บาปปาริชาต ตอนที่ 2
|
|
ตอนที่ 2 สู่ประเทศไทย
แหวนวงนั้นสวมอยู่บนนิ้วมือเรียวบางนั่นหล่อนจำมันได้ติดตา มันมิใช่แหวนเลอค่านัก เป็นเพียงแหวนทองวงเล็กสลักลวดลายดอกไม้เป็นช่อเกาะเกี่ยวกัน ที่กึ่งกลางเกสร มีพลอยสีแดงประดับอยู่ สะท้อนแสงจันทร์เดือนแรมวิบวับดังแสงหิ่งห้อยในความมืด เมื่อเจ้าของแหวนยกสองมือขึ้นจากหลุมดินไขว่คว้าตะกายอากาศเบื้องบน...
นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่หล่อนเห็น ก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจจนหมดสติไป...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มิสึสึสะดุ้งขึ้นมาสุดตัวเมื่อแอร์โฮสเตสเอื้อมมือมาสัมผัสร่างหล่อนเพื่อปลุกให้ตื่น หญิงสาวในชุดเครื่องแบบพนักงานสายการบินคลี่ยิ้มหวานก่อนจะกล่าวกับหล่อน
อีก 15 นาที เราจะนำเครื่องลงที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วนะคะ ช่วยรัดเข็มขัดด้วยนะคะ มิสึสึพยักหน้ารับ หล่อนหลับไปเมื่อใดไม่ทันรู้ตัว
เวลา 6 ชั่วโมงจากสนามบินนาริตะสู่สุวรรณภูมินั่นมากพอจะทำให้หล่อนอ่อนเพลีย ด้วยความคิดที่กระจัดกระจายความวิตกกังวลก่อตัวขึ้นเต็มไปหมด มิสึสึคิดว่าการที่หล่อน ตัดสินใจมาที่นี่อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่หล่อนคิดไม่ออกแล้วว่าจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร และถ้าปล่อยเรื่องนี้ให้ยืดยาวออกไปมากกว่านี้ล่ะก็ ชีวิตของหล่อนคงหม่นหมอง แค่ยี่สิบเอ็ดปีที่ผ่านมาในห้วงฝันร้ายก็เกินพอแล้ว
หลังเกิดเรื่องยูอิจิกับคาโอริขึ้นก็เป็นแรงผลักดัน ให้หญิงสาวคิดจะจัดการเรื่องนี้ อย่างเป็นจริงเป็นจังเสียที เมื่อแรกหล่อนเศร้าเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก และยังอับอายเพื่อนๆ ร่วมคณะด้วย หล่อนจึงเก็บตัวอยู่บ้านหมดกะจิตกะใจจะไปเรียน เพราะไม่อยากเป็นตัวตลกให้ใครหัวเราะเยาะ ป่านนี้คาโอริคงกระจายข่าวไปทั่วแล้ว
และด้วยวาทศิลป์ของหล่อนคงไม่ยากที่จะเล่าเรื่องทั้งหมด ให้ภาพออกมาเป็นอย่างที่ ต้องการได้ คาโอริก็คงกลายเป็นนางเอกในเรื่องราวนั้น ส่วนมิสึสึก็คงเป็นแค่ผู้หญิงงี่เง่า ไร้สาระ และหญิงสาวเองก็มองว่าทุกคนไม่ค่อยชอบตนเองอยู่แล้ว ด้วยความที่เป็น คนเงียบๆ ไหนเลยจะน่าเชื่อถือเท่าคนช่างคุยได้
แค่คิดก็ท้อเสียแล้ว นอกจากไม่มีกำลังใจแล้วยังโกรธพวกเขาสองคนที่ร่วมมือกัน ทรยศหักหลังหล่อน ทั้งโกรธตัวเองที่ไม่สามารถตัดความเครียดเรื่องความฝันจนมัน ลามมาถึงชีวิตจริงได้ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะตนเองเปิดช่องว่าง หากหล่อนเมิน เรื่องฝันร้ายได้ หากหล่อนเป็นมิตรกับคนอื่นมากกว่านี้อีกหน่อย หากหล่อนสนใจ ความรู้สึกของยูอิจิมากกว่ากลัวความฝันของตนเองอีกสักนิด คาโอริไม่มีทางเข้าแทรก ได้เด็ดขาด
คนผิดไม่ใช่ใครเลย...แต่เป็นเธอนี่แหละ...มิสึสึ
มิสึสึมองดูเหตุการณ์ทุกอย่างแล้ว หล่อนคงไปแก้ไขความคิดของยูอิจิกับอดีตเพื่อนรัก ไม่ได้ และถึงเป็นคนอื่นเขาก็คงจะเบื่อหล่อนเหมือนยูอิจินั่นแหละ หญิงสาวจึงตัดสินใจ แก้ไขที่ตนเอง
ฉันไม่อยากเป็นคนน่าสมเพชอีกต่อไป ฉันจะต้องเป็นอิสระจากฝันร้ายนี่เสียที... หล่อนบอกตนเองแบบนั้น
ดูเหมือนสายลมแห่งโชคชะตาจะพัดมาทางหล่อนบ้างแล้ว คอมพิวเตอร์ที่เปิดออนไลน์ ค้างไว้ส่งสัญญาณว่ามีเมล์เข้ามา หญิงสาวพลิกตัวขึ้นจากเตียงนอนขยับไปหน้า คอมพิวเตอร์ จึงพบว่าเป็นอีเมล์เตือนเมื่อมีคนตอบกระทู้ของหล่อน นิ้วมือเรียวคลิก เข้าไปทันที
นั่นมัน...
หน่วยน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมายังดวงตาคู่สวยทันทีอย่างไร้สาเหตุ อย่างน้อยโลกก็ไม่ได้เย็นชา กับหล่อนนัก แม้จะไม่รู้จักกันแต่หลายคนในอินเตอร์เน็ตยังพยายามช่วยหาสถานที่ต่างๆ มาให้หล่อนดู
มิสึสึไม่ได้บอกเล่าความฝันออกไปทั้งหมด รวมถึงความรู้สึกหวาดกลัวต่อความฝันนั้นด้วย หล่อนเพียงแต่เล่าว่าฝันซ้ำๆ ถึงคนเดิมๆ สถานที่เดิมๆ ซึ่งทำให้อยากจะค้นหาขึ้นมาว่าสถานที่ เหล่านี้มีอยู่จริงหรือไม่ คนพวกนั้นอาจไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับหล่อน พวกเขาอาจจะแค่รู้สึก ตื่นเต้นเหมือนยูอิจิในระยะแรกๆ แต่ก็ทำให้มิสึสึรู้สึกดีขึ้นที่ไม่ได้เสาะหาหนทางอย่างโดดเดี่ยว
ภาพที่ปรากฏให้เห็นบนจอ เป็นภาพถ่ายสถานที่แห่งหนึ่งในประเทศไทย ที่เจ้าของรูปแนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว และบอกเล่าความประทับใจและรายละเอียดต่างๆ รูปถ่ายพวกนั้นไม่ได้มี อะไรใกล้เคียงสถานที่ในฝันนัก แต่มีอะไรบางอย่างสะดุดความรู้สึก
ภาพตะไคร่น้ำสีเขียวเกาะตัวอยู่บนบันไดหินทอดยาวเป็นทางเดินแคบๆ ขึ้นสู่ภูสูง รอบด้าน ยังรกรื้อไปด้วยใบไม้สีเขียวสด ตัดกับราวบันไดที่ทำจากกิ่งไม้ขนาดใหญ่ตอกต่อกันอย่างหยาบๆ ภายในภาพยังมีแมวดำตัวหนึ่งนั่นอยู่บนขั้นบันไดด้านบน
<ผมไม่รู้ว่าที่ที่คุณตามหาอยู่คือที่นี่หรือเปล่า? แต่ผมได้ไปเที่ยวที่นี่มา เป็นวนอุทยาน ที่ยังไม่เปิดตัวสู่โลกภายนอกเต็มที่จึงไม่ค่อยมีคนมานัก มันจึงยังคงความสวยงาม ข้างบนเขานั่นมีถ้ำลึกอยู่ และระหว่างทางก็มีเจดีย์เก่าแก่ด้วย มันดูสงบจนวังเวง จนทำให้คนที่กลัวผีนึกเสียวสันหลังได้เลยเชียวล่ะ>
มึสึสึเลื่อนสกอลบาร์ลงมาดูภาพถัดมา เป็นภาพสถูปฐานเหลี่ยมซ้อนสามชั้นมียอดสูง เป็นทรงดอกบัวตูม หล่อนบอกตนเองว่ามิตรทางอินเตอร์เน็ตนั้นกล่าวผิดแล้ว นั่นไม่ใช่ เจดีย์แต่เป็นสถูปแต่ไม่อาจตอบได้ว่าทำไมตนเองถึงจำแนกออกได้ทั้งที่ไม่มีพื้นความรู้ มาก่อน
สถูปนั้นแทรกอยู่กลางดงไม้เขียวขจีมีลักษณะเก่าคร่ำคร่าเศษอิฐเศษปูนกระเทาะ แตกออกมาบางส่วน สีหม่นๆ รอบตัวสถูปนั่นบ่งบอกว่าเคยเป็นสีขาวมาก่อน แต่เมื่อผ่านกาลเวลาและขาดการดูแลรักษาจึงมีภาพเช่นในรูป
<นี่คือวนอุทยานนางครวญ มีเรื่องเล่าว่ากันในสมัยโบราณว่าตอนกลางคืน มักมีคนได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้คร่ำครวญ ชาวบ้านละแวกนั้นกลัวก็เลย สร้างเจดีย์ขึ้นที่นี่เพื่อแก้อาถรรพ์ รวมถึงเอาพระพุทธรูปไปใส่ไว้ในถ้ำข้างบน เขาด้วย บางทีก็มีนักบวช (คนไทยเรียกว่าพระ) ในศาสนาพุทธ เข้ามาเก็บตัว ในถ้ำนี้>
ภาพต่อมาเป็นตัวผู้เล่าเองเรื่องโพสถ่ายที่หน้าถ้ำ เบื้องหลังเป็นปากถ้ำสูงใหญ่ ละลานตาไปด้วยหินงอกหินย้อยที่เคลื่อนคล้อยลงมาจากผนังด้านบน รูปทรงต่างๆ บ้างก็คล้ายเกลียวคลื่นที่หยุดชะงักค้างลงกลางอากาศ บ้างก็คล้ายร่างของงูตัวใหญ่ ที่โผนร่างลงมาจากเพดาน
<ถ้ำนางครวญ เป็นถ้ำที่มีหินยอกหินย้อยอยู่มาก และหินบางก้อนก็สะท้อนแสง แวววาวสวยงามมาก เสียดายกล้องของผมถ่ายภาพในที่มืดได้ไม่ค่อยดีนักเลย ไม่สวยเท่าไร นอกจากหินย้อยแล้วในถ้ำมีค้างคาวอยู่เยอะแยะเลย>
ภาพต่อๆ มานั้น เป็นภาพของสัตว์ปีกสีดำเกาะอยู่บนเพดานถ้ำเป็นจำนวนมาก มองไกลๆ ราวกับว่าค้างคาวพวกนั้นลวดลายของหินผาก็ไม่ปาน หญิงสาว ไม่ให้ความสนใจกับภาพที่เหลือเท่าไรนัก แต่เมื่อย้อนกลับมาดูภาพข้างบน โดยเฉพาะภาพสถูปโบราณนั้นมีบางอย่างดึงดูดความรู้สึกอย่างรุนแรง
มิสึสึอธิบายไม่ได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ในความฝันของหล่อนไม่เคยมีสถูปนี้ ปรากฏอยู่ แต่คลับคล้ายกับว่าเคยเห็นที่ใดมาก่อนเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว อาณาบริเวณ ในภาพถ่ายเป็นไปตามแสงในช่วงกลางวัน ไม่ใช่ภาพความมืดของคืนเดือนแรม ที่เห็นจนเจนตาในความฝัน ไม่มีสิ่งใดใกล้เคียงมากนักแต่จิตของหล่อนยังจดจ่อ อยู่กับสถานที่นี้อย่างรุนแรง จนหญิงสาวตัดสินใจเชื่อในสัญชาติญาณของตนเอง จิตวิญญาณที่อยู่ลึกเข้าไปภายในร่างบอกว่าต้องไปที่นี่ มิสึสึจึงเมล์ไปหาเจ้าของ รูปถ่ายเหล่านั้นเพื่อขอที่ตั้งสถานที่
วนอุทยานนางครวญ ตั้งอยู่ในจังหวัดลำปางอันเป็นดินแดนทางตอนเหนือของ ประเทศไทย ข้อมูลเหล่านี้เชื่อมต่อจากข้อมูลเดิมเรื่องเสื้อผ้าทางเหนือที่เคยรู้มาก่อน ทำให้หญิงสาวค่อนข้างแน่ใจ หล่อนตัดสินใจเดินทางไปประเทศไทยในนาทีนั้นเอง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 02:11:52
| จากคุณ |
:
แก้วกังไส
|
| เขียนเมื่อ |
:
19 ต.ค. 52 02:08:40
|
|
|
|