหลาด ผมไม่เข้าใจรอยยิ้มของชายคนนั้น ผมไม่เข้าใจเรื่องราวของคนทั้งสอง แต่อย่างน้อย ผมก็ไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกเหงาๆใบนี้
ห้าทุ่มเศษ ลมหนาวเริ่มพัดกระพือแรงขึ้นเป็นระยะๆ ผมเดินเข้าไปในห้อง กดน้ำอุ่นใส่แก้ว หย่อนตัวลงบนเก้าอี้แบบเซื่องๆ หยิบหนังสือเพลงที่วางกองอยู่บนโต๊ะขึ้นมาพลิกไปพลิกมาอย่างไร้ความหมาย พลันแผ่นกระดาษแผ่นเล็กๆใบหนึ่งร่วงลงมาวางตัวอยู่บนพื้น ผมหยิบแผ่นกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน ขอเพลง เหงาๆ เศร้าๆค่ะ เพลงอะไรก็ได้...ขอบคุณนะคะ... ผมยังจำวันนั้นได้ดี เธอมาฉลองวันเกิดที่ร้านที่ผมเล่นดนตรีอยู่ ผมมารู้ว่าเป็นเธอที่เขียนขึ้นมาขอเพลงก็ตอนที่ผมเล่นเพลงจบ แล้วได้เค้กชิ้นโตแทนคำขอบคุณ เรานั่งคุยกันถึงเช้าที่หน้าร้านนั้น และทุกคืนวันอังคารเธอจะมานั่งฟังผมเล่นดนตรี เธอจะมากับเพื่อนๆ4-5คน แต่ทุกครั้งก็จะเป็นเธอที่กลับคนสุดท้าย หลังจากปิดร้าน ผมกับเธอจะนั่งอยู่ที่ร้านจนดึกดื่น บางครั้งเราก็นั่งเงียบกันทั้งคู่ ไม่มีใครพูดอะไร ผมมักจะหยิบกีตาร์ออกมาเกาเพลงเหงาๆคลอไปเรื่อยเปื่อย เป็นอย่างนี้อยู่นานหลายเดือน
ไม้คะ...เคยเหงาจนรู้สึกว่าอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้มั้ย เธอพูดออกมาแทบจะเป็นเสียงกระซิบ ..... ผมไม่ตอบ แต่ส่งยิ้มให้พร้อมกับเกากีตาร์คลอไปอย่างเดิม คบกับพลอยมั้ย ผมนิ่งเงียบ ไม่กล้าแม้จะหันไปมองตาเจ้าของประโยค (จบ chapter1 ) ................................................................................
ขอขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านครับ แล้วจะรีบส่งบทต่อๆไปมาอีกนะครับ...
จากคุณ |
:
pldf
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ต.ค. 52 01:09:47
|
|
|
|