ความคิดเห็นที่ 1 |
เพราะเสียงหัวใจบอกให้มีกันและกัน ทรายสีชมพู *ถ้าบอกว่าเพลงนี้ แต่งให้เธอ เธอจะเชื่อไหม
มันอาจไม่เพราะ ไม่ซึ้งไม่สวยงามเหมือนเพลงทั่วไป
อยากให้รู้ ว่าเพลงรัก ถ้าไม่รัก ก็เขียนไม่ได้
แต่กับเธอคนดีรู้ไหม ฉันเขียนอย่างง่าย...ดาย
เธอคงเคยได้ยินเพลงรักมานับร้อยพัน
มันอาจจะโดนใจ แต่ก็มีความหมายเหมือนๆ กัน
แต่ถ้าเธอฟังเพลงนี้ เพลงที่เขียนเพื่อเธอเท่านั้น
เพื่อเธอเข้าใจความหมายแล้วใจจะได้มีกันและกัน
เสียงเพลง * กันและกัน ของวงฟลัว ที่เปิดดังมาจากวิทยุ
คลื่นโปรดของฉัน ทำให้ฉันและใครอีกหลายคนที่ยังคงนอนไม่หลับ ต้อง
นอนอมยิ้มไปตามๆ กัน ด้วยความหวานของเพลง และทำนองที่จับหัวใจ
ของคนที่มีความรักเอาไว้ด้วยกัน เปล่า..ไม่ใช่ว่าฉันไม่ง่วงนอน แต่ฉันนอน
ไม่หลับต่างหาก เนื่องจากพรุ่งนี้เช้าเป็นวันก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยวันแรก
ของเด็กต่างจังหวัดอย่างฉันผู้ซึ่งเดินทางเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ ด้วยทุน
การศึกษาของมหาวิทยาลัย จากอานิสงส์ของเกรดเฉลี่ย 4.00 จากมัธยม
ปลาย
หลังจากที่พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงอย่างนั้นจนดึกแล้วก็ผล็อย
หลับไป จะด้วยความง่วงงุนหรือไม่ก็ตาม หากฉันก็หลับตาพริ้มลงไปพร้อมๆ
กับเพลงหวานเมื่อครู่นี้แล้ว
---------------------------------------- *เพลง กันและกัน ของวงฟลัว
นอกจากเสียงเพลงที่ดังเป็นจังหวะแล้ว เหล่าบรรดานักศึกษารุ่น
พี่ที่มายืนรอรับรุ่นน้องก็ส่งเสียงเฮฮากันอย่างสนุกสนาน ทำให้บรรยากาศ
วันปฐมนิเทศของเฟรชชี่จากคณะต่างๆ ดูคึกคักเป็นพิเศษเฉกเช่นทุกปี ฉัน
เดินเข้าสู่ประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังซึ่งเลือกแล้วว่าจะใช้ชีวิตทั้ง
สี่ปีอย่างคุ้มค่าที่สุด ฉันเดินตามทางมาเรื่อยๆ จนเห็นป้ายคณะนิเทศศาสตร์
อยู่ไกลๆ โดยมีรุ่นพี่ตัวโตๆ ชูไว้เหนือศรีษะ ราวกับจะคอยต้อนน้องๆ ก็ไม่
ปาน เสียงโหวกเหวกตะโกนถามฉันขึ้นเมื่อเดินไปถึง
น้องคณะอะไรครับ นิเทศหรือเปล่า
ฉันส่งยิ้มไปให้ก่อนจะตอบว่า นิเทศค่ะ เท่านั้นพี่ๆ ก็กรูกันมาล้อมหน้าล้อม
หลังอย่างสนุกสนาน ฉันได้รับป้ายชื่อมาคล้องคอ แล้วรุ่นพี่คนหนึ่งก็พาฉัน
ขึ้นไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่ห้องประชุมซึ่งมาถึงก่อนหน้านี้แล้ว
หลังจากที่ฉันได้เข้ามาในห้องเพื่อรอเพื่อนๆ ในสาขาวิชาเดียว
กัน นอกจากเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่หกตัวที่ทำเอาเย็นฉ่ำจนหายจาก
ความร้อนแล้ว ก็ได้พบกับเพื่อนใหม่มากมาย ฉันหันไปทักทายเพื่อนใหม่
ด้วยรอยยิ้มทางซ้ายทีขวาทีและก็ได้รับมิตรภาพใหม่ๆ กลับคืนมาเช่นเดียว
กัน
เอาล่ะน้องๆ คะตอนนี้พี่จะขอตัวแทนน้องปีหนึ่งไปประกวดดาว-
เดือน หนึ่งคู่นะคะ พี่เอ๋รุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อนจะสแกนสายตาไปรอบๆ
ห้องแล้วจึงชี้ไปยังผู้หญิงที่นั่งแถวถัดจากฉันไปประมาณสองแถวและผู้ชาย
อีกคนซึ่งนั่งอยู่แถวหลังสุด
พี่เลือกน้องสองคนนี้แล้วกันนะคะ หญิงสาวที่ถูกเลือกดูหน้า
ตาสวย ท่าทางเปรี้ยวจี๊ด รูปร่างสูงโปร่ง ผมดัดเป็นลอนย้อมเป็นสีทองขับ
เธอให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ส่วนชายหนุ่มคนนั้นก็...ก็ดูดีนะ ไม่สิ ดูดีทีเดียว
ด้วยส่วนสูงเกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตร ผิวที่ค่อนข้างขาว (แม้จะโดนแดด
เผาไปนิด) กับลักยิ้มที่ข้างแก้มและผมที่ยุ่งนิดๆ อย่างคนไม่ได้ใส่ใจจะทำให้
หล่อเหลาอะไร นั่นยิ่งทำให้เขาเป็นผู้ชายที่สะดุดตาของใครหลายๆ คน...
......................................................
เช้าวันแรกของการมามหาวิทยาลัยของผม แม้ว่าผมจะตื่นสาย
ไปหน่อย (ไม่ได้ตื่นเต้นนะครับ) แต่ก็ยังมาทันเวลาปฐมนิเทศของเฟรชชี่
คณะนิเทศศาสตร์ล่ะนะ เนื่องจากวันนี้ผมตื่นสายก็เลยไม่ทันได้สำรวจตัวเอง
เลยออกจะเซอร์ไปนิด ผมเผ้าก็ยุ่งๆ เน็กไทก็ผูกไม่เข้าที่ แต่ก็ออกจาก
บ้านมาทั้งอย่างนั้นแหละ (แต่น้องสาวผมกลับบอกว่าหล่อดีแฮะ)
มาถึงมหาวิทยาลัยได้ด้วยบริการรถโดยสารขนส่งมวลชน
กรุงเทพฯ ก็ไปลงทะเบียนที่คณะแล้วพวกรุ่นพี่ก็นำเอาป้ายชื่อ น้องโจ้ มา
คล้องที่คอผม แต่ที่ไม่เหมือนใครคือใต้ชื่อของผมมีวงเล็บว่า คนนี้จอง
แล้ว ซะอย่างนั้น หลังจากนั้นผมก็ถูกรุ่นพี่พามารวมกลุ่มกับเพื่อนใหม่
ผมนั่งอยู่อย่างนั้นเพราะยังไม่รู้จักใครจึงยังไม่ได้คุยกับใครสัก
คน เลยพอมีเวลาสำรวจเพื่อนร่วมชะตากรรมของผมในอีกสี่ปีข้างหน้า สาย
ตาก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้ผมสะดุดอยู่ตรงนั้น อาจเพราะหน้า
ใสๆ ดวงตากลมโตบวกกับแก้มป่องๆ ของเธอ (อ้อ! ที่ป้ายห้อยคอเขียนว่า
เธอชื่อ วา) ทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่น่ารักทีเดียว
ผมตื่นจากห้วงความคิดทันทีที่เพื่อนสะกิดให้ลุกขึ้นเดินตามรุ่นพี่ผู้หญิงคน
หนึ่งออกไปข้างนอกเพื่อทำอะไรบางอย่าง อ๋อ! ประกวดดาว-เดือนอะไรนั่น
ล่ะ ......................................................
นี่ วา เมื่อตะกี้นี้ฉันเห็นนายนั่นแอบมองเธอด้วยแหละ กะแตก
ล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะที่เราเลิกเรียนวิชาแรก
ใครน่ะ ตาคนนั้นของเธอ ฉันถามด้วยความแปลกใจ
ก็ตาโจ้ ที่เป็นเดือนของคณะไงเล่า นี่ฉันเห็นนายนั่นมองเธอ
บ่อยๆ ด้วยล่ะ สงสัยจะแอบปิ๊งเธอเข้าแล้ะล่ะ
จะบ้าเหรอ ที่นี่คนสวยๆ เหมาะสมกับเขาเยอะแยะ จะมาสนใจ
อะไรกับฉัน ขนลุก ฉันรีบปฏิเสธ ก็แหมมันจะเป็นไปได้อย่างไรก็เขาดูดี
ขนาดนั้น ทั้งรุ่นพี่ รุ่นเดียวกัน ทั้งในและนอกคณะพากันชอบเขาเกรียวไป
หมด
มันก็ไม่แน่หรอกนะ เพื่อนเราก็น่ารักใช่ย่อยที่ไหน ยัยแตยัง
ไม่เลิกพล่าม จนฉันรีบตัดบท
พอเลยแก ถ้ายังไม่หยุดฉันไม่คุยด้วยแล้วนะ พูดจบฉันเลย
จ้ำอ้าวนำหน้าไปก่อนปล่อยให้เพื่อนเดินหัวเราะคิกคักตามมา
......................................................
ผมนั่งเรียนวิชาแรกของชีวิตนักศึกษาด้วยความรู้สึกดีๆ คงเป็น
เพราะผมเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ด้วย เลยทำให้ผมมีความสุขกับการได้มา
เรียนอะไรที่ตัวเองชอบและค่อนข้างถนัด คือผมเป็นนักร้องครับ ผมร้อง
เพลงมาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม ผมเป็นนักร้องนำประจำวงดนตรีที่เล่นใน
โรงเรียนครับ แล้วผมก็ชอบเล่นกีตาร์เป็นชีวิตจิตใจเลย ที่สำคัญที่สุดวันนี้
ผมได้แอบมองหน้า วา ด้วยแหละ เธอคงไม่รู้หรอกเพราะเธอตั้งใจเรียน
มากๆ เลย ส่วนผมน่ะหรือเป็นประเภทปฏิบัติปึ้กแต่ทฤษฎีแป้ก จนกระทั่ง
วิชาที่สองผมก็เข้าห้องเรียนสายจนที่นั่งด้านหลังเต็มหมดแล้ว (ซึ่งเป็นเรื่อง
ปกติของนักศึกษาที่มักจะเลือกที่นั่งจากแถวหลังก่อนไล่มาถึงแถวหน้า) จึง
ต้องมานั่งด้านหน้า ซึ่งเหลือที่ว่างตรงข้างๆ วาพอดี ผมจึงขอเข้าไปนั่งข้างๆ
เธอ
ขอนั่งตรงนี้ได้ไหมครับ ผมถามเธอ
ได้ค่ะ ยังไม่มีใครนั่ง เธอตอบพร้อมกับหยิบสมุดหนังสือที่
วางกองอยู่ตรงนั้นออกให้ผมนั่ง ทำเอาผมเขินไปเหมือนกันแฮะที่ได้มานั่ง
ใกล้ๆ กับคนที่ตัวเองแอบมองอย่างนี้ ชั่วโมงนี้ผมคงนั่งเรียนไปอมยิ้มไปแน่
เลย เฮ่อ!
......................................................
กะแตสะกิดฉันใหญ่หลังจากนายโจ้สุดหล่อของเธอมาของนั่ง
ข้างๆ ฉัน นอกจากสะกิดแล้วก็ยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกแน่ะ
ไง! เชื่อฉันหรือยังว่านายโจ้ต้องแอบปิ๊งเธอแน่นอน ยัยแตซึ่ง
นั่งอยู่อีกข้างทำกระซิบกระซาบกับฉัน
บ้าน่า เขาแค่ไม่มีที่นั่งต่างหากเล่า ฉันหาเหตุผลให้เขา
ไม่จริงหรอก ข้างๆ ยัยดาวคณะสุดสวยนั่นก็ว่าง ไม่เห็นเขาจะ
ไปนั่งเลย ยัยแตยังเถียงไม่เลิก จนฉันต้องเป็นฝ่ายเงียบไปเอง...แต่ก็ต้อง
ยอมรับว่าอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องที่เธอพูด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ล่ะ..อึ๋ย..
จากคุณ |
:
Seaja
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ต.ค. 52 22:12:40
|
|
|
|