ความคิดเห็นที่ 3 |
ร่างของเกศสุรางค์คล้ายลอยคว้างเมื่อเริ่มรู้สึกตัวจนเมื่อลืมตาขึ้นมาก็ต้องตะลึงงัน บรรยากาศขมุกขมัวสีเทานี้ช่างคุ้นตานัก ใจเธอหายวูบเมื่อสำนึกขึ้นได้ว่าเป็นสถานที่ก่อนที่เธอจะเข้าไปอยู่ในร่างของการะเกดนั่นเอง! หญิงสาวแทบยืนต่อไปไม่ไหว คนที่เธอคำนึงหาอย่างอาดูรสุดซึ้งเป็นคนแรกคือ พี่ขุนของเธอ... เมื่อกะพริบตาน้ำตาที่รื้นออกมาอย่างไม่รู้ตัวก็ร่วงเผาะไม่ขาดสาย
ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม นี่ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมเสียงที่อ่อนระโหยพึมพำอย่างไม่เชื่อต่อสิ่งที่พบเจอก่อนจะลุกขึ้นด้วยแรงฮึดสู้ เกศสุรางค์พยายามเดิน วิ่งและกระโดดราวกับคนบ้า เผื่อว่าท้องฟ้าที่เป็นสีเทาจะดูดเธอกลับคืนไปยังที่ที่เธอเพิ่งจากมาทว่าทุกสิ่งกลับไร้ผลโดยสิ้นเชิง ร่างนั้นทรุดนั่งพับเพียบอ่อนแรง
...ป่านนี้คนที่บ้านออกญาโหราธิบดีจะรู้หรือยังว่าเธอไม่ได้อยู่ในร่างของการะเกดแล้ว ป่านนี้การะเกดตัวจริงจะเข้าร่างของเธอแล้วหรือไม่ ป่านนี้พี่ขุนของเธอจะรู้แล้วหรือยังว่าเธอได้จากมา...
เสียงถอนหายใจปนเสียงสะอื้นร่ำไห้นั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ แล้วทุกอย่างก็เงียบงันเนิ่นนานจนราญหัวใจ หลังจากทอดอาลัยตายอยากในชีวิตจนซึมซาบไปทั้งวิญญาณเธอจึงได้เงยหน้าขึ้นมองสิ่งแวดล้อมรอบกายอีกครั้ง แล้วคำถามก็เกิดขึ้นพร้อมอารมณ์โกรธเคือง
นี่เราตาย หรือเป็นกันแน่ ใครก็ได้ช่วยออกมาบอกฉันหน่อย ฉันไม่เคยทำผิดคิดร้ายอะไรกับใครทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยอย่ามาทำแบบนี้กับฉันนะ ฉันไม่ยอมจริงๆด้วยเสียงนั้นถามซ้ำอีกครั้งดังก้องกังวานไปทั่ว เธอไม่ต้องร้องท้านานเพราะเพียงครู่แสงสีม่วงแกมทองก็ค่อยๆปรากฏขึ้นพร้อมร่างและหน้าตาที่เธอคุ้นเคย
ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์มาช่วยข้าแล้วใช่ฤๅไม่ พาข้ากลับบ้านด้วยเถิด ข้า... พูดออกไปแล้วเกศสุรางค์ก็หน้าซีดเผือดอีกครั้ง ที่ใดเล่าที่เป็นบ้านของเธอ? บ้านใดเล่า นังหนูท่านอาจารย์ชีปะขาวเอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้มละไม คลับคล้ายว่าใบหน้าที่แก่ชรานั้นเปลี่ยนไปเป็นตึงใสพร่างพิสุทธิ์จนยากจะจ้องโดยตรง
ข้าจักพาเจ้าไปดูกระไรบางอย่าง ก่อนที่จักส่งเจ้าไปยังที่ที่เจ้าควรไป แสงสีขาวส่องวูบเข้านัยน์ตาให้พร่ามัวจนต้องปิดเปลือกตาเพราะมิอาจสู้ ครั้นลืมตาขึ้นมาอีกครั้งจึงพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนถนนใหญ่ เสียงรถมูลนิธิกับภาพตรงหน้าชวนให้ตะลึงงัน เพียงครู่ปฏิบัติการช่วยชีวิตที่ติดอยู่ในรถตู้ก็ปรากฏให้เห็น คนทั้งหมดถูกพาส่งโรงพยาบาล ร่างเธอเหมือนถูกดึงดูดให้ติดตามร่างกายอันอวบพีของตัวเอง
เรืองฤทธิ์ลุกขึ้นนั่งบนเตียงปฐมพยาบาลนั้นกุมต้นแขนของตัวเองที่แม้ไม่มีเลือดแต่ก็ห้อยร่องแร่ง เจ้าหน้าที่เข้ามาดูอาการก่อนจะจัดไหล่ที่หลุดนั้นให้กลับไปที่เดิมและห้อยผ้าไว้เพื่อให้อยู่ในท่าที่เหมาะสม ช่วยไปดูเพื่อนผมด้วยครับ คนที่ใส่เสื้อสีดำกับกางเกงยีนส์ ผมเห็นเธอมีเลือดออกจากหูกับจมูก ช่วยดูเพื่อนผมด้วยร่างนั้นกระเสือกกระสนจะลุกขึ้นจากเตียงแต่ได้ถูกพยาบาลร้องห้ามไว้
อย่าเพิ่งขยับตัวเลยค่ะ คุณต้องไปเอ็กซเรย์เผื่อว่าจะมีอวัยวะภายในบาดเจ็บนะคะ ไม่ผมไม่รู้สึกเจ็บที่ไหนเลยนอกจากที่ไหล่หลุด ขอผมไปดูเพื่อนเถอะนะครับ ตรวจดูให้แน่ใจเถอะค่ะ เพื่อนคุณอยู่ในมือหมอแล้วและกำลังอยู่ในห้องไอซียูคุณเข้าไปไม่ได้หรอกนะคะ ถ้าดูอาการแล้วคุณไม่เป็นไรจริงๆก็ค่อยไปรอที่หน้าห้องไอซียูก็ได้ค่ะ ด้วยเหตุและผลที่ได้รับการเกลี้ยกล่อมจึงทำให้เรืองฤทธิ์สงบท่าทีลง หากดวงตาคู่นั้นกลับมีแววกังวลอย่างสูง
เรือง แกเห็นฉันไหม เรืองฤทธิ์ เกศสุรางค์ผละจากร่างของตัวเองที่กำลังถูกรักษาอย่างเร่งด่วน ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนและพยายามร้องถามหากแต่อีกฝ่ายเหมือนไม่ได้ยิน กลับเดินผ่านร่างเธอไปจนเธอใจหายอย่างบอกไม่ถูก
เกศสุรางค์รู้สึกราวกำลังถูกดึงให้อยู่ใกล้ร่างของตัวเองให้มากที่สุด ขาที่พยายามจะก้าวตามเรืองฤทธิ์คล้ายถูกฉุดรั้งไว้เธอจึงเปลี่ยนใจมาเฝ้ามองร่างของตนแทน ท่าทางเธอจะอาการหนักมิใช่เล่นหมอพยาบาลวุ่นวายเรียกหายากระตุ้นหัวใจเมื่อกราฟหัวใจเธอเป็นเส้นตรง ก่อนจะมีการช๊อตปั้มหัวใจหลายต่อหลายครั้งทว่าทุกอย่างก็ไม่เป็นผล
เธอหูอื้อไปชั่วขณะได้ยินแว่วเพียงคำว่า เดด ที่ตอนนั้นเธอนึกไม่ออกว่ามันแปลว่าอะไร เมื่อมีคนเข็นร่างเธอออกมาเรืองฤทธิ์ถึงกับปล่อยโฮ น้ำตาที่เธอไม่เคยเห็นจากเรืองฤทธิ์มาก่อนเธอก็ได้เห็นในคราวนี้ เรืองฤทธิ์มีสีหน้าที่ซีดเผือดจนน่าแปลกใจเขากุมมือของร่างเธอเหมือนจะพยายามถ่ายทอดความอบอุ่นให้
เกด เธอจะตายไม่ได้นะเกด แววตาที่โศกซึ้งอย่างที่เกศสุรางค์นึกไม่ถึงนั้นทำให้ใจของเธออาดูรจนต้องเผลอถอนสะอื้นออกมา เรือง... แววตาที่เหมือนถูกปลิดวิญญาณของเรืองฤทธิ์ทำให้เธอตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างที่เธอไม่เคยมองเห็น ทั้งๆที่เคยมองหาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ร่างสูงใหญ่ของเรืองฤทธิ์ทรุดลงซบเตียงเข็นปากนั้นพรมจูบที่มืออวบอูมพร้อมน้ำตาของคนที่หัวใจสลาย
ฉันรักเธอ เกดลืมตาขึ้นสิ ฉันรักเธอ เธอได้ยินหรือเปล่าลืมตาเดี๋ยวนี้ ได้โปรด...เกศสุรางค์อ้าปากค้างพร้อมน้ำตาที่ร่วงพรูอย่างสุดจะกลั้น เธอถลันไปที่ร่างตัวเองแต่กลับเหมือนถูกแรงผลักให้กระเด็นห่างทำได้เพียงมองเท่านั้น
แสงสีขาวที่จ้าจนแสบตาพุ่งเข้าหาตัวเกศสุรางค์พร้อมรอบด้านที่เปลี่ยนไป ผู้คนในชุดแต่งกายสีดำกำลังยืนปลอบคุณสิปางและคุณยายนวล โดยมีเรืองฤทธิ์ที่โกนศีรษะล้านเลี่ยนอยู่ในชุดบวชนาค โลงศพที่ถูกใส่เข้าไปในเมรุที่มีรูปขาวดำของเธอวางอยู่ข้างหน้าเป็นความรู้สึกที่เหลือจะรับ คุณสิปางร่ำไห้ราวน้ำตาจะเป็นสายเลือด
หลวงพ่อ..พ่อแท้ๆของเธอก็มีสีหน้าที่สำรวมทว่าแววตาโศกสลด กิริยานั้นไม่ผิดกับเรืองฤทธิ์ในชุดบวชนาคเลยแม้แต่น้อย คุณยายนวลกลับเข้มแข็งกอดปลอบลูกสาวพร้อมพึมพำเบาๆ เขาทำบุญกับเรามาเพียงเท่านี้ หักอกหักใจเสียเถิดลูก
ทำไมคะคุณแม่ ตอนเล็กๆเขาก็อุตส่าห์รอดได้แล้วทั้งๆที่น้องสาวฝาแฝดเขาไม่รอด แล้วทำไมต้องให้เขาโตมาให้เราผูกพันแล้วมาพรากจากเราอย่างนี้คะคุณแม่ เกศสุรางค์ได้ยินก็เดินเข้าหามารดาอย่างไม่รู้ตัว บางสิ่งที่ได้ฟังดูเหมือนจะแปลกๆ น้องสาวฝาแฝด? เธอมีน้องสาวฝาแฝดเมื่อไหร่กัน!
อีกครั้งที่ความโศกเศร้าตรงหน้ากลายเป็นแสงสีขาวบาดตา ภาพนั้นก็กลายกลับเป็นกุฏิเล็กๆหลังหนึ่ง เพียงครู่บิดาและมารดาของเรืองฤทธิ์เดินออกมาจากกุฏินั้นพร้อมเสียงถอนหายใจ สี่ปีแล้วนะคะคุณ ลูกก็ไม่ยอมสึกสักที เราคงต้องอนุโมทนาแล้วล่ะคุณ
แววตาของคนทั้งคู่มีทั้งแววของความปลงทั้งตื้นตันก่อนจะพากันขึ้นรถแล่นออกจากวัดป่าแห่งนี้ ร่างอันสำรวมของพระก้าวออกมาจากกุฏิ เกศสุรางค์ได้แต่มองภาพนั้นอย่างพร่าเลือนไปด้วยม่านน้ำตา ความรู้สึกอาดูรนั้นมิผิดกับที่เธอรู้สึกกับขุนศรีวิสารวาจาเลยแม้แต่น้อย และเมื่อกะพริบตาร่างที่ซ้อนทับกับร่างของพระเรืองฤทธิ์นั้นก็ทำให้เธอต้องอุทานลั่น
คุณพี่! หน้าตารูปร่างที่เหลื่อมซ้อนรวมไปถึงเครื่องแต่งกายอย่างโบราณทำให้หัวใจเธอกระตุกวูบ แววตาคู่นั้น? ทำไมเธอถึงนึกไม่ถึงมาก่อนว่า แววตาของเรืองฤทธิ์และขุนศรีวิสารวาจาแทบจะเป็นแววตาดวงเดียวกัน แม้แต่วิสัยที่ชอบปกปิดความรู้สึกของตัวเองหรือที่เธอเรียกว่าบื้อก็ยังไม่ผิดกัน เพียงเพราะหน้าตาเรืองฤทธิ์และชื่อสอดคล้องกันเธอกลับปักใจเชื่ออย่างจริงจังว่า ขุนเรืองในภพอดีตคือเรืองฤทธิ์เข้าเสียนี่... เกศสุรางค์สะท้านไปทั้งร่างก่อนจะรู้สึกวูบไปทั้งกาย
ความมืดที่เข้ามาเยือนกะทันหันพร้อมกับเสียงสวดมนต์แปลกประหลาดได้ดังแว่วเข้ามา ร่างอันเรื่อเรืองของการะเกดยืนรอเธอท่ามกลางความมืดมิดอันหาที่สุดไม่ได้ เกศสุรางค์รู้สึกใจหายก็จริงแต่ก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำเบาๆอย่างขุ่นมัว
สนุกเลยนะจับฉันโยนไปโน่นทีไปนี่ที...น้ำตายังคงอาบแก้มชวนให้รำคาญจนต้องรีบยกมือขึ้นลูบหน้าที่เย็นเฉียบพลางให้รู้สึกเหนื่อยใจอย่างมากมาย เกศสุรางค์ มิใช่สิหนา ข้าต้องเพรียกเจ้าว่า พี่ ถึงจักถูก การะเกดกล่าวพลางส่งยิ้มละมุนให้จนเกศสุรางค์ต้องฝืนยิ้มตอบ กิริยาถอนหายใจปนสะอื้นนั้นทำให้เกิดรอยยิ้มละไมขึ้นอีกครั้ง ...อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด...
โปรดติดตามตอนต่อไป
| จากคุณ |
:
จอมนาง
|
| เขียนเมื่อ |
:
17 ต.ค. 52 11:44:57
|
|
|
|