ความคิดเห็นที่ 1 |
ณ อาศรมของอมรสิงห์ ร่างคนเจ็บนอนยู่บนฟูกผ้าฝ้ายขาวสะอาด ร่างกายพันด้วยผ้าพันแผลกว่าค่อนตัว เสื้อผ้าเปื้อนโลหิตถูกแขวนไว้บนราวด้วยไม่สามารถปะชุนให้เหมือนใหม่ได้อีก มีเพียงเสื้อผ้าชุดใหม่ที่สวมอยู่และผ้าคลุมไหล่ น้องชายของเขานั่งสนทนากับฤๅษีหน้าอาศรมด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
องค์ชายรองมิต้องทรงเป็นกังวล... ฤๅษีอังคตกล่าวปลอบใจ พระเชษฐาของท่านมิทรงเป็นอะไรมาก อีกไม่นานก็จักหายประชวร
หากมิได้ท่านตาและพวกเขาช่วยไว้ ข้ากับพี่ชายก็คงไม่รอด
นักสิทธิ์ส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวว่า
เรื่องเพียงเท่านี้หากมิมีน้ำใจช่วยเหลือ แล้วเรื่องใหญ่ในวันหน้าจักทำเยี่ยงไร ขอท่านอย่าได้คิดมากไปเลย
บรรดาลูกศิษย์ของอังคตฤๅษีเดินเรียงออกมานั่งด้วย ส่วนฤๅษีกลับเดินเข้าไปในกุฏิ ปล่อยให้พวกเขาพูดคุยกันเอง อมรสิงห์ซึ่งนั่งอยู่ใกล้เขามากที่สุดถามขึ้น
ท่านมาจากที่ใดกัน รู้หรือไม่ว่าป่านี้มิใช่ป่าที่มนุษย์ธรรมดาจักเข้ามาได้ง่ายๆ
ข้ารู้ แต่ข้ามิเคยคิดว่าจักมีสัตว์ร้ายน่ากลัวถึงเพียงนี้...
เจษฎากล่าวตำหนิว่า
ท่านประมาทเกินไป ขึ้นชื่อว่า...ป่า...ก็ควรระแวดระวังให้มาก นับว่าท่านยังโชคดีที่จันทรรัตน์ไปพบเข้า ไม่เช่นนั้นคงต้องกลายเป็นอาหารมื้อพิเศษของเจ้านกหัสดินนั่นแน่
เขาหวนคิดถึงตอนที่นางมีดวงเนตรสีเขียวจัด นัยน์ตาของนางตอนนั้นราวกับมีพลังมากมายที่สามารถบังคับจิตใจของนกร้ายนั้นได้ เผลอๆพลังของนางอาจร้ายกาจยิ่งกว่าที่เห็น
นางเรียนวิชาอะไรมา ข้าเห็นนางสะกดนกหัสดินได้กับตา
อมรสิงห์เห็นนางเบือนหน้าหนีมิใคร่ตอบคำถาม เขาเข้าใจว่านางคงไม่อยากให้เจ้าชายผู้นี้หวาดระแวงในตัวนาง จึงตอบคำถามแทน
นั่นเป็นวิชาพลังจิตอย่างหนึ่ง สามารถสะกดใจให้ทำตามที่ตนต้องการได้ เรื่องเพลงสัประยุทธ์นั้นนางสู้พวกเราไม่ได้ก็จริง แต่พลังจิตของนางแข็งกล้ากว่าเรามาก
สุธรรมจินดาพอจะเข้าใจ ด้วยได้เห็นแล้วว่าวิชาของนางแก่กล้าเพียงใด พลันเขาสะดุดตากับสองคนที่นั่งกับเขา เจษฎากับจันทรรัตน์หน้าตาเหมือนกันราวกับเป็นพิมพ์เดียว ถามเจษฎาอีกว่า
จันทรรัตน์นางเป็นน้องสาวท่านรึ ข้าเพิ่งเคยเห็นพี่น้องหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้เป็นครั้งแรก
เจษฎาตอบกลับมาอย่างมิค่อยใส่ใจ
มิได้ นางเป็นศิษย์น้องของข้า เพียงแต่ข้ารักนางเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
อมรสิงห์ถามต่ออีกว่า
ท่านมาจากเมืองอะไรกัน ข้าไม่ยักเคยเห็นลักษณะการแต่งกายเยี่ยงท่าน
เขามองดูชุดที่เจ้าชายน้อยผู้นี้สวมใส่ เสื้อสีขาวขลิบทอง ผ้าคลุมไหล่สีขาว กางเกงเป็นผ้าปักดิ้นเงินดิ้นทองระยับ คาดด้วยเข็มขัดทอง
นครชนินทราลัย
ศิษย์ในสำนักพากันขมวดคิ้ว
มันอยู่ที่ใดกัน?
อ๋อ! เมืองของข้าอยู่ไกลมาก ถึงบอกไปพวกท่านก็คงไม่รู้จักหรอก
สุธรรมจินดาตอบกลับมาอย่างขอไปที เจษฎารู้สึกเคลือบแคลงในคำกล่าวของเจ้าชายองค์นี้ที่ดูราวกับตั้งใจปกปิด แต่เรื่องนี้ช่างมันก่อน ที่น่าเป็นห่วงคือคนเจ็บที่นอนอยู่ที่นี้ต่างหาก
เอาอย่างนี้ดีไหม อีกไม่นานพี่ท่านก็จักหายดีแล้ว แล้วข้าจักไปส่งพวกท่านที่ชมพูทวีปในทันที
สุธรรมจินดาฟังแล้วส่ายหน้า พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ไม่ ท่านพี่เพิ่งหายดี หากจะพากันออกไปทั้งสภาพเยี่ยงนี้คงไม่ไหวเป็นแน่ ข้าจึงอยากเรียนวิชาต่างๆจากท่านนักพรตก่อน
ท่านคิดดีแล้วรึ วิชาของท่านตามิใช่นึกยากเรียนก็เรียนได้ แล้วท่านยังต้องเสียเวลาอีกเป็นปีกว่าจักสำเร็จวิชา
เจษฎาเตือนด้วยความหวังดี ทว่า....เมื่อเห็นสายตาที่สุธรรมจินดามองไปที่จันทรรัตน์ มิใช่สายตาของผู้เป็นหนี้ชีวิตเพียงอย่างเดียว หากรวมถึงสายตาหลงใหลเยี่ยงที่ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วย เขาจึงเข้าใจในเหตุผล
...ถ้าเช่นนั้น อย่ามาบ่นทีหลังว่าฝึกโหดก็แล้วกัน...
ภายในอาศรม ผู้นอนอยู่ค่อยๆเผยอเปลือกตาขึ้น เห็นเพียงคานไม้และหลังคาคลุมด้วยใบไม้แห้ง ข้างกายมีหญิงสาวหน้าตาดีกำลังบิดผ้าชุบน้ำในขันเงินใบเล็กๆ นางหันกลับมามอง แม้ไม่มีรอยยิ้มให้เห็นแต่เขากลับสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยน
ได้สติแล้วหรือ
เขาถามนางเบาๆ
ที่นี่ที่ไหน?
สำนักของฤๅษีอังคต ข้าคือลูกศิษย์ของท่าน
เขาลองพยุงตัวลุกขึ้นนั่งแต่ก็ล้มกลับลงไปบนหมอนเช่นเดิม ได้ยินเสียงนางห้ามว่า
อยู่นิ่งๆเถอะ ไม่ต้องลุกหรอก
นางช่วยพยุงเขาขึ้นนั่งพิงหมอนอย่างระมัดระวัง เขามองดูนางทำทุกอย่างอยู่ตรงหน้าเขา
ข้ามีนามว่าสุริยมณี เรียก...มณี...ก็ได้ แล้วเจ้ามีนามว่าอะไร
ข้า...กรรณาภรณ์ นางตอบสั้นๆ ท่านโชคดีจังนะ เข้าป่านี้มายังมิทันไรก็ได้เจอกับสัตว์หิมพานต์อย่างนกหัสดินเข้าเสียแล้ว ตั้งแต่พวกข้ามาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยพบเห็นอะไรเหมือนอย่างท่านเลย
เขาฟังนางแล้วแค่นหัวเราะ นางบอกว่าเขาโชคดี...แต่เขาโชคร้ายสิไม่ว่า...
เจ้าคิดเยี่ยงนั้นรึ ข้าแค่คิดว่ารอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์เช่นนี้ก็บุญโขแล้ว ข้ายังมิได้ขอบคุณผู้ช่วยชีวิตข้าเลยด้วยซ้ำ
จันทรรัตน์...นางอยู่ข้างนอก น้องชายของท่านจองตัวนางไว้ไม่ยอมปล่อย เห็นว่าอยากเรียนวิชาของนาง
นางพูดเปรยๆ ได้ยินดังนั้นเขานึกบ่นด่าน้องชายในใจ....เจ้าน้องบ้า พอเจอสาวๆเข้าหน่อยเป็นไม่ได้เลย... เขาคิดโมโหที่ถูกน้องชายลืมทิ้งให้นอนเจ็บอยู่บนเตียงแต่ก็ปล่อยวางลงเสียได้ บางทีได้แยกกันอยู่คนละทางบ้างก็ไม่เลว แถมเขายังได้เพื่อนที่คุยถูกคออย่างกรรณาภรณ์มาเพิ่มอีกคนก็ช่วยเพิ่มอรรถรสได้ไม่น้อย นิสัยอย่างนางน่าจะคุยสนุกกว่าน้องชายจอมกวนของเขาเป็นไหนๆ เขาหยิบดอกไม้สีเหลืองสดกลิ่นหอมแรงจากถ้วยใบน้อยที่กรรณาภรณ์เก็บเข้ามาให้เขาขึ้นมาควงเล่นพลางกล่าวว่า
ในเมื่อน้องข้ามีคนช่วยดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว ข้าเองก็อยากมีบ้าง....
ครานี้นางค่อยยิ้มออกมาบ้าง
ทำไม กลัวน้อยหน้าน้องชายรึไง
เขายิ้มตอบ รู้สึกว่าเวลาที่นางยิ้ม ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูสดชื่นไปเสียหมด เขามองดูดอกไม้ในมือ ทั้งสดสวยและอ่อนหวานเหมือนนางไม่มีผิด เขายื่นดอกไม้ให้นางพลางว่า
หากเจ้าจัก...กรุณา...ข้า
นางยิ้มรับ เขาจึงถือว่านางไม่ปฏิเสธคำขอนี้ จึงกล่าวต่อไปว่า
งั้นข้าถือว่าเจ้ายินดีนะ
แล้วข้าจักรอดูท่านโอดครวญหลังการฝึกวิชาทุกวัน
นางเอ่ยแกมประชด พลางลุกเดินออกไป เขามองตามยิ้มละไม
คงไม่มีวันนั้นหรอก
เรื่องราวของทั้งสองอยู่ในสายตาของเจษฎาและอมรสิงห์ตลอดเวลา ทั้งสองเดินออกมาจนลับสายตาคนอื่นๆแล้วจึงปรึกษากันอย่างเป็นกังวลว่า
ปล่อยไว้อย่างนี้จักดีหรือ พี่ใหญ่ ข้าว่าพวกนางคงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมองค์ชายสองคนนี้เป็นแน่
ก็ไม่แน่นักหรอก พวกนางก็มิใช่คนโฉดเขลา เรื่องเพียงเท่านี้พวกนางน่าจะดูออก
เจษฎาเอ่ย เขาเชื่อมั่นว่าเพียงแค่องค์ชายรูปงามไม่มีทาทำให้จิตใจพวกนางสั่นคลอนได้ง่ายๆ อมรสิงห์เองก็เชื่อเช่นนั้นมาตลอด แต่จากที่เห็นเมื่อครู่นี้แล้ว เขาเองก็ชักไม่แน่ใจ
แต่เท่าที่ข้าเคยพบเห็น พวกนางมิเคยอ่อนไหวง่ายดายกับวาจาของบุรุษใดถึงเพียงนี้ ข้าว่ามันชักไม่ชอบกล
อืม
บุตรพระพายคิดตามอย่างใคร่ครวญ จริงอย่างที่อมรสิงห์กล่าวมา พวกนางไม่เคยมีท่าทีเช่นนี้กับผู้ใดที่เข้าใกล้ แม้กระทั่งเขาหรืออินทรก็ตาม
ท่านพี่คิดจะทำอย่างไรต่อไป
ตอนนี้เราทำได้แค่จับตาดูสองคนนั้นไว้อย่าให้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากจนเกินไป รอเพียงแต่เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เท่านั้น
จักได้ผลแน่หรือ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาจักยอมแสดงธาตุแท้ง่ายๆ
อมรสิงห์บอกอย่างไม่แน่ใจนัก แต่เจษฎาคิดวางแผนไว้แล้ว
...อันคนดีนานดอกจึงออกตัว ถ้าคนชั่วเขาคงเห็นเป็นไปเอง... ฝ่ายเราเองก็มิได้แสดงตนให้เขารู้จนหมดเปลือกเหมือนกัน ต่างฝ่ายต่างปิดบังกันอยู่อย่างนี้ก็ไม่ต่างจากรอเวลาเปิด...ไพ่ตาย... แล้วข้าก็ไม่อยากตัดสินกันแต่เพียงเปลือกนอกด้วย
อมรสิงห์ชักคล้อยตามพี่ชาย เขาเองก็ใคร่รู้ว่าเจ้าชายสององค์นี้มีจุดประสงค์อะไรที่เข้ามาในป่านี้ เวลาเท่านั้นที่จักทำหน้าที่แทนพวกเขา....
| จากคุณ |
:
นักเขียนลึกลับ
|
| เขียนเมื่อ |
:
17 ต.ค. 52 21:22:24
|
|
|
|