 |
ความคิดเห็นที่ 1 |
|
หลังจากที่ทั้งสองพ่อลูกถวายบังคมลาและกลับออกไปได้ครู่หนึ่งแล้ว องค์ราชินีแห่งอียิปต์ก็ทรงหันพระพักตร์มายังนางกำนัลคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างหลัง "นับเป็นเด็กสาวที่สวยสดงดงามยิ่งนัก "พระนางไทยีทรงมีรับสั่งถึงเด็กสาวที่เพิ่งกลับออกไป"เจ้าเห็นด้วยกับข้าหรือไม่ มีอา " "เพคะ" นางกำนัลคนสนิทก้มศรีษะและรับคำ " อืม แล้วเจ้าคิดว่า ลูกข้าจะพึงใจนางหรือไม่" " หม่อมฉันมิบังอาจถวายความเห็นเพคะ " มีอากราบทูล
"ในฐานะที่เจ้าเป็นคนสนิทของข้ามานาน จงพูดออกมาเถิด ข้าใคร่ฟังความเห็นของเจ้า " นางกำนัลคนสนิทนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกราบทูลขึ้นว่า " หม่อมฉันคิดว่า บุตรีของท่านข้าหลวงแห่งนครอัคมิมร์ ผู้นี้นับว่าเป็นสาวงามผู้หนึ่ง แต่จะเป็นที่พอพระทัยแก่เจ้าชายหรือไม่นั้น ยามนี้ คงยังไม่อาจสรุปได้หรอกเพคะ เพราะเรื่องเช่นนี้คงต้องขึ้นอยู่กับพระองค์ชายมากกว่า หากแต่.." มีอาหยุดไปเล็กน้อยอย่างไม่แน่ใจว่าควรจะกราบทูลต่อไปดีหรือไม่
"เจ้าพูดมาเถอะ ข้าอยากฟังความเห็นของเจ้า" พระนางผู้เป็นใหญ่ประทานอนุญาต "เพคะ" อีกฝ่ายรับพระบัญชาก่อนจะทูลต่อ" หม่อมฉันมีความรู้สึกว่า บุตรีท่านข้าหลวงผุ้นี้ มีท่าทางเหมือนจะไม่เต็มใจ ในการที่จะต้องเข้ามาอยู่ในวังเพคะ"
"ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน " พระนางตรัสช้าๆ" ข้าพอจะรู้นิสัย เมริเรดี ญาติผู้น้องของข้าคนนี้ คงหมายใช้บุตรสาวของตนเพื่อช่วยเสริมอำนาจของตัวเองให้เพิ่มมากขึ้น " "เมื่อพระนางเจ้าได้ทรงทราบเช่นนี้แล้ว เหตุใดจึงยังทรงรับเอาบุตรสาวของเขาไว้อีกเล่า เพคะ"มีอากราบทูลถามอย่างสงสัย
" คงเป็นด้วยข้านั้นรู้สึกถูกชะตากับนางกระมัง " พระนางไทยีตรัสบอก " เมื่อได้เห็นนางแล้ว ก็ทำให้ข้าอดนึกย้อนไปถึงตัวเองเมื่อสมัยที่เข้าวังเป็นครั้งแรกไม่ได้ ข้ายังจำได้ว่า ในเวลานั้นข้าเองก็ไม่ได้เต็มใจเหมือนกับนาง แต่ก็ไม่อาจขัดใจพ่อข้าได้" องค์ราชินีถอนหายใจเบาๆคล้ายจะทรงระลึกถึงความหลัง ขณะมีอาหมอบนิ่งเงียบ "อีกอย่างหนึ่ง ข้าเห็นแววตาของนางแล้ว ในวันหน้า นางคงไม่ยอมให้พ่อของนางครอบงำได้ง่ายนักหรอก" พระนางทรงพระสรวลเล็กน้อย "เมริเร คงต้องผิดหวังเป็นแน่" *******************
ตลอดทางจากพระราชวังมาถึงคฤหาสน์อันเป็นที่พักในนครธีบส์ เมริเรมีความรู้สึกว่าตอนนี้ ชีวิตของตนกำลังจะก้าวเข้าสู่ความรุ่งโรจน์ ราวกับว่าเหล่าเทพเจ้าทั้งหลายทรงกำลังอำนวยพรให้แก่เขา
ทั้งนี้ในความคิดของข้าหลวงใหญ่แห่งอัคร์มิมนั้น มีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่า เมื่อใดที่เจ้าชาย อเมนโฮเทป ได้ทรงทอดพระเนตรบุตรสาวของตนแล้ว จะต้องทรงโปรดปรานนางเป็นแน่แท้ และเมื่อเป็นเช่นนั้น ครั้นถึงวันที่เจ้าชายทรงขึ้นครองราชย์ บุตรสาวของตนก็จะต้องได้เป็นราชินีแห่งเคมเมตอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ฐานะของเมริเรก็จะต้องสูงยิ่งขึ้นในฐานะพระสัสสุระของฟาโรห์พระองค์ใหม่
เมื่อทั้งสองกลับมาถึงที่พักแล้ว คนรับใช้ที่ยืนรอตรงประตูก็เข้ามารายงานกับผู้เป็นเจ้าบ้านว่า
" นายท่านขอรับ ท่านปุโรหิตอัยย์ มารอพบท่าน ขอรับ "
เมริเรมีสีหน้าแปลกใจแกมดีใจก่อนจะถามว่า " แล้วตอนนี้ ท่านปุโรหิตอยู่ที่ไหน " "ท่านรออยู่ที่ในสวน ขอรับ " คนรับใช้ตอบ
เมริเร หันมาหาบุตรสาว " เหมาะจริงๆ แต่แรกพ่อตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมเขาอยู่พอดี เช่นนั้น ประเดี๋ยวเจ้าไปกับพ่อด้วยก็แล้วกัน"
" แต่ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ท่านพ่อ" อีกฝ่ายพูด "ข้าอยากนอนพัก " เด็กสาวทำเป็นบอกกับผู้เป็นบิดาไปเช่นนั้นเนื่องจาก มีความรู้สึกเบื่อหน่ายเกินกว่าที่จะพบหน้าใครแม้กับสหายสนิทของบิดาที่คุ้นเคยกับครอบครัวนางมาตั้งแต่นางยังเล็กๆ
"อืม น่ากลัวว่าเจ้าคงแพ้อากาศที่ธีบส์นี่กระมัง" เมริเรมองหน้าบุตรสาวอย่างพิจารณา ก่อนจะหันไปสั่งพี่เลี้ยงของเนเฟอร์ตีตีที่ยืนอยู่ไม่ห่างนัก
"ไอริส,เจ้าจงพาลูกข้า ขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง " ผู้เป็นเจ้าของบ้านสั่ง "แล้วจงดูแลนางให้ดีด้วย"
" เจ้าค่ะ นายท่าน"ไอริสค้อมศรีษะ ก่อนจะเข้ามาประคองนายหญิงน้อยของตนขึ้นไปบนห้องพักชั้นบนของตัวบ้าน ขณะที่ผู้เป็นเจ้าบ้านเดินออกไปพบกับแขกที่รออยู่ในสวน
.... บริเวณศาลาก่อด้วยอิฐซึ่งอยู่ในสวนทางด้านหลังของตัวคฤหาสน์ ปุโรหิตอัยย์ ผู้อยู่ในวัยราวสี่สิบเศษ นักบวชคนสำคัญแห่งวิหารเทพอามอน แต่งกายด้วยชุดผ้าลินินยาวสีขาว สวมปลอกข้อมือทำจากทองคำ มีห่วงทองคำคล้องที่คอ คิ้วเข้ม ดวงตาคมลึกคล้ายตาเหยี่ยว จมูกงุ้มเล็กน้อย นั่งอยู่บนเก้าอี้หินในศาลา โดยมีชายหนุ่มสองคนซึ่งทำหน้าที่เป็นองครักษ์ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
ผู้เป็นแขกกล่าวทักขึ้นเมื่อเห็นเมริเรเข้ามาในศาลา " ขอเทพเจ้าทรงประทานพรคุ้มครองท่าน,สหายข้า "
"ขอเทพทรงประทานพรคุ้มครองท่านเช่นกัน อัยย์" ผู้เป็นเจ้าบ้านกล่าวด้วยน้ำเสียงยินดี "วันนี้ ท่านปุโรหิตอัยย์ อุตส่าห์ให้เกียรติมาเยือนข้าถึงบ้านเช่นนี้ ช่างน่ายินดีจริงๆ"
" เราเป็นสหายกัน ไม่ต้องกล่าวถึงเพียงนั้นหรอก" อัยย์ พูด
เมริเรนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่ง "ที่จริงแล้ว ข้าตั้งใจจะไปเยี่ยมท่านที่บ้านอยู่พอดี แต่มิคิดว่าท่านจะกลับเป็นฝ่ายที่มาเยี่ยมก่อน"
" เช่นนั้น ท่านกับข้าก็คิดเหมือนกันน่ะสิ " พูดจบทั้งคู่ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
" ท่านเป็นเช่นไรบ้าง เมริเร ที่อัคร์มิม คงสงบสุขดีสินะ" อัยย์ถาม
"ข้าสุขสบายดี แล้วท่านเล่า สุขสบายดีหรือ"
" จอมเทพรา ยังทรงประทานพรคุ้มครองข้าอยู่,สหาย" ผู้เป็นแขกพูด " ว่าแต่ วันนี้ ท่านไปเข้าเฝ้าพระนางไทยี ด้วยเหตุอันใดหรือ "
เมริเรหัวเราะ" ดูเหมือนทุกอย่างในธีบส์ จะไม่อาจพ้นสายตาของท่านไปได้เลยนะ สหาย "เจ้าบ้านกล่าว" ข้าตั้งใจจะถวายเนเฟอร์ตีตี บุตรสาวของข้า ให้เป็นบาทบริจาริกาของเจ้าชายรัชทายาทจึงนำนางไปเฝ้าพระมเหสี เพื่อให้พระนางช่วยสนับสนุนอย่างไรล่ะ"
อัยย์นิ่งฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น " แล้วพระนางทรงมีรับสั่งอย่างไรบ้าง "
" พระนางทรงมีท่าทีเมตตาลูกสาวของข้ามากทีเดียว ข้าเชื่อว่าพระนางต้องสนับสนุนลูกข้าอย่างแน่นอน"ข้าหลวงใหญ่แห่งอัคร์มิมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงความสมหวัง
" ถ้าเช่นนั้น หากในภายหน้าเมื่อบุตรสาวของท่านได้ดีแล้ว เห็นที ข้าคงต้องขอพึ่งพาบ้างแล้วกระมัง" อีกฝ่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
"ท่านกล่าวเกินไปแล้ว" เมริเรหัวเราะอย่างสบอารมณ์ในคำพูดของสหาย ก่อนจะพูดว่า" ไหนๆ วันนี้ท่านก็อุตสาห์มาเยี่ยมข้าทั้งที พวกเรามาประลองเซเนต*กันสักกระดานดีไหม"
"ในเมื่อเป็นความประสงค์ของท่าน ข้าก็ไม่ขัดข้อง" อีกฝ่ายยิ้มตกลง ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของบ้านจะร้องสั่งให้คนรับใช้นำเอาอุปกรณ์การเล่นออกมา *******************
| จากคุณ |
:
สิงขรลักษณ์
|
| เขียนเมื่อ |
:
30 ต.ค. 52 20:15:29
A:192.168.1.108 X:58.8.144.54 TicketID:239718
|
|
|
|
 |