 |
๐ ดาวช่วง..ที่สรวงบน........๐
|
|
-1- ๐ ทั้งหลับคล้ายกลับตื่น พร้อมโอดอื้นในอกราวผกเผย ลมลูบไม้ดาวดวง..นั้นล่วงเลย ด้วยเมฆเกยกอดฟ้า..คลุมราตรี ๐ ฝันล่องลอยย้อนสู่- สิ่งรับรู้บรรดา, ใบหน้าที่- รอชื่นชม..หวั่นไหวอยู่ในที กับไมตรีรับมอบคืนตอบมา ๐ เงียบงัน...ในค่ำดึก กลับอึกทึกเหมือน..ไม่เลือน-พร่า และเหมือนร่วมสืบสั่งทุกครั้งครา- ทั้งหลับตา..ด้วยยิ้มอันพิมพ์ใจ- ๐ ของแก้มอิ่มใสแห่งวัยเยาว์ ที่รุมเร้าอารมณ์เกินข่มไหว ฟองคลื่น แดดระยิบเห็นลิบไกล แทรกผ่านใฝ่ฝันห่ม..สายลมพรู ๐ เงียบงาม..ครั้งยามเห็น นั่น-คลื่นล้อลมเล่นฟองเต้นอยู่ และเช่นรูปพักตร์เรียว..เมื่อเหลียวดู ฟองคลื่น-ตา..เต้นอยู่..ฤๅรู้เลือน
-2- ๐ ดาวดับดวงในห้วงฝัน- เหลืองจวงจันทร์ กลางฟ้าก็ล้าเลื่อน ทางเที่ยวมุ่งสู่ปลายที่หมายเยือน ช่างไม่เหมือนรูปเงา...ครั้งเยาว์วัย ๐ ทอนเถิดความใฝ่ฝัน- ด้วยว่ามัน-ยากเย็นจะเป็นได้ เมื่อเหตุเพิกพังพ่ายจากภายใน นั่น-ด้วยใจซาบซับ..ลำดับรู้ ๐ ในฝันรวนเร - ลมทะเลเห่คลื่น..ครั่นครื้นอยู่ เรียวยอดต้นมะพร้าว...ทอดยาว...ดู- ตามล้อลมไหววู่..ใบลู่เรียง ๐ เรียวใบระริกรับ กลางนิ่งนึกย้อนกลับ..ราวสรรพเสียง- ผ่านห้วงยามวัยเยาว์ ตัวเราเพียง- คอยเคลื่อนเดียงสาตนอยู่บนวัน ๐ เมื่อโลกหมุน ใจคนวุ่นวายคว้างตามทางฝัน พบ, คบหา, จำพรากไปจากกัน เขา, เธอ, ฉันสิ้นศัพท์ให้รับรู้ ๐ ฟองคลื่นที่ท้ายเรือ ล้อแดดเรื่อระยับตาเพื่อพาสู่- จุดมุ่งหมายปลายทาง..ทอดวาง..ปู ให้รับรู้..ก้าวล่วงด้วยดวงใจ ๐ ลาแล้ว- แดดวับแวว..ทรายขาว..เนตรวาวใส กาลจะพาเลยลับ..หรือกลับไป ก็แต่ใจไขว่คว้าเบื้องหน้าโน้น
-3- ๐ วัยเยาว์..ที่เยาว์นัก เรียนรู้..ถึงความรักเมื่อหักโค่น จิตวิญญาณทุกดวงเคยช่วงโชน- ก็ห้อยโหนทุกข์โศกให้โบกเย้ย ๐ ไหนเล่าเด็กชายคนก่อน เดินเล่นนอนปากคำเฝ้าพร่ำเอ่ย ฤๅหายกับฟ้าคราม..ลมรำเพย เหลือชายผู้เหยียดเย้ยโชคชะตา ๐ คืนแรมมืดหม่น- ยังวกวนหลงทาง..อยู่ข้างหน้า ตามเอื้อมเด็ดดาวดวงที่ลวงตา ในฝันพร่ารางเลือนอันเลื่อนลอย ๐ คลื่นทะเลแห่งวัยเยาว์ ฟองยังคงเต้นเร่า..อย่างเศร้าสร้อย แผ่นน้ำพลิกผิวรับ..แสงวับ..พลอย- ยอแสงพร้อยพร่างแพร้วสู่แววตา ๐ พันแสงที่บนสรวง ราศีดวงแรกแย้มเมื่อแจ่มจ้า ย่อมแต่งแต้มอาลัยลงนัยน์ตา เพียงเพื่อว่าสมสร้างบนทางจร ๐ กรุงเทพเมืองฟ้า ตื่นรับกับนัยน์ตา...เกินกว่าซ่อน ภาพฝันอันแทรกซุกไปทุกตอน ค่อยสุมซ้อนทอทาบด้วยภาพจริง ๐ จึงดอกไม้ที่ในฝัน ก็ฉับพลันเบ่งบานบนก้าน..กิ่ง ต้องแดดร้อนลมโอบ..ค่อยซบอิง ลงผ่อนพิงตัวตนอยู่บนวัน ๐ ดาวรุ่งยังรุ่งเรื้อง จันทร์ยังเปลื้องแสงทาบทอภาพฝัน ด้วยใจที่ทราบรู้..ย่อมรู้ทัน เธอและฉันเปลี่ยนแล้ว........ที่แววตา ๐ วัยเยาว์ที่เยาว์นัก ค่อยโค่นหัก..พังลงที่ตรงหน้า รูปฝันที่บิดเบือนค่อยเลือน..ลา พร้อมคุณค่าล้าเลื่อนไม่เหมือนเดิม
-4- ๐ นั้นคือเธอ ------------- ราว..พบเจอจากบุญช่วยหนุนเสริม เปลื้องความหมายแอบแฝงเข้าแต่งเติม ให้เคลิบเคลิ้มภาพฝันแห่งวันนี้ ๐ ไขว่คว้าดาวดวง..กลางสรวงโน่น อันวามแสงช่วงโชน..อยู่โพ้นที่ เพียงภาพฝันสมสั่งที่ยังมี- คอยช่วงชี้เร่งระรัวในหัวใจ ๐ ดอกไม้เบ่งบาน กลิ่นหอมล้วนหอมซ่านทุกผ่านใกล้ ตลอดสองข้างทางก้าวย่างไป ค่อยกร่อนสิ้นฝันใฝ่...แห่งวัยเยาว์ ๐ คือ.....ดาวที่ลอยดวง ยังโชนช่วงแสงให้...คอยใฝ่เฝ้า เพื่อเสพซับโลมลูบด้วยรูปเงา แล้วแนบเนาแทนฝัน..ที่อันตรธาน ๐ บางครั้งที่วับวาวแห่งดาวฟ้า ตอบแววตา--ใจหนึ่ง..จนซึ้งซ่าน กระพริบแสงส่ง..รับ..อยู่นับนาน หยาดหอมหวานทุกหยดเป็นหยดเดียว ๐ บ่อยครั้งที่วับวาวแห่งดาวฟ้า เปลื้องแสงอวดแจ่มจ้าให้ตาเหลียว ขณะเบื้องรอบกาย...ความดายเดียว ก็หน่วงเหนี่ยวคลุมครองทุกห้องใจ ๐ เพียงฝันพร่างพร้อยที่ลอย..ล่อ ให้แอบออ...จำนง..เฝ้าหลงใหล ดาวอันช่วงแสงกระพริบอยู่ลิบไกล เพียงภาพให้เบิกบาน..พอผ่านวัน
-5- ๐ จิตวิญญาณอันหวานหอม ก็รายล้อมเสพทราบ..ด้วยภาพฝัน ปีกผีเสื้อหลากสี...มาลีพรรณ- ก็ฉับพลันขับขจ่างขึ้นกลางใจ ๐ ค่อยค่อยไหวระริก ธารน้ำพลิกพลิ้วผืนเป็นคลื่นไหล ม่านหมอกเช้าหม่นมัวอยู่ทั่วไป เมื่อแรงไหวหวั่นระรัว..มีทั่วตน ๐ หอมโกสุมภุมรินนั้นบินว่อน ตฤปเกสรหวานชุ่มทุกขุมขน สาปหมอกหม่นสีมาลย์โรยผ่านปน พารื่นล้นแห่งเช้าแนบเนาทรวง ๐ ในความรื่นรมย์..แห่งลมเช้า หมอกบางเบาคลุมครอง..ใจล่องล่วง- สู่ภาพซึ้งงดงามกว่างามปวง ท่ามดอกดวงน้ำฟ้า..สุมาลี ๐ ล่องลอยรมย์ร่ำหยาดน้ำทิพย์ หยดปร่าปริบปริบผ่านกลีบมาลย์สี เย้าไอหมอกเผาะร่วง..ทุกช่วง...มี- พื้นธาตรีรับรื่นจากผืนฟ้า ๐ แทนหมายจากสรวงที่ร่วงหล่น เข้าแทรกปรนเปรอขวัญ..จูงฝัน..ฝ่า- สู่ทิพรูป-เสพรู้...ค้ำอยู่คา- ชี้บัญชาเจตจินต์ให้ยินยอม ๐ เห็นเธอเคลื่อนร่าง..ริมทางฝัน รอกีดกั้นรสสุมาลย์อันหวานหอม เพียรสอดรูปพิมพ์แทรก..ความแปลกปลอม ที่รายล้อมตัวฉัน..ค่ำยันเช้า ๐ สอดรูปพร่างแพร้วที่แววตา เพื่อผลาญพร่าขับเคี่ยวความเปลี่ยวเปล่า แล้วที่สุดปลายทาง..เพียงร่างเงา- หนึ่งเดียวเท่านั้นที่..อยู่ที่นั้น ๐ หมอกหม่นคลุมถิ่นจนสิ้นสาง หยาดน้ำค้าง...รูปนัยน์คล้ายไหวสั่น แพรผืนพลอยลมลูบ...ไหววูบ..พลัน- รูปหนึ่งแนบตาฉัน...แต่นั้นมา
-6- ๐ รูปเอยรูปละออ..ไม่พอที่ เริ่มช่วงชี้ให้แต่คอยละห้อยหา เมื่อยอรูปแนบขวัญลงสัญญา ก็ราวว่าเกินการณ์จะต้านตน ๐ ทั้งหลับคล้ายกลับตื่น พร้อมแว่วเสียงครั่นครื้นแห่งคลื่นฝน ไร้ลมล่อง..ดาวดวง..ที่สรวงบน หาก-ใจคนดาวช่วง..ไม่ล่วงแล้ว
จากคุณ |
:
สดายุ...
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ต.ค. 52 06:34:57
|
|
|
|  |