ผู้ชายของฉัน ไม่ใช่คนที่ฝันเอาไว้ Part I (บทที่ 3)
|
|
บทที่ 3
แกจะกลับไปทำไมยะ อยู่บ้านฉันมันไม่ดีตรงไหน จาซินดาล้งเล้งมาตลอดทางที่คุยกันเมื่อเพชรน้ำหนึ่งยืนยันว่าออกจากที่ทำงานแล้วจะกลับบ้านเลย
อยู่แล้วก็กวนแกเปล่าๆ เพชรน้ำหนึ่งยังใจเย็นผิดปกติกับอาการเป็นเดือดเป็นร้อนของเพื่อน
ทำอย่างกับแกแคร์งั้นแหละ แกไม่ใช่พวกขี้แกรงใจซะหน่อย
นังจา ให้มันน้อยๆหน่อยย่ะ เห็นฉันเครียดเลยกะหลอกด่าหรือไง! เพชรน้ำหนึ่งชักขมวดคิ้ว ฉันแค่ไปหาทิงเจอร์มาราดแผลเฉยๆจะได้หายเร็วๆ ฉันรำคาญตัวเองเต็มทนแล้ว
แกจะบ้าเหรอหนึ่ง ปลายสายยังไม่เลิก แกไม่ควรกลับไปที่นั่นเด็ดขาด เดี๋ยวได้บ้าตายไม่ต้องหลับต้องนอนกันพอดี เมื่อคืนนี้แกยังพลิกซ้ายพลิกขวา ปลุกฉันไม่ต้องนอนเป็นเพื่อนกับแกอยู่เลย แล้วแบบนี้จะกลับไปหาสวรรค์วิมานอะไรยะ!
เออ ช่างฉันเถอะ เพชรน้ำหนึ่งยังไม่เปลี่ยนใจ แกไม่ต้องห่วงหรอก ฉันอยู่คนเดียวได้ ไม่กินยาตายให้เป็นข่าวหน้าหนังสือพิมพ์หรอก
ฉันรู้ว่าแกไม่ทำอย่างนั้นหรอก จาซินดาเอ่ยอย่างมั่นใจ คนอย่างแกถ้าจะคิดฆ่าตัวตาย ฉันว่าแกคงเอาเวลานั้นไปวางแผนฆาตกรรมพี่เมฆมากกว่า
นี่นังจา หญิงสาวชักเสียงเขียว เป็นแกแกจะฆ่าตัวเองทิ้งหรือเปล่าล่ะ
อย่างฉันน่ะเหรอ เฮอะ ปลายสายทอดเวลานิดหนึ่ง คนที่ฉันจะฆ่าทิ้งไม่ใช่ตัวเองแน่นอน
ปากดี ถ้าแกเจอเข้ากับตัวจะยังพูดแบบนี้อีกหรือเปล่า เพชรน้ำหนึ่งเริ่มหมั่นไส้
อย่างฉันมีแต่หักอกชาวบ้านย่ะ! เพื่อนสาวเอ่ยเสียเรียบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่มันสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว เมื่อคืนแกก็วางยาให้ฉันไม่ได้นอนแล้ว วันนี้ฉันจะนอนแล้ว แกอยากทำอะไรก็ทำไปเลย
แต่ถ้ามีอะไรแกโทรหาฉันตลอดเลยนะ ยังไงฉันก็รับแน่ๆถึงแกจะทำให้ฉันไม่สวยตอนเช้าก็เถอะ
ไว้ฆ่าตัวตายจริงแล้วจะโทรไปบอก
เพชรน้ำหนึ่งต้องการแค่กลับมาเผื่อว่าจะเจอเจ้าของห้อง หวังลึกๆว่าอาจจะ บังเอิญ เจอกันแล้วจะได้มีโอกาสได้คุยบ้าง เพียงแค่ความรู้สึกชั่ววูบที่พูดไปด้วยแรงอารมณ์น้อยใจ หากเขารักเธอบ้างคงไม่เงียบงันแล้วก็ยอมรับโดยดุษฎีง่ายๆเช่นนั้นหรอก หลายวันก็แล้ว เป็นอาทิตย์ก็แล้วกลับไร้เงาของเขา เสียงโทรศัพท์ก็ไม่มีเลยสักครั้งจนต้องนอนรอจนน้ำตากลบหน้าก็ยังไม่มีวี่แววของเขาราวกับเขาเป็นเพียงความฝัน ปราศจากตัวตนที่แท้จริง แต่จะให้เธอซึ่งเป็นคนเอ่ยปากบอกเลิกเองแล้วจะให้ตากหน้าไปคุยกับเขาก่อนน่ะหรือ
คนอย่างเธอทำแบบนั้นไม่ได้หรอก!
จริงอย่างที่เพื่อนเตือนไว้ เธอจะกลับมาที่นี่ทำไมให้เสียใจอีกทั้งที่รู้ว่าเขาไม่น่าจะกลับมาที่ห้องนี้อีก แต่เธอก็ไม่ฟังสันชาตญาณของตัวเอง ดื้อรั้นจะกลับมาแล้วสุดท้ายก็ต้องกลายเป็นความเสียใจอีกครั้งจนได้...
เพชรน้ำหนึ่งตัดสินใจขับรถออกจากห้องพักที่เต็มไปด้วยความทรงจำนั่นอีกครั้ง ตรงกลับบ้านหลังใหญ่บนถนนใจกลางเมืองที่เธอเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ไม่กี่นาทีบนท้องถนน รถยนต์ของเธอก็โฉบลัดเลาะตามซอยหมู่บ้านมาถึงทางเข้าหน้าประตูใหญ่ คนรับใช้เก่าแก่ของพ่อก็เมียงมองแล้วรีบออกมาเปิดประตูให้ทันที
ขอบใจนะลุง หญิงสาวเปิดกระจกยิ้มให้เนือยๆ
คิดไม่ถึงว่าเป็นคุณหนึ่งเลยครับ ชายวัยกลางคนซึ่งศีรษะหงอกเต็มหัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดีแม้หน้าตาจะงัวเงียอยู่บ้าง แต่นี่บ้านเงียบหน่อยนะครับ คุณผู้หญิงไม่อยู่
ฉันรู้แล้วล่ะ แล้วนี่ป้าเยาหลับไปแล้วใช่ไหม
ครับ อีกฝ่ายรับ
เธอไม่ได้พกรีโมทเปิดประตูไว้ในรถเพราะแทบไม่ได้กลับมาที่บ้านนี้เท่าไร เพชรน้ำหนึ่งพารถไปจอดที่โรงเก็บรถ รถยุโรปคันหนึ่งที่จอดเอาไว้อยู่ก่อนแล้วคันหนึ่งเป็นของมารดาเธอ ส่วนอีกคันหนึ่งหญิงสาวแทบไม่ต้องเดาเพราะคนที่อยู่บ้านหลังนี้ก็เหลืออยู่แค่คนเดียวเท่านั้น
เพชรน้ำหนึ่งพาตัวเองขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว เธอไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว สำหรับคืนวันศุกร์แบบนี้ขอให้พักได้เต็มตาสักทีเถอะเพราะนับรวมเวลาสามวันที่ผ่านมา เธอยังนอนไม่ถึงสิบชั่วโมงด้วยซ้ำ นั่นอาจส่งผลร้ายแรงให้แก่ผิวของเธอได้เหี่ยวก่อนวัยพอดี
หวังว่าพรุ่งนี้คงจะดีกว่านี้
*อยากหลับตาอยู่อย่างนั้น ทำอยู่อย่างนั้นฝันถึงเธอเรื่อยไป รู้ว่าความจริงไม่มีทางใด ทำให้เราได้รักกัน...
เพชรน้ำหนึ่งลืมตานอนฟังเพลงอยู่บนเตียงผ้าปูสีเทา เพียงแค่ลืมตาขึ้น น้ำร้อนๆก็รินไหลลงจากหางตาลากยาวลงมาถึงแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่แม้แต่จะเช็ดออก ความรู้สึกและไออุ่นของคนที่เคยอยู่ข้างกายมาตลอดเหลือแต่ความเย็นว่างเปล่า ความเดียวดายเข้าจู่โจมนับตั้งแต่เธอลืมตาตื่นขึ้นแต่ละวันจนหญิงสาวไม่แน่ใจว่าจนถึงตอนนี้ ในเวลานี้เลือดในกายของตนเองยังไหลเวียนอยู่หรือเปล่า หัวใจยังมีแรงเต้นอยู่หรือไม่
ทำได้แค่นั้น ทำได้แค่นี้ ทำได้เพียงแค่ฝัน ต้องหลอกตัวเองฝันไปวันๆ ไม่มีทางที่ฝันมัน จะเป็นจริง...
* เรื่องบนเตียง พีซ เมคเกอร์
ร่างบางถอนใจลุกขึ้นเดินไปปิดสเตอริโอซึ่งเปิดเพลงทิ้งไว้ทั้งคืน เธอเริ่มติดเจ้าเสียงเพลงขับกล่อมในตอนกลางคืนนี้นับตั้งแต่อยู่ร่วมชายคาเดียวกับคนรัก เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของเขาซึ่งบางครั้งเพชรน้ำหนึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงโดนใจเขานักหนา แต่พอรู้ตื้นลึกหนาบางเข้าจริงๆ เธอเข้าใจถ่องแท้ถึงความหมายที่ตรึงใจเขาอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับที่เธอกำลังเผชิญหน้ากับความรู้สึกนี้
เพชรน้ำหนึ่งสูดหายใจลึกถอนใจยาว ฮึดขึ้นมาเพื่อทำตัวให้กระฉับกระเฉงรับอรุณรุ่งของวันใหม่ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะนั่งระลึกถึงความหลังครั้งเก่าที่จะทำให้ตัวเองเจ็บช้ำทวีคูณ
หญิงสาวเดินหิ้วรองเท้าลงมาชั้นล่างแล้ววางลงที่ปลายบันได แวบแรกเธอรู้สึกว่าบ้านของตนเองโล่งเกินไปจริงๆ ผนังทุกอย่างเป็นสีนวลดูสบายตา พื้นที่ในบ้านไม่ได้แบ่งด้วยผนังว่าห้องนี้เป็นห้องรับแขก ห้องนี้เป็นห้องอาหาร แต่แบ่งด้วยผืนพรมกับตู้โชว์จึงเห็นเป็นพื้นที่กว้างขวางมากกว่าปิดทึบแต่ก็ดูอบอุ่น ความกว้างเกินที่ว่านี้เองที่ทำให้บ้านหลังนี้ยิ่งชวนให้รู้สึกโดดเดี่ยวมากไปกว่าเดิม
บ้า...เธอสัญญากับตัวเองแล้วไงว่าจะไม่คิดอะไร เดี๋ยวปวดหัวอีก (อดกินโมจิไปสี่ปีกันพอดี)
ป้าเยา ป้าอยู่หรือเปล่าน่ะ เพชรน้ำหนึ่งตะโกนก้องในห้องรับแขก
เงียบ...ไม่มีใครออกมาตามเสียงเรียก
ป้า! ได้ยินเสียงหนึ่งไหม เพชรน้ำหนึ่งยิ่งตะโกนดังขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างขัดใจ
คุณหนึ่ง! เสียงยินดีของหญิงสูงอายุคนหนึ่งดังขึ้นก่อนที่ตัวจะมาถึงเสียอีก
เพชรน้ำหนึ่งยืนมองร่างอวบหนาของแม่บ้านซึ่งอาศัยที่บ้านนี้มากว่าสิบปี ที่จริงในบ้านคงมีเด็กในบ้านคนอื่นๆอยู่เรือนหลังเล็กหรือไม่ก็ในครัว แต่ดูเหมือนจะได้รับการสั่งเป็นอย่างดีว่าเพชรน้ำหนึ่งจะไม่ชอบเห็นคนแปลกหน้าในบ้านนัก คนที่ออกมาเป็นด่านหน้าจึงต้องเป็นแม่บ้านคนนี้อยู่เสมอ
นางทำท่ายินดียิ่งนักราวกับเห็นลูกเห็นหลานกลับมาบ้านมากกว่าจะเห็นลูกสาวนายจ้างกลับมา หญิงสาวคิดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายดูจะไม่เข้าใจสถานะของตนเองเอาเสียเลย
คุณหนึ่งกลับมาตั้งแต่เมื่อคืนหรือมาเมื่อเช้าคะนี่ แล้วนี่ทานอะไรหรือยัง ป้าไม่รู้ว่าคุณหนึ่งจะมาเลยไม่ได้เตรียมของเช้าเอาไว้ นางเริ่มกังวลและเดินไปเดินมาเหมือนรู้สึกผิด
มีน้ำส้มขนมปังอะไรบ้างไหม เห็นปฏิกิริยาเป็นห่วงอย่างจริงใจเช่นนี้แล้ว อาการหงุดหงิดนั้นจึงบรรเทาลงบ้าง เหลือแต่เพียงคำถามตามเดิมอย่างที่ คุณหนึ่ง เป็น
มีค่ะๆ อีกฝ่ายกุลีกุจอทันที คุณหนึ่งเอาขนมปังเกรียมสองแผ่นเหมือนเดิมนะคะ เมื่อวานป้าเพิ่งซื้อส้มมาหวานเชียว โชคดีที่คั้นน้ำเอาไว้ เดี๋ยวป้ารีบเอามาให้คุณหนึ่งที่โต๊ะเลยค่ะ ว่าแล้วร่างอวบหนานั่นก็เดินตุ้บตั้บไป
ขนมปังและน้ำส้มในตอนเช้าทำให้ร่างกายเธอสดชื่นขึ้นมากกว่าที่คิด กินไปก็มองไปรอบๆบ้านแล้วถอนใจ บ้านใหญ่แต่ไม่มีใครอยู่ หญิงสาวได้ยินคร่าวๆว่างานที่ทำให้แม่ต้องไปต่างประเทศงานนี้จัดว่าเป็นงานใหญ่จนต้องลงทุนไปด้วยตัวเอง แม่ให้ความสำคัญกับงานนี้มากเสียจนไม่ยอมให้ลูกน้องคนอื่นไป บ้านถึงได้เงียบเหงาแบบนี้
บริษัท The Urban เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์หลายประเภท แต่ทุกคนส่วนมากจะรู้จักในฐานะโรงแรมชายทะเลมากกว่าอสังหาริมทรัพย์แบบอื่น โดยที่เพชรน้ำเอก...มารดาของเธอคือผู้กุมบังเหียนของบริษัทนี้ หญิงสาวเข้าใจว่ามารดาคงกำลังคิดวางแผนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตัวใหม่แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นโรงแรมตัวใหม่หรือคอนโดมิเนียมกันแน่จึงได้ไปหาผู้ร่วมทุนถึงสหรัฐฯ
อ้าว...คุณหนึ่ง กลับมาทำไม!
หือ...? เพชรน้ำหนึ่งซึ่งกำลังจมกับความคิดของตัวเองก็คิ้วกระตุกทันที
เสียงทุ้มๆแบบนี้...วาจากวนประสาทๆแบบนี้...
เธอลืมอีตานี่ไปได้ยังง้ายยยยยยย!
| จากคุณ |
:
peiNing
|
| เขียนเมื่อ |
:
17 ต.ค. 52 23:00:49
|
|
|
|