Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อีกครั้ง  

อีกครั้ง

เบื้องหน้าที่ในยามปกติท้องน้ำจะสะท้อนเพียงความดำมืดและความว้าเหว่ไม่มั่นคงออกมาให้เห็น แต่ในคืนนี้มันกลับถูกแตะแต้มด้วยแสงไฟจากเปลวเทียนเล่มน้อยนับไม่ถ้วน

ท้องน้ำกระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ ส่งผลให้เปลวไฟลอยสูงๆ ต่ำๆ ตามจังหวะการไหวของสายน้ำ ราวกับว่าในเวลานี้มันต้องากรจะหยอกเย้าจันทร์นวลเต็มดวงอันงดงามบนฟากฟ้านั้น

สองปีแล้วที่ฉันแวะเวียนมาที่คุ้งน้ำแห่งนี้ จะด้วยแรงดึงดูดหรือจากอะไรก็ตามที ฉันไม่สามารถลบลืมและหนีไปจากสถานที่นี้ได้

ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากสองปีก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง ทั้งๆ ที่ในเวลานี้ฉันและเขาควรจะมีความสุขด้วยกันอยู่ในเขตบริเวณวัดที่ใครต่อใครต่างกันนำสิ่งประดิษฐ์สวยงามมาลอยเพื่อให้ความเคารพแก่พระแม่คงคา

แต่โศกนาฏกรรมเมื่อสองปีก่อนพรากเราสองจากกันตลอดกาล จากรอยยิ้มชั่วพริบตากลับกลายเป็นน้ำตาชั่วนิรันดร์

ลมเย็นที่ถึงแม้จะไม่หนาวเท่ากับปีที่ผ่านมา แต่มันกลับสะท้านไปถึงหัวใจเมื่อพัดผ่าน ฉันกระชับเสื้อกันหนาวให้แน่นขึ้นเพียงหวังจะให้มันเป็นที่พึ่งทางใจมากกว่าที่จะใช้มันบดบังลมหนาว

ภาพเหล่านั้นยังติดตาไม่รู้หาย ความโกลาหล เสียงกรีดร้อง ทุกรายละเอียดยังคงอยู่ในความทรงจำ

ท่ามกลางความอลหม่านรอบกายหลังโป๊ะที่ฉันและคนอื่นๆ ในงานใช้สำหรับเป็นทางลงไปลอยกระทงไม่อาจรับน้ำหนักของคนที่กำลังเบียดเสียดกันอยู่บนนั้นได้อีกต่อไป

ในขณะที่ลมหายใจกำลังขาดห้วง มือแข็งแรงของเขาจากที่ไหนสักแห่งฉุดฉันไว้ไม่ให้จมไปกับเกลียวน้ำดำทะมึน

ฉันรู้ดีว่าเป็นเขา ถึงแม้ความดำมืดและความเย็นเยียบของสายน้ำจะทำให้ฉันไม่สามารถแยกแยะและประคับประคองสติให้สมบูรณ์ได้ก็ตามที

“ระวัง”

ฉันยังคงได้ยินเสียงสุดท้ายของเขาดังก้องมาจากความเวิ้งว้างที่ไหนสักแห่ง ดวงตาแข็งกร้าวฉายแววกังวล แต่มันกลับเปล่งประกายแห่งความห่วงใยแทรกผ่านความทะมึนออกมาได้

ภาพต่างๆ ในหัวสมองพรั่งพรูออกมาราวกับมีใครมากดเครื่องเล่นเทปในหัวให้ย้อนกลับในขณะที่สติสัมปชัญญะกำลังจะหมดไป

“อ๊ะ กระทงลอยออกจากกันแล้ว ทำไงดี ทำไงดี”

ฉันพูดตั้งใจทำเสียงออดอ้อนในขณะที่มือทั้งสองเกาะกุมอยู่กับลำแขนของเขา เขาหันมามองฉันและยิ้มให้น้อยๆ

“คนเยอะจัง จะเบียดเข้าไปลอยได้มั้ยเนี่ย”

“จุดธูปเทียนให้เสร็จก่อนแล้วเดินตามมาดีๆ ล่ะ อย่าให้คลาดกันนะ”

เขาหันมาพูดกับฉันก่อนที่จะช่วยฉันจุดธูปจุดเทียนในกระทง น้ำเสียงร่าเริงมั่นคงนั้นฟังกี่ครั้งก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น

เขาจูงมือฉันเดินเที่ยวดูของกินของเล่นในบริเวณงานวัดที่ทุกปีจะมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ภาพรอยยิ้ม ความรื่นเริง ความสนุกสนานตามแบบฉบับประเพณีไทยจากผู้คนมากหน้าหลายตา

ฉันยืนนิ่งอยู่ที่คุ้งน้ำแห่งนี้...

เสียเพลงรื่นเริงตามประเพณีลอยตามลมมาจากเครื่องขยายเสียงในบริเวณวัด หากไม่ใช่ตอนนี้ฉันก็คงจะมีความสุขมากกว่านี้ที่ได้ฟัง

จันทร์งามเบื้องบนช่างไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ ของสิ่งมีชีวิตตัวจ้อยบนพื้นโลกเอาเสียเลย

ฉันถอนหายใจยาว สองปีที่ทำให้อะไรๆ รอบกายของฉันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย หลังจากเหตุการณ์นั้นมันทำให้ฉันกลายเป็นคนหวั่นไหวต่ออะไรได้ง่ายๆ รวมถึงแม้แต่กับอะไรบางอย่างที่ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร

ฉันรู้สึกเหมือนช่วงเวลาบางช่วงของชีวิตที่ผ่านมาได้หายไป เรื่องที่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

บางครั้งที่จู่ๆ ก็พบว่าฉันมายืนอยู่ในสถานที่แปลกตา และฉับพลันก็ไปอยู่อีกที่หนึ่งที่ฉันยังคิดไม่ออกว่าเดินทางมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่

มันเป็นความรู้สึกสับสนที่ฉันเคยคิดว่าอาจจะเกิดจากความเครียดและความไม่คุ้นเคยที่ผ่านเข้ามา และสักวันฉันจะทำใจและผ่านพ้นมันไปได้

แต่สองปีแล้ว และก็นับครั้งไม่ถ้วนแล้วเช่นกันที่เมื่อฉันรู้สึกตัวก็มักจะพบว่าตัวเองมายืนอยู่ที่คุ้งน้ำแห่งนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าที่นี่นั้นเงียบเหงาและทำให้ระทมทุกข์ แต่เท้าทั้งสองก็ยังพาฉันมาโดยที่ฉันไม่รู้ตัว

จันทร์นวลเต็มดวงยังคงลอยนิ่งตัดกับฟากฟ้าสีดำ เปลวเทียนยังคงลอยขึ้นๆ ลงๆ ตามกระแสน้ำที่เปลี่ยนแปร

ในวันนี้จะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เรื่องที่ฉันพยายามนึกมานาน เรื่องที่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกได้ว่าอะไรบางอย่างที่คลุมเครือกำลังจะจางหายไปในวันนี้

...ในวันที่แสงจันทร์กระจ่างฟ้าและแสงเทียนกระจ่างน้ำ...

ภาพกระทงคู่หนึ่งแปลกแยกออกจากกระทงทั้งหมดในสายน้ำนั้นส่งผลให้ฉันละสายตาจากจันทร์งาม ทั้งๆ ที่มันทั้งสองไม่ได้มีความแตกต่างจากใบอื่นเลยในความมืด

แต่ฉัน...

ฉันกลับรู้สึกได้ว่ามันทั้งสองแตกต่างจากใบอื่นๆ

กระทงของใครกันนะถึงทำให้ฉันรู้สึกกับมันได้ถึงขนาดนี้ ในขณะที่ฉันกำลังจ้องมองกระทงที่กำลังลอยเข้ามาใกล้ สายตาจับจ้องเปลวเทียนดวงน้อยราวต้องมนต์สะกด

ภาพบางภาพก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมา ภาพที่ฉันเคยเห็นมันมาก่อน เหตุการณ์ที่ฉันเคยได้สัมผัสด้วยตัวเองมาก่อน

“ระวัง”

“ว้าย”

ครืนนนน......ตูมมมม.......ซ่า

ตัวของฉันในห้วงความคิดกำลังหมดลมหายใจภายใต้ความเย็บเยียบ มือแกร่งคว้าแขนของฉันไว้ก่อนที่เขาจะดึงร่างของฉันไปโอบไว้

ถึงแม้สถานการณ์จะเลยร้าย แต่ฉันกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น

...กระทงทั้งสองกำลังแยกจากกัน...

สติของฉันกำลังหมดไป เขากอดฉันแน่นจนรู้สึกได้ถึงความอึดอัด เขาพยายามทะยานขึ้นไปให้ถึงปลายทางแห่งแสงสว่าง สายน้ำหมุนเกลียวลึกลงไป

ลึกลงไป...

...หนาวเหน็บ เดียวดาย เคว้งคว้าง...

หลายต่อหลายคนต่างเข้ามาช่วยกู้ร่างของผู้ที่ทิ้งวิญญาณไว้ที่สายน้ำแห่งนี้ ฉันยืนนิ่งราวไร้ตัวตนอยู่ที่ริมตลิ่ง

ไม่รู้นานเท่าไหร่ แต่ในความรู้สึกนั้นเหมือนชั่วกาลนาน ในที่สุดร่างสองร่างก็ถูกนำขึ้นมา

...เขา...ที่ยอมสละชีวิตเพื่อช่วยฉัน...

และที่อ้อมกอดของเขา...

อา...นี่เอง หลังจากนี้ความทรงจำบางอย่างของฉันดูเหมือนจะหายไป หลังจากภาพเหตุการณ์นี้โลกของฉันหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่ที่เท่านั้น

สถานที่แสนงดงามซึ่งประทับอยู่ในความทรงจำ และสถานที่ซึ่งฉุดให้ฉันอยู่ในห้วงทุกข์ระทม ฉันต้องวนเวียนอยู่ในสถานที่เหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่อาจหลุดพ้นได้หากยังไม่ได้รับรู้และยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

ใช่แล้ว...

นี่เองที่ฉันหลงลืมมาตลอดระยะเวลานานแสนนานนี้ ในที่สุดฉันก็นึกออกเสียที ในอ้อมกอดซีดเย็นของเขา

...เป็นฉันเอง...

ทั้งๆ ที่ควรจะเสียใจ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นในเวลานี้ ราวกับความมืดมัวไม่มั่นคงที่ผ่านมามลายหายไปจนหมดสิ้น

และเพียงเมฆหมอกแห่งความคลุมเครือจางหายไป ฉันก็พบว่าเงาร่างหนึ่งนั้นยืนอยู่ต่อหน้าของฉันแล้วในเวลานี้ ถึงแม้จะไม่ชัดเจนแต่ฉันก็รับรู้ได้ รอยยิ้มที่หายไปนานจากใบหน้าของฉันปรากฏขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

ใบหน้า แววตา และรอยยิ้มอันคุ้นเคยนั้น บัดนี้กลับมาอยู่ต่อหน้าฉันแล้ว เขาเดินเข้ามาหาและโอบกอดฉันอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าฉันจะหายไปไหนอีก

ฉันได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว อ้อมกอดที่ถึงแม้ในเวลานี้จะไม่เหลือไออุ่น แต่ฉันกลับรู้สึกได้เป็นอย่างดีถึงความห่วงหาอาทร

“ในที่สุดคุณก็นึกออก ในที่สุดคุณก็รับรู้เสียที”

คำพูดเรียบง่ายนั้นแฝงไว้ด้วยความคิดถึงอย่างล้นพ้น มันไม่ใช่เขาหรอกที่จากฉันไปอย่างที่ฉันคิดมาตลอด เป็นฉันเองต่างหากที่ไม่ได้รับรู้ถึงความจริงนั้นและปล่อยให้เขาต้องรออยู่ที่นี่อย่างเดียวดายถึงสองปี

แต่มันจะสิ้นสุดลงเสียทีกับการรอคอยที่ยาวนานราวไร้จุดจบนี้...

และในขณะนี้ที่บรรยากาศรอบกายกลับใสกระจ่างขึ้น บทเพลงคุ้นหูจากงานรื่นเริงลอยตามลมมาแต่ไกล ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่เราสองจะได้อธิษฐานร่วมกันภายใต้จันทร์เต็มดวงอันงดงามอีกครั้ง

แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 52 11:52:01

จากคุณ : KTHc
เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 10:25:09




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com