Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพลิงริษยา--ตอนที่ 11  

บอกกล่าวเพื่อนๆ นักอ่านเอาไว้ก่อน ตั้งแต่ตอนที่ 15 เป็นต้นไป ลิซของโยกไปโพสต์ให้อ่านต่อในบล็อกแทนนะคะ
ขออภัยในความไม่สะดวกค่ะ

ตอนที่ 11...

หลังออกมาจากตึกเล็กแล้วพศวีร์ก็มานั่งรอการกลับมาของมาธวีที่ศาลาในสวน ดอกไม้นานาพันธุ์หลายหลากสีมิได้เยียวยาจิตใจเขาให้ดีขึ้น ในความคิดคำนึงของเขา เขายังเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยช้ำ รอยแดงนูนยาวที่ประกาศถึงความโหดร้ายที่คนบ้านนี้กระทำต่อข้าวขวัญยังคงติดตา หู...ยังแว่วเสียงดูถูกตนเองไปด้วยและยอมรับผิดไปด้วยของข้าวขวัญอย่างชัดเจน

ดังนั้นจึงช่วยไม่ได้เลยที่ชายหนุ่มจะเอาแต่เหม่อไปทางเรือนเล็ก และถอนหายใจออกมายาวๆ

น้ำสีแดงที่คนรับใช้นำมาเสิร์ฟหายเย็นไปนานแล้ว ของว่างที่เคยกรอบก็กลับเหนียว ตะวันสาดแสงแรงกล้าเริ่มทอแสงอ่อน และแล้วรถสปอร์ตสีแดงก็ตีวงเข้ามาในบ้าน

ร่างเล็กในชุดนักศึกษาลงมาจากรถพร้อมกับกระเป๋าสะพายใบเล็กสวยเก๋ของแบรนด์ดัง พศวีร์มองตามขาขาวเรียวสวยที่ก้าวลงมาจากรถอย่างช้าๆ รู้ดี ว่ามาธวีคงรับรู้ถึงการมาของเขาแล้วจากรถของเขาที่จอดเด่นอยู่ในโรงรถ แต่เธอก็ยังทำเป็นเมิน ไม่ใส่ใจเขา

เด็กรับใช้ที่รอการกลับมาของเจ้านายอยู่แล้วรีบยอบตัวเข้ามาหาแล้วรายงานเสียงใส

“คุณเขามารอคุณน้ำตาลตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะ เอบอกว่าให้กลับไปก่อนก็ไม่ยอม สงสัยจะมาง้อมั้งคะ”

สาวเอรายงานเรื่องที่จุดรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าสวยใสได้ หางตาของมาธวีเหลือบมองพศวีร์ที่นั่งมองมาทางเธอเฉย นิ้วเรียวยาวทาสีที่เล็บสวยสดชี้ไปยังหนังสือเรียนซึ่งวางเอาไว้บนเบาะหนังข้างคนขับ ก่อนเดินลอยชายเข้าไปในบ้านโดยทำเหมือนไม่เห็นคนที่เด็กรับใช้บอกว่ามารออยู่ตั้งหลายชั่วโมงแล้วเลยสักนิด

กิริยาไม่สน ไม่แคร์ ไม่ได้ทำให้พศวีร์หวั่นไหวหรือว่าเสียดายมาธวีอย่างที่เคยคิดว่าเขาคงต้องเสียดาย หัวใจเขาคงชาด้านจากความสูญเสียข้าวขวัญไปแล้วกระมัง

พศวีร์ยังนั่งรออยู่ในศาลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินไปยังรถของตนเอง รู้...ว่าคงสายเกินไปแล้วที่จะพูดจา ที่จะจากกันด้วยดี แต่ทันทีที่รถสปอร์ตสีเงินของเขาเคลื่อนออกมาจากโรงรถ เด็กรับใช้สาวคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาโบกไม้โบกมือ เคาะกระจก รายงาน

“อย่าเพิ่งไปค่ะ อย่าเพิ่งไป คุณน้ำตาลให้หนูมาบอกว่าเชิญคุณในบ้านค่ะ”

มือแกร่งที่กุมพวงมาลัยรถอยู่หลวมๆ มองหน้าเด็กรับใช้แล้วบอกเสียงเรียบ “ไปบอกนายของเธอด้วยก็แล้วกัน มันคงสายไปแล้วที่จะพูดจากัน ขอให้เขาโชคดี ได้พบได้เจอกับคนที่ดีกว่าฉันในอนาคต” พูดจบปลายเท้าก็เหยียบคันเร่ง เคลื่อนรถแรงม้าสูงไปยังประตูหน้าบ้านที่ยังปิดอยู่

ชายหนุ่มเหลือบตามองยามแล้วสั่ง “ช่วยเปิดประตูด้วย”

ยามหนุ่มประจำป้อมเล็กๆ หน้าบ้านยิ้มเจื่อนๆ ให้แขก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเขาเพิ่งได้รับโทรศัพท์มาจากในบ้านน่ะสิว่าห้ามมิให้เปิดประตูให้แขกจากไป

“คุณคะ...” เสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้นอีกครั้งข้างประตูฝั่งคนขับ พศวีร์ถอนหายใจแล้วลดกระจกลง เขาเห็นเด็กรับใช้คนเก่ายืนเกาะประตูรถเขาอยู่ “คุณน้ำตาลเชิญในบ้านค่ะ”

“นี่ถ้าฉันไม่ยอมไปพบ คุณน้ำตาลของเธอคงไม่ยอมปล่อยฉันออกไปจากบ้านหลังนี้ใช่ไหม”

นางสาวเอหัวเราะแหะๆ ก่อนจะโล่งอกเมื่อพศวีร์เข้าเกียร์ถอยหลังนำรถกลับไปจอดที่เดิม

- - - - - - - - - -

ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาในห้องรับแขกของบ้านทวีสุขซึ่งเต็มไปด้วยของประดับมีราคา แชนเดอเลียร์บนเพดานนั้นหรูหราโดดเด่น หากยังไม่สามารถกลบความงามของโซฟาสไตล์พระเจ้าหลุยส์ได้ แล้วยังตู้ที่เต็มไปด้วยเครื่องแก้วจากอิตาลีอีกล่ะ

เท่าที่ดูด้วยตา บ้านทวีสุขเหมือนกับคลังสมบัติ สวย หรู สง่างาม หาก...ไร้ชีวิตจิตใจ ไม่ต่างไปจากคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่หลังนี้เลย

ใบหน้าของผู้ที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหลุยส์สีทองนั้นดูเรียบเฉยราวกับใส่หน้ากากเอาไว้ทั้งสองคน พศวีร์จำใจยกมือขึ้นไหว้คุณภุมรินที่เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าอยู่ในบ้านตลอดแต่ไม่ยอมปรากฏตัว

“นี่พี่วีคิดจะไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คุยกับน้ำตาลจริงๆ น่ะเหรอคะ ทำไมพี่วีถึงได้ใจร้ายใจดำกับน้ำตาลถึงขนาดนี้” พอเริ่มเอ่ยปาก ริมฝีปากบางก็แบะออกคล้ายกับเจ้าตัวกำลังจะร้องไห้เพราะสะเทือนใจอย่างหนัก

พศวีร์มองสีหน้าปั้นแต่งเสียที่ดูน่าสงสารอย่างเฉยเมย “พี่เห็นน้ำตาลไม่อยากคุยกับพี่ ก็เลยกลับ”

มาธวีเสียเส้นไปนิดเมื่อแฟนหนุ่มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่มีแววว่าจะง้องอนเธอเลยแม้แต่น้อย “น้ำตาลแค่งอน...อยากให้พี่วีง้อน้ำตาลก็แค่นั้น พี่วีผิด พี่วีรู้ตัวไหมคะ ผิดมาก”

“พี่รู้ พี่ผิด พี่เลว” พอได้ยินคำรับสารภาพใบหน้าที่สลดของมาธวีก็ดูแจ่มใสขึ้นมาก มากจนผู้กำกับภาพยนตร์คนเก่งแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า...ความเศร้าเสียใจเมื่อครู่นั้นเป็นฝีไม้ลายมือด้านการแสดงล้วนๆ “พี่ไม่ซื่อสัตย์กับน้ำตาลแล้วยังล่อลวงพี่สาวของน้ำตาลอีก พี่ไม่มีข้อแก้ตัว...เราคงต้องจบกันแค่นี้”

ผู้ที่คิดจะแง่งอนอีกหน่อย ให้แฟนหนุ่มง้องอนอีกนิดเบิกตากว้าง ตกใจชนิดที่ไม่ต้องแกล้งแสดง “อะไรกันคะ พี่วีพูดว่าอะไรนะคะ จบกันเหรอ หมายความว่ายังไง!”

“หมายความอย่างที่พูด พี่ผิด พี่เลว พี่ก่อเรื่องทุกอย่างขึ้นเองด้วยความอยากที่ไม่รู้จบของพี่ พี่ไม่คู่ควรกับน้ำตาล เราเลิกกันเถอะ” พศวีร์พูดเร็วเป็นพายุ เมื่อพูดจบสิ้นเขาก็หันหลังหมายจะเดินออกจากบ้านหลังงาม เท้าในรองเท้าหนังแท้ยังไม่ทันได้ก้าวข้ามธรณีประตู ร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นด้วยวัยสาวของน้ำตาลก็โถมเข้ามากอดรัด รั้งเขาเอาไว้

“ไม่นะคะ ไม่! น้ำตาลไม่ยอม น้ำตาลรักพี่วี รักพี่วีคนเดียว น้ำตาลไม่ยอมเลิกหรอก น้ำตาลให้อภัย น้ำตาลยกโทษให้พี่วีได้ทุกอย่าง น้ำตาลรู้ค่ะว่านังนั่นมันต้องยั่วยวนพี่วีแน่ พี่วีถึงได้ไปยุ่งกับมัน”

หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันในขณะที่มือแกร่งก็แกะมือที่โอบรอบเอวเขาเอาไว้ออก “ข้าวเขาไม่ได้ยั่วยวนพี่อย่างที่น้ำตาลคิดหรอก พี่เองที่อยากได้เขา ก็เขาสวย...รู้ไหมว่าเขาสวยกว่าน้ำตาลตั้งหลายเท่า พอได้เจอพี่ก็อดใจเอาไว้ไม่ได้ พออดใจไม่ได้ พี่ก็ใช้สารพัดวิธีที่จะล่อหลอกให้เขายอมพี่ เกือบแล้ว...เกือบจะสำเร็จอยู่แล้วเชียวถ้าน้ำตาลจะไม่เข้าไปขวาง” ประโยคท้ายๆ พศวีร์พูดด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวัง และฉุนเฉียวอย่างไม่ปิดบัง จนผู้ฟังถึงกับหน้าถอดสี

“ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้...ไม่...”

พศวีร์ได้ยินคนที่ยืนตะลึงพึมพำออกมาแบบนี้ ใจเขานึกสงสารแม่สาวตรงหน้าขึ้นมานิดนึง แต่...ภาพของผู้ที่ได้รับทัณฑ์แสนโหดร้ายปัดความสงสารออกไปจากเขาจนหมด

เขากลับไปช่วยข้าวขวัญให้รอดพ้นการถูกตี ถูกทรมานเมื่อวันก่อนไม่ได้ก็จริง แต่เขาช่วยเธอให้พ้นจากความทุกข์ทรมานในอนาคตได้ เขาทำได้ด้วยการเป็นคนเลวเสียเอง เอาสิ่งเลวร้าย เอาความชั่วความเลวมาลงที่เขานี่ ข้าวขวัญจะได้ไม่ต้องถูกทุบตีอีก

“อย่ามาเลียนแบบตัวอิจฉาที่ไม่เชื่อว่าพระเอกของเรื่องไม่ได้รักตัวเลยน้ำตาล น้ำตาลเล่นละครมาก็ตั้งหลายเรื่อง ทุกเรื่องที่นางร้ายไม่เชื๊อไม่เชื่อแบบนี้ มีสักเรื่องไหมที่พอเขาไม่ยอมเชื่อ ไม่ยอมจบแล้วพระเอกของเรื่องกลับไปครองรักกับเขา”

“พี่...พี่วีว่าน้ำตาลเป็นตัวอิจฉาเหรอคะ” มาธวีกรีดเสียงร้องสูงปรี๊ดจนพศวีร์ย่นหน้า พลางถอยไปด้านหลังอีกสองก้าวราวกับทนเสียงวี๊ดๆ ของเธอไม่ไหว

สีหน้าของเขานั้นดูเหมือนเบื่อหน่าย ผสมผเสกับ...รำคาญ โอ...นี่เขาเบื่อน้ำตาลคนสวย รำคาญน้ำตาลคนน่ารักอย่างนั้นน่ะหรือ

หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าสีหน้าของเธอตอนนี้นั้นบูดเบี้ยวจนน่าเกลียด น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นก็แหลมสูงจนแก้วเจียระไนในตู้โชว์แทบจะแตก

“ทำไมพี่วีถึงได้ทำกับน้ำตาลแบบนี้ ทั้งๆ ที่น้ำตาลรักพี่ รักมากจนให้พี่ได้ทุกอย่าง”

“ก็เพราะพี่เบื่อแล้วไง เบื่อคนที่รักพี่มาก รักมากจนยอมให้พี่ทุกอย่าง ไม่รู้รึไงน้ำตาล เมื่อคนเราได้อะไรมาง่ายๆ ได้บ่อยๆ แม้สิ่งที่เราได้มาจะดี จะวิเศษยังไงก็เบื่อ เบื่อน่ะ พี่เบื่อน้ำตาลแล้วเข้าใจไหม ไม่อย่างนั้นพี่คงไม่โล๊ะน้ำตาลให้สุเมธไปหรอก”

มาธวีอ้าปากค้างกับคำตอบที่ตนไม่เคยคาดคิดว่าจะมีใครพูดใส่หน้าเธอแบบนี้ หญิงสาวนิ่งอึ้งไปนานหลายนาทีก่อนจะเปล่งเสียงแหลมออกมาจากลำคอ

เสียงที่ดังก้องไปทั่วบ้านนั้นไม่ใช่เสียงก่นด่า ไม่ใช่เสียงกรีดร้องที่เวลาคุณน้ำตาลไม่ได้ดั่งใจเมื่อไหร่ก็จะวี๊ดๆ จนคนในบ้านเริ่มชิน แต่มันเป็นเสียงที่แปลกๆ ที่ดังคล้ายจะมาจากก้นบึ้งของหัวใจที่แตกสลาย

พศวีร์ก้าวถอยหลังไปอีกสองก้าวเมื่อคุณภุมรินที่นั่งราวกับเป็นประธานในการพูดคุยรีบรุดมาประคับประคองลูกสาวที่ทิ้งตัวลงกับพื้นหินอ่อน ตาค้าง ปากอ้าค้าง คล้ายกับช็อกไปแล้ว

“ลูก...ลูกจ๋า ลูก!” คุณภุมรินเขย่าตัวมาธวีแรงๆ พร่ำพูดเสียงระส่ำราวกับไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีไปกว่านี้ได้ จนพศวีร์ต้องแนะนำ

“คงช็อก ผมว่าคุณรีบพาน้ำตาลไปโรงพยาบาลดีกว่า เอาแต่เขย่าแบบนั้นก็ไม่เกิดอะไรขึ้นมาหรอก”

“แกไม่ต้องมาพูด ไม่ต้องมาแนะนำอะไร เพราะแก แกไม่ใช่เหรอลูกสาวของฉันถึงได้เป็นแบบนี้ ไอ้คนเลว เสียแรงที่ลูกฉันรักแก ทุ่มเทให้แกทุกอย่าง น้ำตาลถึงขนาดทะเลาะกับพ่อด้วยซ้ำเพราะพ่อเขาไม่ชอบไอ้กุ๊ยอย่างแก แล้วแกทำยังไงกับลูกฉัน” ภุมรินร้องด่าวี๊ดๆ ด้วยน้ำเสียงที่สูงไม่แพ้ลูกสาว “แกทิ้งลูกฉันไปหาEลูกเมียเก็บนั่น เลว...ชั่วทั้งคู่”

พศวีร์ขมวดคิ้วก่อนจะแก้ไขความเข้าใจผิดที่อาจจะทำให้ข้าวขวัญต้องเดือดร้อนอีก “ใครว่าผมทิ้งน้ำตาลไปหาข้าว ข้าวเขาไม่เอาผมหรอก เขาปฏิเสธผมทันทีที่รู้ว่าผมตั้งใจจะทำตัวเป็นพระยาเทครัวแล้ว เขาไม่โง่เหมือนกับลูกสาวของคุณหรอก พอเขารู้ว่าผมหลอก เขาก็สลัดผมทิ้งแล้ว”

ริมฝีปากเคลือบสีแดงสดของคุณภุมรินอ้าค้างบ้างเมื่อถูกแฟนลูกสาวที่เพิ่งกลายเป็นอดีตแฟนแก้ไขความเข้าใจผิดให้ได้ทราบ

“ตอนนี้ผมกำลังเล็งนางเอกหน้าใหม่คนหนึ่งอยู่ต่างหาก จะบอกอะไรให้นะ ว่าที่แฟนใหม่ของผมน่ะสวยกว่าลูกสาวคุณ ไม่สิ...สวยกว่าข้าวขวัญเสียอีก เอาล่ะ...ทีนี้ผมกับลูกคุณก็เลิกกันอย่างเป็นทางการแล้วนะ ถ้าผมควงสาวใหม่ออกงานหรือไปไหนมาไหน หวังว่าลูกสาวของคุณคงไม่ตามไปราวีจนไก่ต้องตื่นอีกล่ะ” พศวีร์พูดเรื่องโกหกออกมาด้วยลีลาที่ใครเห็นก็ต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘กวนอวัยวะเบื้องต่ำ’ เป็นที่สุด ก่อนจะเตือนด้วยความหวังดีซ้ำอีกครั้ง “แล้วยังช้าทำไมอยู่อีก พาลูกสาวคุณไปหาหมอเสียสิ เดี๋ยวก็ประสาทแ-กจนกู่ไม่กลับหรอก”

ผลที่พศวีร์ได้รับจากความหวังดีน่ะหรือ...คำก่นด่าเขาอย่างไร้สติของแม่ที่ยังเอาแต่เขย่าลูกอย่างไม่รู้จะปฐมพยาบาลอย่างไรให้ดีกว่านี้น่ะสิ

พอทนฟังคำท่าก่นถึงโคตรไปนานๆ เข้า ชายหนุ่มผู้คิดว่าตนมีความชั่วพอๆ กับความดีก็เลือกที่จะดีน้อยลงนิดกับคนที่ไม่เห็นว่าเขาเป็นคนเหมือนกันอีกต่อไป พศวีร์เบ้หน้าแล้วหันหลังจากไปโดยไม่คิดจะย้อนกลับมาที่บ้านหลังนี้ หรือกลับเข้ามาชีวิตของคนครอบครัวนี้อีกเลย

- - - - - - - - - -

จากคุณ : (liz)
เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 00:14:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com