Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เปิดตำรา ... ล่าหัวใจ (๕)  

เปิดตำรา ... ล่าหัวใจ (๑)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8384211/W8384211.html

เปิดตำรา ... ล่าหัวใจ (๒)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8396250/W8396250.html

เปิดตำรา ... ล่าหัวใจ (๓)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8412243/W8412243.html

เปิดตำรา ... ล่าหัวใจ (๔)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8433970/W8433970.html



.........




ฝากแค้น ...



การยืนทรงตัวด้วยจมูกเท้าเพียงข้างเดียวบนแท่นไม้ขนาด ๔ คูณ ๔ นิ้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผู้เข้าแข่งขันคู่แรกใช้วิธีการอุ้ม ผู้ชายกระชับแฟนสาวร่างเล็กไว้ในอ้อมกอด ก้าวขึ้นไปยืนบนแท่นไม้ กรรมการเริ่มจับเวลา ปรากฏว่าอยู่ได้เพียงแค่ ๔ วินาที ก่อนล้มกลิ้งกันลงมา ทั้งผู้ชมและผู้เข้าแข่งขันหัวเราะกันท้องขดท้องแข็ง


คู่ที่สองผู้ชายให้ผู้หญิงขี่หลัง แม้ต้องยืนเขย่งขาเดียว แถมแบกรับน้ำหนักผู้หญิงไว้ด้วย แต่ยังทรงตัวอยู่บนแท่นไม้ได้ถึง ๙ วินาที ถือว่าฝ่ายชายแข็งแรงพอสมควรเชียว แม้ขาที่ใช้เป็นหลักจะสั่นเป็นเจ้าเข้าก็ตาม  

เมื่อคู่ที่สองจบลง กฤตินซ้อมท่าที่จะยืนบนแท่น ให้เหมียวลองยืนเหยียบบนเท้าของเขา ปรากฏว่ามีอาการเซไปเซมาบ้าง แต่มือยังพอยึดกันไว้ได้ จากการซ้อมทั้งคู่มีความเห็นว่า น่าจะพอประคับประคองกันได้เกิน ๙ วินาที

เมื่อเริ่มการแข่งขัน กฤตินขึ้นไปยืนจัดความสมดุลของตัวเองก่อน เมื่อพร้อมจึงพยักหน้าให้เหมียวขึ้นไปเหยียบ เมื่อเหมียวก้าวขึ้นไป กรรมการเริ่มจับเวลา

ร่างของกฤตินและเหมียวโอนเอน เจียนไปเจียนอยู่ ผู้คนรอบเวทีช่วยลุ้น ผู้หญิงส่งเสียงวี้ดว้าย แต่เมื่อทั้งคู่ประคองตัวขึ้นมาตั้งตรงได้ เสียงปรบมือให้กำลังใจดังลั่น

เวลาผ่านไป... ต่างฝ่ายต่างยึดหัวไหล่ฝ่ายตรงข้ามไว้แน่น กลั้นใจนิ่ง เกร็งลำตัวถ่วงสมดุลกันไว้ ร่างทั้งคู่แนบชิด เมื่อสายตาประสานกัน กฤตินยิ้มปลอบประโลม

“อีกนิดเดียว” กฤตินกระซิบเสียงแผ่ว

เหมียวไม่ตอบ ไม่สบตา เบือนหน้าหนีไปทางนาฬิกาจับเวลา

ฉับพลัน!

เหมียวเสียการทรงตัว เอนไปข้างหลัง กฤตินพยายามเอนตัวถ่วงน้ำหนัก แต่เอาไม่อยู่เสียแล้ว เขาตัดสินใจก้าวตามลงไป ประคองร่างบางไว้ในอ้อมแขนก่อนที่หลังของเธอจะกระแทกพื้น อารามตกใจ เหมียวเผลอตัวกอดกฤตินไว้แน่น

วินาทีนั้นทั้งคู่จึงอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน

“๑๑ วินาที” พิธีกรประกาศก้อง “ขอเสียงปรบมือดังๆ ให้ผู้ชนะของเราด้วยครับ”

เสียงปรบมือดังกึกก้อง กฤตินประคองเหมียวลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้ขอบคุณทุกกำลังใจ


รางวัลที่ได้รับจากการแข่งขันคือ ที่พักสุดหรู ๓ วัน ๒ คืนบนเกาะสมุย

“พี่ยกให้เหมียวครับ”

“พี่กฤตเก็บไว้เถอะ เผื่อจะพาแฟนไป”

“ก็ดีเหมือนกัน” กฤตินทำตาเจ้าเล่ห์ “เก็บไว้ไปฮันนีมูน”

เหมียวหันขวับ “ฮันนีมูน?”

กฤตินยิ้มกรุ้มกริ่ม ไม่ตอบอะไร เดินหนีไปดื้อๆ



ภายในห้องพักรับรองพิเศษของโรงพยาบาล ผู้กองแมนยิ้มแป้น หน้าระรื่น มีความสุขผิดวิสัยของผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัด อาจเพราะก้านแก้วมาเยี่ยมตั้งแต่เช้า และอยู่ปรนนิบัติอย่างดี ทั้งบริการน้ำดื่ม ทั้งป้อนอาหารกลางวัน รวมถึงคั้นน้ำส้มเป็นของว่างในยามบ่ายเช่นนี้

ผู้กองแมนนึกขอบคุณเทพเจ้าแห่งความรัก ที่ช่วยดลบันดาลไม่ให้มีผู้ใดเข้ามาขัดจังหวะช่วงเวลาแห่งความสุขของเขา

“คุณเดชเป็นใครคะ ท่าทางสนิทกับแมนมาก” ก้านแก้วถามขึ้น หลังจากเดินไปล้างแก้วในห้องน้ำ

ผู้กองแมนจ้องตาก้านแก้ว เหมือนจะหยั่งลึกเข้าไปให้ถึงก้นบึ้งของหัวใจ ใจหนึ่งเขาไม่อยากเล่า แต่อีกใจหนึ่ง รู้สึกผูกพันกับเธอมาก มากเสียจนไม่อยากปิดบังอะไร

“ไอ้เดชเป็นเพื่อนรักของผมตั้งแต่เรียนอยู่เตรียมทหารฯ ด้วยกัน มันเป็นตำรวจสายสืบ ฝีมือดี มีอุดมการณ์ ๓ ปีก่อนมันได้รับมอบหมายให้แทรกตัวเข้าไปอยู่ในแก๊งอิทธิพล แต่ไม่รู้เพราะอะไร ตอนหลังมันกลับกลายไปเป็นโจรเสียเอง”

“น่าเสียดายนะคะ”

“ใช่ครับ น่าเสียดายมาก มันควรจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้” ผู้กองแมนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แววตาเศร้าหมอง

ก้านแก้วเดินมายืนตรงหน้าผู้กองแมน ยิ้มปลอบโยน “อย่าเสียใจเลยนะคะ อย่างไรเขาก็ไปดีแล้ว”

ผู้กองแมนยิ้มเนือยๆ “แต่ผมยังไม่ปักใจเชื่อนะ ว่ามันจะไปเป็นโจรเพราะสันดาน บาทีอาจจะมีเงื่อนงำบางอย่าง”

“แมนจะแก้ต่างให้เขา?” ก้านแก้วเลิกคิ้วถามในที

ผู้กองแมนพยักหน้า “ใช่ครับ หากไม่ผิดจริงผมไม่อยากให้ประวัติของมันด่างพร้อย”

ก้านแก้วยิ้มอ่อนโยน “แมนเป็นเพื่อนที่ดีค่ะ แก้วยินดีสนับสนุนเต็มที่ ถ้ามีอะไรที่พอจะช่วยได้ แก้วยินดีนะคะ ถือว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะทำเพื่อเขา”

ผู้กองแมนซาบซึ้งในน้ำใจของก้านแก้ว ทั้งคู่สบตากัน ต่างรู้สึกถึงอบอุ่นในหัวใจ แต่ก็เหมือนมีม่านบางๆ กั้นกลางขวางความรู้สึกส่วนนั้นไว้

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก้านแก้วผงะออกมาเล็กน้อย

“เป็นอย่างไรบ้างผู้กองคนเก่ง” กฤตินเอ่ยทักทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ผู้กองแมนกับก้านแก้วยกมือไหว้พร้อมกัน กฤตินยิ้มอย่างมีเลศนัย ทำทีพินิจพิจารณาใบหน้าของผู้กองแมน

“หน้าตาดูมีความสุขนะ ไม่เหมือนคนเพิ่งโดนยิง ดูท่าคงได้พยาบาลดี” กฤตินหันขวับไปทางก้านแก้ว “หรือไงครับน้องแก้ว”

กฤตินถามด้วยใบหน้าระรื่น แต่ยังไม่ทันได้คำตอบกลับต้องสะดุ้งโหยงเสียก่อน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเหยเกเพราะโดนเหมียวบิดเข้าที่เอวถนัดถนี่ ก้านแก้วกับผู้กองแมนหัวเราะร่วน

เหมียวเดินเข้าไปกอดน้องชาย ซบหน้านิ่ง ผู้กองหนุ่มกอดตอบพี่สาวแผ่วเบา

“เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อคืนพี่มาแมนยังไม่รู้สึกตัวเลย” เหมียวถามน้ำเสียงห่วงใย

“ไม่เป็นอะไรแล้ว” ผู้กองแมนตอบ เหลือบมองก้านแก้ว ยื่นหน้าเข้ากระซิบกระซาบกับพี่สาว “สงสัยจะได้พยาบาลดีอย่างที่พี่กฤตว่า”

เหมียวชำเลืองไปทางก้านแก้ว เห็นใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ บิดเอวน้องชายตัวดี “ไอ้เชื้อเจ้าเล่ห์นี่แพร่กันเร็วนักนะ”

ผู้กองแมนแสร้งร้องโอดโอยเสียงลั่น แต่เหมียวคงไม่เจตนาว่าเพียงแค่น้องชายเท่านั้น เพราะแอบจิกตามาทางกฤตินด้วย

กฤตินหัวเราะร่วน เอ่ยน้ำเสียงจริงจัง “เหมียวไม่เข้าใจ คนป่วยเนี่ย กำลังใจสำคัญมากนะ” ว่าแล้วหันไปหาก้านแก้ว

“หากน้องแก้วไม่ติดงานอะไรก็ช่วยสงเคราะห์ผู้กองเขาหน่อยเถอะครับ คิดเสียว่าสงสาร มีพี่สาวอยู่คนก็โหดร้ายป่าเถื่อน”

“พี่กฤต! ทำไมปากคอเราะร้ายนักนะ”

เหมียวกล่าวหาแล้วปราดเข้าไปบิดกฤตินเสียหลายดอก



ห้องที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะกลับกลายเป็นความเงียบเหงาเมื่อเหลือผู้ป่วยอยู่เพียงคนเดียว ผู้กองแมนหยิบหนังสือพิมพ์ที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอามาส่งให้ตั้งแต่เมื่อเช้าขึ้นมาดู

ใบหน้าของผู้ประสบเหตุในกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆ บนหน้าหนังสือพิมพ์ทำเอาผู้กองหนุ่มขนลุกซู่ รีบกวาดสายตาอ่านชื่อผู้ที่ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม

แม่กับน้องสาวของไอ้เดช!

ผู้กองแมนสนิทสนมกับทั้งคู่เป็นอย่างดี ไปมาหาสู่กันเสมอ กระทั่งไอ้เดชผันตัวเองไปเป็นโจร แม่กับน้องสาวของมันก็พลอยหายตัวตามไปด้วย

ผู้กองหนุ่มคิดว่าพอเข้าใจอะไรเลาๆ ขึ้นบ้างแล้ว รีบกดโทรศัพท์หาหมวดชาติ

“เข้ามาหาพี่ด่วน!”


ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น

หมวดชาติเปิดประตูห้องเข้ามา ผู้กองแมนรีบเอาหนังสือพิมพ์ให้ดู พร้อมทั้งบอกเรื่องที่กำลังสงสัยให้รุ่นน้องฟัง...

“พี่กำลังสงสัยว่าไอ้เดชไปเป็นโจรเพราะแม่กับน้องมันถูกจับเป็นตัวประกัน”

“คงต้องถามพี่เดช”

“ถามไอ้เดช?” ผู้กองแมนทวนคำพูด เหมือนไม่มั่นใจประสาทหูตัวเอง

“พี่เดชยังไม่ตายครับ ตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉิน แต่ก็พ้นขีดอันตรายแล้ว”

ผู้กองแมนยิ้มร่า ใบหน้าแช่มชื่น หรี่ตาเล็ก สั่งการทันที “เดี๋ยวเราปล่อยข่าวออกไปว่าไอ้เดชตายแล้ว พวกมันจะได้ชะล่าใจ ไม่อย่างนั้นไอ้เดชถูกเก็บแน่”

“ครับ” หมวดชาติรับคำ

“อีกเรื่อง เดี๋ยวชาติช่วยไปรับศพแม่กับน้องของไอ้เดชแทนพี่หน่อย เอาไปเก็บไว้ก่อน รอให้ไอ้เดชมันมาจัดการงานศพแม่กับน้องของมันเอง ทั้งชีวิตของมันก็มีแค่แม่กับน้องนี่แหละ”

“ไม่ต้องห่วงครับ” หมวดชาติรับคำมั่นเหมาะ ก่อนกดรับโทรศัพท์มือถือ “ ดีมาก เดี๋ยวผมไป”

หมวดชาติสบตาผู้กองแมน “พี่เดชฟื้นแล้วครับ”

ใบหน้าผู้กองแมนแช่มชื่น “มันอยู่ไหน”

“ในนี้แหละครับ”

“พี่ไปด้วย”

ผู้กองหนุ่มลุกจากเตียง ท่าทางกระฉับกระเฉง


เพียงไม่นาน สองมือปราบปรากฏตัวอยู่ห้องพักฟื้นของไอ้เดช เมื่อเข้าไปในห้อง ผู้กองหนุ่มตกอยู่ในสายตาที่จ้องเขม็งมาทันที

“เป็นอย่างไรบ้างวะ” ผู้กองแมนเอ่ยถาม

ไอ้เดชยิ้มด้วยปากถากด้วยตา “มรึงลองดูบ้างไหมล่ะ”

ผู้กองแมนอมยิ้ม “อึดเป็นวัวเป็นควายเลยนะมรึง”

“ไอ้เวร” ไอ้เดชสบถ หันไปหาหมวดชาติที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ปลายเตียง “ไงวะไอ้ชาติ”

หมวดชาติยกมือขึ้นไหว้ “สวัสดีครับพี่เดช”

“พวกที่มากับพี่มีใครรอดบ้าง” ไอ้เดชถามขึ้น

“ไม่มีใครรอดครับ” หมวดชาติตอบแบบสุภาพ

ไอ้เดชพยักหน้ารับรู้ เหม่อมองไปบนเพดาน “ไอ้พวกนั้นไม่ใช่คนเลว แต่ตายเสียได้ก็ดี หมดเวรหมดกรรมกันไป”

“อย่าเพิ่งห่วงคนอื่นเลยวะ ว่าแต่มรึงเถอะ เป็นห่าอะไรถึงริไปเป็นโจร” ผู้กองแมนถามขึ้น

ไอ้เดชจ้องเขม็ง หรี่ตาเล็ก แสยะยิ้ม “มรึงไม่ต้องเสือก กูมีเหตุผลของกู”

“มรึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า” ผู้กองแมนถาม

ไอ้เดชทำท่าจะยกขาขึ้นถีบ แต่เพียงแค่เกร็งขาก็เจ็บแปลบที่หน้าท้อง ต้องรีบวางลง “มรึงอย่าเสือกพูดอย่างนี้ กูจะชั่วจะเลวอย่างไรมรึงก็เป็นเพื่อน”

“แล้วมรึงเป็นห่าอะไร ทำไมไม่บอก”

“ก็กูไม่บอก” ไอ้เดชสะบัดเสียงตอบ เบือนหน้าหนี

“แม่กับน้องมรึงถูกจับเป็นตัวประกัน?” ผู้กองแมนจี้จุด

ไอ้เดชหันขวับ จ้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ “มรึงรู้ได้อย่างไร”

ผู้กองแมนไม่ตอบ ไอ้เดชหันขวับไปจ้องหมวดชาติ หมวดชาติหลบตา

“ชาติไปจัดการที่พี่สั่งให้เรียบร้อย” ผู้กองแมนพูดแทรกขึ้น พยักพเยิดหน้าให้หมวดชาติออกไป หมวดชาติก้าวฉับๆ ออกไปทันที

ไอ้เดชดึงชายเสื้อของผู้กองแมน ตะคอกถาม“แม่กับน้องกูอยู่ไหน”

ผู้กองแมนยื่นหนังสือพิมพ์ให้ ไอ้เดชรีบพลิกดูลวกๆ ก่อนจะหยุดนิ่งตรงภาพข่าวที่มีรูปแม่กับน้องสาวของตน

“กูจะไปฆ่าล้างโคตรมัน!!!” ไอ้เดชคำรามลั่น ลุกพรวดพราด

ผู้กองแมนรีบกดตัวไว้ “ไอ้เดช ใจเย็น!”

ไอ้เดชแค้นจนหน้ามืดเสียแล้ว ผลักผู้กองแมนจนกระเด็น ปลดสายโยงใยต่างๆ ที่แปะติดกับตัวออก ผู้กองแมนก้าวพรวดเข้าไป ไอ้เดชชกสวนมา ผู้กองแมนใช้ท่อนแขนดักไว้ ปล่อยหมัดเข้าเต็มกระโดงคางถนัดถนี่

ไอ้เดชทิ้งตัวลงบนเตียง ทอดอาลัยเหมือนคนตายทั้งเป็น น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน

“มรึงใจเย็นสิวะ ไปตอนนี้ก็เท่ากับรนหาที่ตาย” ผู้กองแมนเตือนสติ “แม่มรึงน้องมรึงก็เหมือนแม่กูน้องกู กูไม่ปล่อยให้ตายฟรีหรอก”

“มันฆ่าแม่กับน้องกู!” ไอ้เดชคำรามลั่น พยายามลุกขึ้นอีก แต่ผู้กองแมนโถมตัวกดไว้

การตายของแม่กับน้องสาวของไอ้เดช ผู้กองแมนเสียใจไม่ต่างกับสูญเสียญาติสนิทไปเช่นกัน แต่ต้องพยายามข่มใจเอาไว้ เพราะหากตอนนี้เขาไม่แสดงความเข้มแข็ง ไอ้เดชจะยิ่งเตลิดไปใหญ่  

“กูรู้ แต่ผลีผลามไปจะได้ประโยชน์อะไรวะ” ผู้กองแมนจ้องตาเขม่ง “ตั้งสติ ค่อยๆ คิด”

ไอ้เดชทิ้งตัวลงนอน สิ้นเรี่ยวแรง

จากคุณ : อริย์ธัช
เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 07:30:35




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com