+++++++++++ประทีปแสงดาว ตอนที่ 5 โดย อลินน์++++++++++++++
|
|
คุณพ่อของคุณอาการหนักมาก ดวงตายาวรีของแพทย์มองเขาด้วยแววตาเห็นใจ ฟิลม์เอกซเรย์หลายแผ่นถูกวางทาบเครื่องอ่าน มันเป็นฟิลม์เอกซเรย์ร่างของบิดาที่แสดงถึงแผลฉกรรจ์ภายในหลายจุดด้วยกัน คนร้ายตั้งใจเอาถึงตายและคงคิดว่าพ่อคุณตายไปแล้ว จึงได้ผละหนีไป จนกระทั่งคนที่สวนป่าไปพบเข้า ปรินทร์ขบกรามเป็นนูนสัน ความโหดเหี้ยมของฆาตรกรปรากฏชัดผ่านฟิลม์สีดำสนิท ผมอยากให้คุณทำใจ หมอนพเอ่ยสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะได้ยิน ปรินทร์ไม่รู้ตัวเลยว่าทรุดตัวลงนั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ ภาพภายในห้องทำงานของหมอนพดูรางเลือน เสียงอื้ออึงดังก้องในโสตจนเขาจับสรรพเสียงใดไม่ได้เลยชั่วขณะ จะมีทางหายไหมครับหมอ ปรินทร์ได้ยินเสียงตนเอง มันเป็นการพยายามไขว่คว้าความหวังริบหรี่ หากผมพาคุณพ่อไปรักษาตัวในกรุงเทพฯ คุณหมอจะแนะนำหมอที่เก่งที่สุด โรงพยาบาลที่ดีที่สุด หรือแม้แต่โรงพยาบาลที่เมืองนอกก็ได้ หมอนพมองเขาด้วยแววตาที่ทำให้ปรินทร์รู้สึกขมซ่าน แต่กระนั้น เขาก็พยายามรวบรวมแรงใจที่เหลืออยู่ เรียกกำลังใจให้กลับคืนมาอย่างกระท่อนกระแท่น ผมจะพาพ่อผมไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ ทันทีที่พ่อผมพร้อมพอที่จะไปได้ การเดินทางทางอากาศคงไม่กระทบกระเทือนนักใช่ไหมครับหมอ ผมเข้าใจคุณ หมอนพไม่ปฏิเสธความตั้งใจของเขา สีหน้าเรียบปนเศร้าของผู้เป็นแพทย์ทำให้ความหวังของเขาวูบไหว ผมขอดูอาการอีกสองสามวัน แล้วจะแจ้งให้ทราบ ก่อนที่ปรินทร์จะเอ่ยลา ผู้เป็นแพทย์ก็ถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก หนูดาวทราบเรื่องที่คุณจะพาพ่อเลี้ยงนนท์ไปรักษาที่กรุงเทพฯ หรือยังครับ มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ปรินทร์จะไม่พอใจ ดูเหมือนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาจะบอกถึงอำนาจของปารณีย์ต่อบิดา อย่างไรก็ดี ผมอยากให้ทางคุณปรึกษากันกับคุณดาวก่อนนะครับ หากเป็นไปได้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เมื่อกลับมาถึงรถ ใบหน้าได้รูปของปรินทร์จึงบึ้งสนิท นายเกิดมองเขาด้วยความเกรง เดินตัวลีบขึ้นไปประจำตำแหน่งคนขับ ไม่อยากสบตาผู้เป็นนายคนใหม่ หากไฟที่ลุกในดวงตาคมทั้งคู่ติดเชื้อเพลิงได้จริง มันคงทำให้รถคันใหญ่นี้แผดเผาไปทั้งคัน ผู้เป็นนายก้าวขึ้นรถก่อนยกโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้น เขาไม่กล้าหันไปมอง ไม่กล้าแม้แต่จะถามจุดหมายปลายทางที่นายต้องการให้เขาขับรถไป ได้แต่นั่งนิ่งประจำที่อยู่อย่างนั้น ถ้อยคำสนทนาที่ดังจากด้านหลัง ทำให้นายเกิดหายใจไม่ทั่วท้อง เสียงทักทายเรียกขานชื่อทำให้รู้ว่า นายปรินทร์กำลังคุยอยู่กับพ่อเลี้ยงเพิ่มศักดิ์ ในเรื่องที่เขารู้ว่า หากคุณดาวทราบ คงได้โกรธหนักไปด้วยอีกคน เสียงทุ้มหนักของนายปรินทร์สุภาพ แต่ก็คงความเด็ดขาดชัดเจนในทุกถ้อยคำ เมื่อกล่าวขอความช่วยเหลือจากพ่อเลี้ยงเพิ่มศักดิ์ ให้ช่วยนัดหมายนายตำรวจเจ้าของคดีทำร้ายร่างกายพ่อเลี้ยงนนท์ คุณดาวสั่งไว้หนักแน่น ว่าไม่ให้ใครให้การใดๆ กับตำรวจโดยไม่แจ้งให้คุณดาวทราบก่อน แต่ถึงคุณดาวไม่สั่ง พวกเขาก็ไม่มีใครอยากจะร่วมมือกับตำรวจอยู่แล้ว แต่นี่ นายปรินทร์กลับกำลังหารือกับพ่อเลี้ยงเพิ่มศักดิ์เพื่อขอพบนายตำรวจเจ้าของคดี และดูเหมือนว่า ทางพ่อเลี้ยงเพิ่มศักดิ์จะให้ความช่วยเหลืออย่างดีเสียด้วย สิ้นการสนทนา คนที่นั่งตอนหลังสั่งให้เขาเดินทางไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมือง เขารับคำสุภาพ ออกรถขับเรื่อยมาตามทาง ใจกังวลแต่คุณดาว เสียงสนทนาทางโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ นายปรินทร์กำลังสนทนากับใครอีกคน ถ้อยคำเป็นกันเองมากกว่าแต่ก็ยังกระชับ หนักแน่นด้วยใจความสำคัญ ความกังวลของนายเกิดมีมากขึ้น ไม่นานต่อมา นายเกิดก็สรุปใจความสำคัญได้ทั้งหมด นายปรินทร์คิดจะส่งพ่อเลี้ยงนนท์ไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ ชื่อโรงพยาบาลสองสามแห่งที่ออกจากปากลูกนายนั้น นายเกิดไม่รู้จักมาก่อน แต่เขาเดาว่า โรงพยาบาลเหล่านั้นจะต้องสะดวกทันสมัยและใหญ่โตกว่าโรงพยาบาลแห่งเวียงดารา สายตานายเกิดยังคงเพ่งท้องถนน ฝนตกอีกตามเคย ทุกช่วงเวลานี้ของปีจะมีฝนตกหนักเสมอที่เวียงดารา การเดินทางบนถนนที่คดเคี้ยวและลื่นต้องใช้ความระมัดระวังและความชำนาญ รถยนต์คันใหญ่ยังคงแล่นต่อไปโดยปราศจากการสนทนาใดอีก เมื่อตวัดสายตาไปด้านหลังก็พบว่า คนร่างสูงที่นั่งหลังตรงนั้น มองออกไปด้านนอกรถด้วยแววตาเครียดขึง ชั่วโมงต่อมารถยนต์ก็จอดนิ่งบริเวณหน้าโถงต้อนรับโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งภายในเมือง นายปรินทร์ยื่นธนบัตรในมือให้ บอกให้เขาไปหาอะไรทานแล้วรอจนกว่าจะเรียก ร่างสูงลงจากรถรวดเร็ว ตรงเข้าไปภายในอาคารที่ตกแต่งไว้อย่างหรูหรา นายเกิดขับรถไปข้างหน้าอีกนิดเพื่อให้เห็นภายในอาคารได้ถนัด ก่อนจะขับรถพ้นจากบริเวณหน้าอาคาร นายเกิดทันเห็นร่างหนาท้วมของพ่อเลี้ยงเพิ่มศักดิ์เดินตรงเข้ามาทางนายปรินทร์ ดังนั้นทันทีที่จอดรถในที่จอดเรียบร้อย สิ่งแรกที่นายเกิดทำคือโทรศัพท์หาคุณดาวในทันที เขารายงานทุกอย่างที่พบเห็นและได้ยินให้หญิงสาวทราบ และก็เป็นดังคาด น้ำเสียงของคุณดาวเย็นเฉียบทีเดียวเมื่อทราบเรื่อง เขารับคำสั่งหนักแน่นด้วยความกระตือรือร้น ครับ คุณดาว บ่ต้องเป็นห่วง ผมจะจัดการให้เรียบร้อย ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เอกสารปึกไม่หนานักถูกวางเรียงกันบนโต๊ะตรงกลาง ปรินทร์ไล่สายตาผ่านตัวหนังสือทุกตัวอย่างละเอียดรอบคอบ ปากคำการให้การ การสอบสวนที่เกิดเหตุ รูปถ่ายสภาพที่เกิดเหตุและของกลางที่พบ มีรวมกันอยู่ในเอกสารที่วางตรงหน้าเขา ไม่มีอะไรให้สงสัยอีกต่อไป ปรินทร์สรุปกับตัวเอง พ่อเขาคงถูกทำร้ายจากการชิงทรัพย์ธรรมดา โดยคนร้ายใช้ของมีคมเป็นอาวุธ มีร่องรอยการต่อสู้ชี้ชัด และทรัพย์สินบางชิ้นพร้อมเงินสดหายไป ภาพเลือดสีแดงคล้ำตามเบาะและพื้นของรถเป็นพยานการทำร้ายทารุณ เรากำลังเร่งตามหาคนร้ายอย่างเต็มที่ครับ สารวัตรผู้ดูแลคดีรับคำหนักแน่น เราพบคดีชิงทรัพย์ทำร้ายเจ้าทุกข์หลายคดีในระยะหลัง คาดว่าคนร้ายคงเป็นแก๊งค์วัยรุ่นต่างถิ่น เวียงดาราเป็นอำเภอที่ค่อนข้างไกล การติดตามคนร้ายกลุ่มนี้ต้องใช้เวลา เมื่อสองสามเดือนก่อน ก็มีคดีลักษณะเดียวกันในอำเภอของผม พ่อเลี้ยงเพิ่มศักดิ์เสริม เมืองมีความเจริญมากขึ้น อาชญากรรมก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ทั้งยาเสพติด ปัญหาแรงงานต่างด้าว และอื่นๆ ตำรวจก็คงต้องเหนื่อยกันหน่อยนะครับ ไม่ต้องห่วงครับพ่อเลี้ยง สารวัตรโกเมท เจ้าของคดีของบิดากล่าวด้วยความนอบน้อม เป็นหน้าที่ของตำรวจครับ เราทำงานกันเต็มที่เสมอ แต่ก็อย่างที่พ่อเลี้ยงว่าล่ะครับ ยิ่งเจริญมาก ก็มีคดีชิงทรัพย์มากขึ้น ต้องอาศัยพวกเรากันเองช่วยเป็นหูเป็นตา ปรินทร์หยิบภาพถ่ายและเอกสารใส่ซองถือไว้ ขอบคุณทุกคนจริงๆ ครับ ที่กรุณามาพบผมและนำข้อมูลต่างๆ มาให้ ปรินทร์กล่าวด้วยความจริงใจในขณะที่หัวใจของเขารู้สึกเหนื่อยล้าและเจ็บปวด มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกมาเลยครับ เขาหันไปทางสารวัตรและนายตำรวจอีกสองนายที่ติดตามมาด้วย ทางผมยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง ขอเพียงให้ทางตำรวจช่วยเร่งตามจับคนร้ายให้ได้เท่านั้น เราเร่งสรุปลายนิ้วมือพร้อมทั้งสืบค้นประวัติจากคนร้ายที่เรามีอยู่แล้วครับ นอกจากนี้ ผมได้เร่งให้ติดตามแหล่งปล่อยของที่คนร้ายชิงทรัพย์ไปได้ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา สร้อยคอที่พ่อเลี้ยงมักสวมใส่เสมอ หรือจะเป็นแหวนประจำตัว ทั้งลักษณะรูปพรรณนั้น คุณปารณีย์ให้รายละเอียดมาครบถ้วนแล้วครับ ปรินทร์นิ่งฟังนายตำรวจผู้นั้นในใจไม่คิดว่า ะติดตามทรัพย์สินกลับมาได้ง่ายนัก คนร้ายมักรู้แหล่งปล่อยของใต้ดินที่ตำรวจสืบตามได้ยาก อาการคุณพ่อของคุณเป็นอย่างไรบ้าง พ่อเลี้ยงเพิ่มศักดิ์ถามหลังจากการสนทนาเรื่องคดีความเสร็จสิ้น ปรินทร์เล่าอาการที่เขารู้ให้ฝ่ายนั้นคร่าวๆ แววตาที่แสดงความเห็นใจทำให้ปรินทร์รู้สึกเป็นกันเองง่ายดาย เขาจึงเล่าแผนการที่จะย้ายบิดาไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯให้ฟัง ผมเห็นด้วยกับคุณ พ่อเลี้ยงเพิ่มศักดิ์กล่าวทันทีที่สิ้นเสียงปรินทร์ เวียงดาราเป็นอำเภอเล็ก เครื่องมือแพทย์ก็ไม่ทันสมัยเท่ากับในโรงพยาบาลใหญ่ๆ นายแพทย์เองก็ไม่เชี่ยวชาญเท่า ที่ผมพูดนี้ไม่ได้ดูถูกคุณหมอนพนะ พ่อเลี้ยงออกตัว แต่อาการของพ่อเลี้ยงปานนท์ไม่ใช่น้อยๆ ทุกวินาทีมีค่า มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกเถอะ ผมพอรู้จักหมอที่เก่งๆ อยู่บ้าง ชายหนุ่มจับได้ถึงความจริงใจอย่างคนที่เข้าใจกัน ตั้งแต่มาเยือนที่เวียงดารา ดูเหมือนมีเพียงพ่อเลี้ยงเพิ่มศักดิ์เท่านั้น ที่มีความคิดตรงกับเขา นอกนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุณป้าปิ่น หมอนพ ต่างทำท่าเหมือนไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น เพียงแต่ทั้งคู่ไม่แย้งออกมาตรงๆ เท่านั้น ขอบคุณครับ พ่อเลี้ยง และสารวัตรด้วย ขอบคุณที่กรุณาสละเวลา พ่อเลี้ยงเพิ่มศักดิ์เป็นนักธุรกิจ เวลาเป็นเงินเป็นทอง แต่ก็ยังสละเวลามาทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันอย่างเขา อย่าคิดมากเลย เราไม่ใช่คนอื่นไกล อย่างที่ผมเคยบอกคุณ พ่อคุณกับผมรู้จักคบค้ากันมานานนับสิบปี เรื่องที่เกิดกับพ่อของคุณนั้นผมรู้สึกเสียใจจริงๆ คนดีอย่างพ่อเลี้ยงนนท์ไม่น่าโชคร้าย มีอะไรให้ช่วย ผมและสารวัตรก็เต็มใจ อย่างที่ผมเคยบอกคุณ มีอะไรก็บอกผมได้ ปรินทร์ลาด้วยความเกรงใจ ก่อนที่เขาจะผละจากไป พ่อเลี้ยงเพิ่มศักดิ์ยังอุตส่าห์เอ่ยอาสาอย่างคนใจดีว่า เรื่องสวนป่าก็เหมือนกัน มีอะไรให้ช่วยก็บอก คุณพ่อป่วยไปอย่างนี้คงต้องเป็นหน้าที่ของคุณปรินทร์แล้วกระมัง งานสวนป่าเป็นงานหนัก ยุ่งยาก ผมมันเคยเสียแล้ว อยู่กับงานค้าไม้มาตั้งแต่จำความได้ ใจมันรักเสียแล้ว ความจริงผมยังเคยขอซื้อสวนป่าจากพ่อคุณเลย แต่พ่อคุณไม่ขาย เขารักสวนป่าเหมือนกับผมเหมือนกัน ชายร่างท้วมสูงวัยหัวเราะขึ้นเบาๆ ก่อนสำทับหนักแน่นอีกครั้งว่า อย่าลืมนะ คุณปรินทร์ มีอะไรโทรหาผม อย่างเกรงใจ
| จากคุณ |
:
alynnbook
|
| เขียนเมื่อ |
:
1 พ.ย. 52 05:39:37
|
|
|
|