|
ความคิดเห็นที่ 9 |
สิบเจ็ดน้อย กับซือฝุ ม่อเยวียน
ตอนที่ป๋ายเฉี่ยนยังเด็ก (20,000 - 50,000 ปี) ท่านพ่อท่านแม่มีธุระไม่อยู่ถ้ำ และได้วานให้พี่ชายสี่ป๋ายเจินช่วยดูแลน้องแทน ป๋ายเจินก็รับปากอย่างแข็งขัน
เมื่อพ่อแม่จากไปแล้ว ป๋ายเจินก็หันมาบอกน้องสาวอย่างจริงจังว่า นับแต่นี้ไป หากปีนต้นไม้ขโมยไข่นก จะเป็นของเจ้าหนึ่งฟอง ของข้าหนึ่งฟอง หากจับปลาในน้ำได้ จะเป็นของเจ้าหนึ่งตัว ของข้าหนึ่งตัว จากนั้นพี่ชายที่แสนดีก็จัดแจงพาน้องสาวเที่ยวหัวหกก้นขวิดไปทั่วป่า รวมถึงแวะไปไถกินเหล้าที่เจ๋อเหยียนบ่มเองบ่อยๆ เนื่องจากเจ๋อเหยียนเอ็นดูและสนิทกับป๋ายเจินมากที่สุด ป๋ายเฉี่ยนจึงพลอยได้อาศัยบารมีพี่ไปด้วย
ป๋ายเจินพาน้องเที่ยวก่อเรื่องเล็กๆ น้อยไปทั่ว ทุกครั้งก็อ้างชื่อของเจ๋อเหยียนมาเป็นเกราะกำบังทุกครั้ง เพราะขืนอ้างชื่อพ่อแม่ มีหวังโดนถลกหนังแหงๆ
เมื่อท่านพ่อท่านแม่ของป๋ายเฉี่ยนมานึกขึ้นได้ว่าการเลี้ยงลูกสาวควรจะแตกต่างจากการเลี้ยงลูกชาย คือเลี้ยงให้ดูเป็นกุลสตรีหน่อย มันก็สายเสียแล้ว ป๋ายเฉี่ยนโตเต็มวัยกลายมาเป็นลิงทะโมนเหมือนพี่สี่ป๋ายเจินทุกกระเบียดนิ้ว ท่านแม่จึงเริ่มกลุ้มใจกลัวลูกสาวจะขายไม่ออก แต่เมื่อมานึกดูอีกที ด้วยหน้าตาระดับลูกสาวนาง ไม่มีทางขายไม่ออกอยู่แล้ว จึงค่อยเบาใจขึ้น
แต่แล้วก็มาได้ยินข่าวว่าญาติสาวที่กำพร้าแม่และเพิ่งแต่งงานไปได้ไม่นานไม่รู้จักวิธีปรนนิบัติแม่สามี จึงถูกแม่สามีกลั่นแกล้งร้องไห้กลับบ้านตัว ท่านแม่ก็เริ่มวิตกกังวลกลัวลูกสาวตัวเองจะเจอแบบนั้นด้วย และถึงกับกังวลจนร้องไห้
เจ๋อเหยียนแวะมาเยี่ยมในตอนนั้นพอดี เห็นเข้าก็ตกใจ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องกลุ้มใจของอดีตสาวที่ตนเคยหลงรัก เจ๋อเหยียนก็เสนอแนะความคิดว่าก็ให้ป๋ายเฉี่ยนเรียนวิชาฤทธิ์ให้แก่กล้าสิ เก่งแล้วก็ไม่มีใครกล้ารังแกเองนั่นแหละ ท่านแม่ก็เห็นด้วย
ในเมื่อจะเลือกเรียนวิชาให้แก่กล้าทั้งที ก็ต้องเลือกอาจารย์ที่ดีที่สุดที่หาได้ ไม่มีใครจะเหมาะไปกว่าม่อเยวียน แต่ม่อเยวียนมีกฎว่าไม่รับศิษย์หญิง ดังนั้นท่านแม่จึงเสกเปลี่ยนลูกสาวให้กลายเป็นผู้ชายชั่วคราว แล้วฝากฝังเจ๋อเหยียนให้ช่วยคุยกับม่อเยวียนให้
เมื่อได้รู้ว่าตัวเองจะได้ไปเรียนวิชากับม่อเยวียน ป๋ายเฉี่ยนก็ดีใจมาก เพราะม่อเยวียนเป้นเทพสงครามที่เก่งกาจโด่งดังคับฟ้า มีเรื่องราวจารึกในบันทึกของสวรรค์มาเนิ่นนาน เมื่อสมัยยังเด็ก ป๋ายเฉี่ยนยังเคยสุมหัวกับพี่สี่ที่ก็ชื่นชมม่อเยวียนพอๆ กัน นึกวาดภาพว่าเทพสงครามผู้เก่งกาจรบไม่เคยแพ้จะมีหน้าตาเป็นยังไง แล้วช่วยกันนึกจินตนาการออกมาเป็นเทพมีสี่หัว หันหาสี่ทิศ ตาโปนโต ปากกว้าง หูใหญ่ หน้าตาถมืงทึงดุดัน ตัวใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่น จากนั้นก็เชื่ออย่างจริงจังว่าม่อเยวียนหน้าตาเป็นแบบนี้ และไปขอให้พี่สามช่วยวาดภาพตามนี้ให้ จากนั้นเอาไปแปะในห้องไว้บุชาคนละใบ
เมื่อเจ๋อเหยียนพาป๋ายเฉี่ยนไปพบม่อเยวียนตัวจริง ป๋ายเฉี่ยนก็ต้องผิดหวังฝันสลายอย่างยิ่งเมื่อพบว่าหน้าตาของม่อเยวียนกระเดียดไปทางตุ้งติ้ง (ความจริงป๋ายเฉี่ยนยังเด็ก ไม่รู้จักคำบรรยายหน้าตาเท่าไหร่ และอะไรก็เชื่อพี่สี่หมดเพราะโตมาโดยมีพี่สี่ดูแล ในสายตา วิธีการ และการให้คำจำกัดความเกี่ยวกับหน้าตาคนของป๋ายเจิน หน้าตาของเจ๋อเหยียนคือหล่อเลิศเหมาะเจาะพอดีที่สุด ถ้าหล่อน้อยกว่าเจ๋อเหยียน = หน้าตาธรรมดา หล่อมากกว่าเจ๋อเหยียน = หน้าตากระเดียดไปทางตุ้งติ้ง สรุปคือม่อเยวียนหล่อกว่าเจ๋อเหยียนนั่นแหละ แต่หน้าตาไม่ได้กระเดียดไปทางตุ้งติ้งจริงๆ มันเป็นแค่การใช้คำศัพท์ของเด็กรู้น้อยอย่างป๋ายเฉี่ยนในตอนนั้น)
ที่แน่ๆ คือ พอเห็นหน้าม่อเยวียนแล้ว ป๋ายเฉี่ยนผู้ฝันสลายและผิดหวังอย่างรุนแรงก็เกิดอาการแอนตี้ขึ้นมาในใจทันทีว่าคนหน้าตาท่าทางแบบนี้หรือที่เป็นเทพสงคราม และจะมาเป็นซือฝุของเรา มันจะไปเก่งอะไร้
เจ๋อเหยียนซี้ซั้วหาข้ออ้างมาว่า ซืออินเป็นลูกหมาจิ้งจอกถูกทิ้งที่เขาเก็บมาเลี้ยงแต่ยังเด็ก พอโตมาหน้าตาชักจะดีเกินไปจนคนที่บ้าน (ป๋ายเจิน) ไม่พอใจ จึงฝากฝังไปเป็นลูกศิษย์อยู่กับม่อเยวียนแทนก็แล้วกัน ม่อเยวียนรับฟังโดยไม่วิจารณ์อะไร และยอมรับปากโดยไม่เอ่ยถาม
ความจริงแล้ว ด้วยพลังฤทธิ์ระดับม่อเยวียน เขาดูออกตั้งแต่แรกว่าซืออินคือผู้หญิงเปลี่ยนร่างมาก จึงพอจะรู้ว่าพ่อแม่ของเด็กคนนี้เป็นใคร ที่ยอมรับซืออินเป็นศิษย์ ส่วนหนึ่งจึงเป็นเพราะเห็นแก่หน้าพ่อแม่ของซืออิน และอีกส่วนหนึ่ง คาดว่าเป็นเพราะเห็นว่าซืออินไม่น่าจะมีทางเป็นพวกมาหลงรูปเขาได้ เนื่องจากพวกคนใกล้ชิด ตั้งแต่พ่อแม่พี่ชายในบ้านรวมทั้งเจ๋อเหยียน ก็หน้าตาพอๆ กับเขาทั้งนั้น ประมาณว่าน่าจะเห็นหน้าตาระดับนี้จนชินตาจนไม่รู้สึกอะไร และแน่นอนว่าม่อเยวียนคิดถูก...
(ความจริงป๋ายเจินอยากจะขอเป็นศิษย์ของม่อเยวียนด้วย แต่ถูกเจ๋อเหยียนสกัดเอาไว้สุดฤทธิ์ ทำเอาป๋ายเจินโมโหเป็นฟืนเป็นไฟไปพักใหญ่)
หลังจากเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักม่อเยวียน ป๋ายเฉี่ยนก็ยังดูถูกม่อเยวียนไม่หายว่าเป็นแค่ไอ้หนุ่มหน้าขาวที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร บันทึกความเก่งกาจยิ่งใหญ่ของม่อเยวียนเป็นแค่การโม้ประโคมโหมเอาเองของชาวสวรรค์ทั้งนั้น (ดูคนแต่ภายนอกจริงๆ ยังเด็กมาก) และเนื่องจากนางมักจะไปไถเหล้าเจ๋อเหยียนกินฟรีบ่อยๆ โดยไม่มีอะไรตอบแทนให้ จึงนึกละอายใจและหาวิธีตอบแทนด้วยการโม้ให้พวกศิษย์พี่ฟังว่าเจ๋อเหยียนบ่มเหล้าเก่งเลิศภพจบแดนขนาดไหน
ศิษย์พี่คนอื่นๆ เห็นซืออินยังเด็ก ก็เพียงแต่ฟังแล้วยิ้มเฉยเสีย ไม่คัดค้านให้เด็กเคือง แต่ศิษย์พี่สิบหกฟังแล้วทนไม่ไหว ขัดขึ้นว่า เหล้าที่เจ๋อเหยียนต้ม ดีเลิศกว่าเหล้าที่ซือฝุต้มอีกหรือไง
เมื่อได้ฟังดังนี้ ซืออินแทบเต้นผาง และคิดหาทางทำให้ศิษย์พี่สิบหกยอมรับนับถือว่าเจ๋อเหยียนต้มเหล้าเก่งกว่าม่อเยวียน ม่อเยวียนน่ะไม่ได้เรื่องขึ้นมาทันที ด้วยการแอบเข้าไปขโมยเหล้าในคลังเก็บเหล้าของม่อเยวียน กะจะแอบเหาะเอาไปให้เจ๋อเหยียนดูเป็นตัวอย่าง แล้วหาทางบ่มเหล้าให้ได้ดีกว่านี้
เนื่องจากเป็นการขโมยของ ดังนั้นจะออกทางประตูหน้าไม่ได้ ซืออินจึงแอบออกทางสวนดอกท้อหลังเขา เนื่องจากเป็นกลางคืนและไม่ชำนาญทาง จึงเดินหลงวนเวียนอยู่ในสวนดอกท้อจนเหนื่อย หมดแรง คอแห้ง จึงเปิดปากไหดื่มเหล้าของม่อเยวียนนั่นแหละแก้คอแห้ง
ซืออินต้องตะลึงเมื่อพบว่า เหล้าที่ม่อเยวียนบ่มยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ดีเลิศกว่าที่เจ๋อเหยียนบ่มขั้นหนึ่งจริงๆ และรู้ดีว่าต่อให้นางเอาเหล้าไหนี้กลับไปให้เจ๋อเหยียนลองชิมดู เจ๋อเหยียนก็ไม่มีทางบ่มเหล้าที่เลิศรสไปกว่านี้ได้แน่
ด้วยความเจ็บใจอย่างยิ่งที่ตอกหน้าศิษย์พี่สิบหกไม่ได้ ซืออินจึงดื่มเหล้าจนหมดไห แล้วเมาหลับไป
ซืออินตื่นมาเพราะโดนน้ำสาดใส่ และพบว่าตัวเองถูกจับมาขังในคฤหาสน์แห่งหนึ่ง หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าและออกคำสั่งสาวใช้ให้เอาน้ำสาดหน้าเขา คือเทพชั้นสูงที่เขาจำได้ดีว่ามาสร้างคฤหาสน์อยู่ข้างๆ เขาคุนหลุน
ซืออินฟังจากที่พวกศิษย์พี่เล่าให้ฟังว่า เทพหญิงคนนี้เป็นเทพชั้นสูงเหมือนซือฝุ (ม่อเยวียนก็เป็นเทพชั้นสูง แต่ศักดิ์ศรี ฝีมือ และความเก๋า สูงกว่าเทพหญิงคนนี้แบบทาบกันไม่ติด) และหลงรักซือฝุ พยายามตามตื๊อถึงขนาดย้ายคฤหาสน์มาสร้างอยุ่ติดเขาคุนหลุน และเที่ยวส่งสาวใช้มาที่เขตเรือนพักของพวกเขาเพื่อท้าประลองฝีมือกับซือฝุอยู่เนืองๆ โดยนางคิดจะเอาชนะม่อเยวียนให้ได้ เพื่อที่ม่อเยวียนจะได้ประทับใจและให้ความสำคัญกับนาง
ม่อเยวียนไม่ได้ห้ามสาวใช้ของเทพหญิงคนนี้มาป้วนเปี้ยนในเขตสำนัก และบอกพวกศิษย์ว่าพยายามอย่าไปยุ่งไปตอแยด้วย ผู้มาเยือนถือเป็นแขกทั้งนั้น แต่หนนี้ซืออินกลับถูกเทพหญิงคนนี้ลักพาตัวมาแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่
เทพหญิงคนนั้นพูดอย่างมาดร้ายว่าซืออินเป็นผู้ชายก็จริง แต่หน้าดูยั่วยวนเหมือนปิศาจจิ้งจอก นางจะปล่อยให้ซืออินอยู่ในสำนักเพื่อยั่วยวนให้ม่อเยวียนเดินผิดทางเข้าสู่หนทางมารไม่ได้ (พูดง่ายๆ คือซืออินสวยมาก ถึงเป็นผู้ชายก็ยังสวยตะลึง มาอยู่ใกล้ๆ ม่อเยวียน นางจึงหึง) ดังนั้นนางจะให้ซืออินมาเป็นเด็กรับใช้ของนางแทน
ซืออินปฏิเสธทันที บอกเรื่องอะไร อยู่เป็นศิษย์ของซือฝุที่ใจดี ดีกว่าอยู่เป็นเด็กรับใช้ของเทพหญิงที่มุ่งร้ายกับเขาตั้งเยอะ เทพหญิงโมโห จึงจับซืออินไปขังในคุกน้ำ ให้แช่น้ำทรมานหายใจไม่ออก แต่เพราะเป็นเทพ จึงไม่ถึงตาย
กว่าที่ม่อเยวียนจะเข้ามาช่วยในวันรุ่งขึ้น ซืออินก็โดนทรมานปางตายเหมือนกัน ม่อเหยียนใช้มือเดียวทลายประตูคุกเหล็กพิเศษสำหรับกักเซียนด้วยมือเดียว ล้วงตัวซืออินขึ้นมา ถอดเสื้อนอกห่อตัวให้แล้วอุ้มไว้ในอ้อมแขน หันไปพูดกับเทพหญิงอย่างเย็นชาว่า วันที่...เดือน... สถานที่... จะได้สะสางบัญชีครั้งนี้ให้หมด เทพหญิงหน้าซีด บอกว่านางอยากประลองกับม่อเยวียนก็จริง แต่ไม่ใช่เพราะสาเหตุแบบนี้
เทพหญิงพูดไม่ทันจบ ม่อเยวียนก็อุ้มซืออินออกไปเสียก่อน ศิษย์พี่ใหญ่รออยู่แล้วที่หน้าคฤหาสน์ของเทพหญิง เมื่อเห็นอาจารย์อุ้มซืออินออกมา ก็เข้าไปจะช่วยรับมา แต่ม่อเยวียนไม่ส่งให้ อุ้มซืออินกลับไปจนถึงสำนักด้วยตัวเอง
ระหว่างที่ม่อเยวียนมาช่วยจนอุ้มเขากลับไปถึงสำนัก ซืออินจึงค่อยรู้สึกว่า ถึงจะไม่ได้ปากกว้างน่าเกรงขาม แต่เสียงของม่อเยวียนก็หนักแน่นมั่นคง แม้จะไม่ได้ตัวใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่น แต่แขนของม่อเยวียนก็แข็งแรงทรงพลัง ม่อเยวียนไม่ใช่ไอ้หนุ่มหน้าขาว...
ซืออินตื่นมาอีกที ก็พบศิษย์พี่ใหญ่ดูแลตัวเองอยู่ ส่วนคนอื่นๆ หายไปหมด ศิษย์พี่ใหญ่บอกว่า ศิษย์น้องคนอื่นๆ ไปดูซือฝุประลองกันหมด เพราะโอกาสแบบนี้หายากมาก ส่วนเขาถูกสั่งให้อยู่ดูแลซืออิน
ศิษย์พี่ใหญ่เล่าว่า เมื่อคืนนี้เมื่อพวกเขาเห็นว่าซืออินไม่กลับมานอนสักที ก้ช่วยกันออกตามหาตัว เมื่อไม่พบ ก็เริ่มสงสัยว่าอาจจะถูกเทพหญิงนั้นลักพาตัวไป เพราะมีศิษย์คนหนึ่งเห็นสาวใช้ของเทพหญิงมาป้วนเปี้ยนในสำนักวันนี้ แต่เพราะไม่มีหลักฐาน จึงต้องไปแจ้งต่อซือฝุ
เมื่อซือฝุที่กำลังจะเข้านอนได้ฟัง ก็หยิบเสื้อนอกมาสวมเรียกให้เขาตามไปที่คฤหาสน์ของเทพหญิงนั้นทันที ตอนแรกเทพหญิงนั้นไม่ยอมรับ จนกระทั่งซือฝุชักกระบี่เซวียนหยวนออกมาและบุกฝ่าเข้าไป ถึงได้ช่วยซืออินออกมาได้ ถ้าซือฝุไม่แน่พอ ป่านนี้ซืออินมีหวังเน่าตายในคุกน้ำนั่นไปแล้ว
เมื่อคืนหลังจากซือฝุอุ้มซืออินกลับมา ซืออินร้องไห้นอนละเมอกอดแขนซือฝุโวยวายทั้งคืนเหมือนเด็กๆ ว่าโดนทารุณกรรมทรมานมาก ทำเอาซือฝุไม่รู้จะทำยังไง เลยได้แต่ลูบหลังพูดปลอบไปว่า "ไม่ต้องกลัวๆ ซือฝุจะคุ้มครองเจ้าเอง" ทั้งคืน ซืออินฟังแล้วหน้าแดงด้วยความอับอายขายขี้หน้าอย่างรุนแรง
ผลการประลอง ม่อเยวียนชนะขาดลอย และดูเหมือนจะทำให้เทพหญิงตัดใจจากม่อเยวียนโดยสิ้นเชิง จึงย้ายคฤหาสน์ไปจากข้างๆ เขาคุนหลุน
หลังจากนั้นในใจของซืออิน ม่อเยวียนจึงได้กลายเป็นซือฝุที่เขานับถืออย่างแท้จริง
จากคุณ |
:
Linmou
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ต.ค. 52 10:08:56
|
|
|
|
|