เรื่องสยอง
ห้องยา
|
|
เรื่องสยอง
ห้องยา กริ่ง... กรี๊งงงงงงง..กรี๊ง......... เสียงกริ่งหน้าห้องยาดังขึ้นอีกแล้ว เอกสิทธิ์ เภสัชกรหนุ่มงัวเงียขึ้นมาจากเปลนอนลุกขึ้นมาจัดยาเพื่อจ่ายให้กับผู้ป่วยตามปกติ เขามักจะรู้สึกหงุดหงิดเป็นประจำที่ต้องมาทำหน้าที่ในเวรดึก เพราะนอกจากจะต้องอยู่คนเดียวในห้องจ่ายยาซึ่งแยกออกมาจากแผนกตรวจโรคคนละตึกแล้ว ช่วงเวลาการพักผ่อนก็จะขาดตอนเป็นระยะเพราะต้องตื่นขึ้นมาจ่ายยาให้กับคนไข้ที่ดันมาป่วยตอนกลางคืน แม้ว่าโรงพยาบาลแห่งนี้จะไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ใหญ่พอที่จะเปิดห้องยา 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับผู้ป่วยตลอดเวลา ซึ่งไม่เหมือนโรงพยาบาลขนาดเล็กทั่วไปที่เปิดแค่ 2 ทุ่ม หรืออย่างมากก็เที่ยงคืน แม้ว่าจะเปิดตลอดแต่คนไข้ช่วงดึกก็ไม่ได้มากเหมือนโรงพยาบาลใหญ่ๆ เฉลี่ยก็ประมาณสิบกว่าคน ทำให้พอได้พักบ้างเป็นระยะ รับประทานหลังอาหาร 3 เวลานะครับคุณตา หายปวดท้องก็หยุด เอกสิทธิ์อธิบายวิธีการรับประทานยาแก่คุณตาซึ่งปวดท้องกะทันหันในตอนดึก หลังจากจ่ายยาเสร็จก็หันไปมองนาฬิกา เฮ้อ เพิ่งจะตีหนึ่งครึ่ง กว่าจะ 8 โมงเช้า ทรมารจริงๆ เขาพึมพรำกับตัวเอง ก่อนล้มตัวลงนอนต่อ กรี๊งงงงงง...... 30 นาทีต่อมา เสียงกริ่งก็ดังขึ้นอีก เอกสิทธิ์ผงะตัวขึ้นมาเตรียมพร้อมจัดยา แต่พอชะโงกหน้าไปที่ช่องจ่ายยาตรงที่กริ่งวางอยู่กลับไม่เห็นคนไข้รออยู่สักคน เขารีบเดินไปดูที่ช่องจ่ายยาเพิ่มกับรู้สึกขนลุกซู่ เพราะในโรงพยาบาลตอนกลางคืนนอกจาบรรยากาศจะวังเวงแล้วดันต้องมาอยู่คนเดียวในห้อง อารมณ์มันคอยแต่จะเตลิดอยู่เรื่อย เขาชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่างช่องจ่ายยามองหาคนกดกริ่ง ห่านเอ้ย เขาสบถ เพราะคนที่เดินหันหลังไวๆ หันกลับมายิ้มหัวเราะชอบใจ นี่ก็อีกอย่างที่เอกสิทธิ์รำคาญมานาน พวกที่เป็นคนทำงานด้วยกันนี่แหละที่ชอบมากดกริ่งเล่นแล้วทำเอาเค้าตกอกตกใจ เค้ากลับมานอนได้สักพัก กรี๊งงงง... รับยาหน่อยครับ คนไข้ถือใบสั่งยารออยู่หน้าช่องจ่ายยา 2 คน หลังจากจ่ายยาเสร็จแล้วก็เกือบ ตีสามแล้ว เค้ารู้สึกหิวก็เลยชงมาม่ามานั่งกินที่โต๊ะพร้อมกับเปิดโทรทัศน์หารายการที่น่าดูไปเรื่อยๆ กินได้ยังไม่เท่าไหร่เสียงกริ่งก็ดังขึ้นอีก คราวนี้เป็นแม่อุ้มลูกที่ไม่สบายมารอรับยา เอกสิทธิ์จัดยาเสร็จก็เอาไปจ่าย ขณะที่แม่โน้มตัวมารับยานั้น ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการลูกก็คว้าเอากริ่งที่วางไว้หน้าช่องจ่ายยาขึ้นมาพร้อมกับขว้างลงพื้นอย่างแรง ทำไมทำอย่างนั้นหละลูก.....เพี๊ยะ ผู้เป็นแม่ฟาดเอาครั้งหนึ่ง ไม่เป็นไรครับ คงไม่พังหรอกครับ เอกสิทธิ์พูดปรามในขณะที่:-)้างมือเตรียมฟาดลูกอีก ขอโทษนะคะ ไอ้ลูกคนนี้มันซนจริงๆ ผู้เป็นแม่พูดก่อนนั่งลงเก็บกริ่งขึ้นมาส่งให้เอกสิทธิ์ก่อนเดินจากไป เขาเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วเช็คดูว่ากริ่งมีอะไรเสียหายบ้างนอกจากรอยบุบเล็กน้อย พอลองกดดูก็ยังคงได้ยินเสียง กรี๊งงง ... โชคดีไปที่ยังไม่เสีย ตีสามครึ่งแล้ว....เอกสิทธิ์หันไปมองนาฬิกา หลังจากซัดมาม่าไปแล้วเขาก็ดูรายการเพลงจนเพลินลืมเวลาพักอันแสนจะมีค่าไปเลย แต่ก็แปลกช่วงนี้ไม่เห็นมีใครมารับยา ทีตอนนอนนี่มากันจัง เขาคิดในใจ จากนั้นก็เดินไปปิดโทรทัศน์แล้วก็ล้มตัวลงบนที่นอนอีกครั้ง กรี๊ง.....กรี๊ง.....กรี๊ง....... ประมาณชั่วโมงถัดมาเสียงกริ่งก็ดังขึ้นอีก เขางัวเงียลุกขึ้นมองไปที่ช่องจ่ายยา อีกละ แกล้งกูอีกละ เขาคิดพร้อมกับรู้สึกโมโหเพราะไม่เห็นคนไข้มายืนรอรับยาและก็คงเป็นพวกเดิมที่ชอบมากดกริ่งเล่นนั่นแหละ เขาลุกขึ้นเดินมาดูที่ช่องจ่ายยา แต่ อ้าว!!!คุณตาแก่ๆ คนหนึ่งนั่งอยู่ตรงเก้าอี้หน้าห้องยา ซึ่งเป็นเก้าอี้ที่คนไข้รอรับยาจะนั่งรอเรียกชื่อหากเป็นช่วงเวลากลางวันที่คนไข้เยอะ เป็นอะไรครับคุณตา ทำไมไม่มายื่นใบสั่งยาหละครับ ทำไมไปนั่งตรงนั้น เขาถาม ปวดท้อง หลานเอ้ย ตาเดินไม่ไหว คุณตาตอบ เอาใบสั่งยามาให้ผมก่อนครับ เดี๋ยวผมจะได้จัดยาให้ คุณตาจะได้ทานยา เขาพูดย้ำ ตาปวดท้อง หลานเอ้ย ตาเดินไม่ได้ คุณตาตอบคำเดิม ตาครับ ตาเดินไม่ได้ แล้วตาเดินมาจากห้องตรวจตึกโน้นมากดกริ่งเรียกผมได้ยังไงครับ แต่หลังจากพูดจบ คราวนี้ขนเริ่มตั้งชันอีกแล้วเพราะเขาไม่เห็นกริ่งที่วางอยู่ตรงช่องจ่ายยา เอกสิทธิ์หันขวับกลับไปมองที่โต๊ะ ......กริ่ง.....ยังวางอยู่ตรงนั้น หลังจากที่ถือไปตรวจดูความเสียหายแล้วเขาก็ลืมเอามาตั้งไว้ที่เดิม แล้วมันดังได้ยังไง คุณตาคนนี้ไม่มีทางเอื้อมมือไปกดได้แน่และที่สำคัญทุกครั้งที่จ่ายยาเสร็จเขาจะล็อกประตูช่องจ่ายยาทุกครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่อาจทนอยู่ตรงนั้นได้อีกก็คือ เมื่อเขาหันกลับมา ไม่มีคุณตาคนนั้นนั่งตรงเก้าอี้แล้ว เหมือนหายไปกับสายลม และก็เป็นไปไม่ได้ที่แกจะเดินหนีจากตรงนั้นภายในเสี้ยววินาทีโดยที่เขาไม่เห็น เอกสิทธิ์หนีจากห้องยากลับที่พักทันที พอรุ่งเช้าหัวหน้างานต้องมาตามถึงที่พักก็พบว่าเขานอนซมไข้ขึ้น เขาเล่าเรื่องที่เจอให้กับเพื่อนร่วมงาน ก็เลยรู้จากคนที่มาอยู่ก่อนว่าน่าจะเป็นผีของตาอินทร์ที่ตายเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วด้วยไส้ติ่งแตก มาโรงพยาบาลราวๆ ตี4 นั่นแหละ ตอนนั้นแพทย์วินิจฉัยว่าปวดท้องธรรมดาสั่งยากลับบ้านแล้วให้มารับที่ห้องจ่ายยา ตาแกก็เดินมากดกริ่งได้สามครั้งแล้วก็ขาดใจตายอยู่ตรงนั้น..........
จากคุณ |
:
Always Red
|
เขียนเมื่อ |
:
3 พ.ย. 52 23:21:00
|
|
|
|