บ้านนิทาน อ่านแล้วเพลิน ตอน...ดอกไม้ สายน้ำ และความรัก
|
|
กาลครั้งหนึ่ง...ไม่รู้ว่านานหรือเปล่า
ณ. เมืองที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีเหลืออร่าม ไม่ว่าจะเป็น ทานตะวัน ดาวเรือง ดาวกระจาย กล้วยไม้ และสารพัดดอกไม้ที่สรรหาจะเป็นสีเหลืองได้
มีพระราชาก้อนดินกับพระราชินีก้อนหินปกครองดินแดนแห่งนี้มาเนิ่นนานกว่าสองพันปี ทั้งสองพระองค์ต่างมีโซ่ทองคล้องใจเป็นองค์หญิงตัวน้อยๆน่ารักนามว่า...องค์หญิงดอกไม้
พระราชาก้อนดินทรงรักองค์หญิงดอกไม้มาก เมื่อพระองค์ทราบว่าองค์หญิงน้อยโปรดปรานดอกไม้สีเหลืองพระราชาก็ทรงหามาปลูก ไม่ว่าจะชนิดไหน พันธ์อะไร
นานวันเข้า องค์หญิงน้อยเติบโตกลายเป็นองค์หญิงตัวเล็กแสนซน พระราชินีก้อนหินก็ทรงหาโรงเรียนประถมที่ดีที่สุดในเมือง และครูที่ดีที่สุดในเมืองให้แก่องค์หญิง แต่องค์หญิงดอกไม้ช่างซุกซน พระองค์ทรงเรียนบ้าง ไม่เรียนบ้าง (หนักไปทางเล่นซะมากกว่า) แต่ถึงอย่างไรองค์หญิงดอกไม้ก็อยู่ในโอวาทของพระราชาและพระราชินีอยู่เสมอ
วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆจนกระทั่งองค์หญิงดอกไม้สำเร็จการศึกษามัธยมต้น (มาอย่างทุลักทุเล)
"ลูกจะต้องเข้าเรียนต่อในสายวิทย์" พระราชาพูดขึ้นบนโต๊ะอาหารเช้าของวันหนึ่ง พระองค์เล็งเห็นว่าองค์หญิงดอกไม้ใช้ชีวิตสนุกสนานมากเกินไปจนอาจลืมภารกิจที่จะต้องสืบทอดบัลลังก์
"แต่ลูกอยากเรียนสายศิลป์ค่ะ ลูกไม่ชอบนั่งคิดเลข" องค์หญิงกล่าว
"องค์หญิงดอกไม้ ลูกจำเป็นต้องเรียนทางสายวิทย์นะ ไม่ว่าลูกจะชอบมันหรือไม่ แต่ลูกจะต้องสืบทอดบัลลังก์ต่อจากพ่อและแม่" พระราชินีกล่าวเสริม
"นี่พ่อกับแม่ยังมีความคิดที่จะส่งต่อบัลลังก์อยู่เหรอ ก็เห็นปกครองกันเองมาได้ตั้งสองพันกว่าปี" องค์หญิงดอกไม้นึกในใจ แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ และไม่สามารถตอบปฎิเสธได้เช่นกัน
ในที่สุดองค์หญิงดอกไม้ก็เข้าศึกษาในโรงเรียนมัธยมปลายตามความประสงค์ของพระราชาและพระราชินี... ในสาย ศิลปะ (เอ่อ ไหนบอกว่าองค์หญิงอยู่ในโอวาทของพ่อแม่ไง)
ด้วยเหตุนี้ทำให้พระราชาก้อนดินทรงโกรธเป็นอย่างมาก เมื่อองค์หญิงสำเร็จการศึกษาทางด้านสายศิลปะแล้ว พระราชาก็ทรงขังองค์หญิงเอาไว้ในหอคอยอันร้อนระอุเพื่อเป็นการลงโทษ นอกจากนั้นยังทำลายดอกไม้สีเหลือสดใสทั้งหลายที่องค์หญิงดอกไม้โปรดปรานออกจากบริเวณหอคอยจนหมด
องค์หญิงนั่งวาดรูป และเขียนกลอนอยู่ในหอคอยอย่างมีความสุข (ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยจริงๆ) ไม่นานความเบื่อหน่ายก็เดินเข้ามาหาองค์หญิงพร้อมความคิดที่จะหนีออกจากหอคอย
"เราต้องกระโดดหน้าต่างออกไป" องค์หญิงคิด พร้อมทั้งชะโงกหน้าออกไปทางหน้าต่าง ... "ถ้าเราตกลงไปเราจะรอดมั๊ย" องค์หญิงดอกไม้ถามตัวเองขณะมองลงไปด้านล่างซึ่งเห็นเพียงทหารเฝ้าหอคอยเล็กเท่าเมล็ดถั่วงอก
ในขณะที่องค์หญิงดอกไม้กำลังจะเหี่ยวเฉาตายเพราะความเบื่อนั้น อยู่ดีๆก็มีวัตถุประหลาดลอยคว้างมาจากท้องฟ้า องค์หญิงดอกไม้รีบวิ่งหากรงหรือสิ่งของอะไรที่สามารถจับมันได้ องค์หญิงดอกไม้คิดว่าสิ่งนั้นมันคือนก ...เจ้านกจะอยู่เป็นเพื่อนองค์หญิงยามเหงา
"อ๊ากกกกกก คนหรือเนี่ย" องค์หญิงดอกไม้ตกใจสุดขีดเมื่อรู้ว่าตัวเองเอากรงนกทุบหัวใครก็ไม่รู้ (เหวี่ยงกรงซะเต็มเหนี่ยว)
"โอ๊ย ใครลอบทำร้ายเรา" หนุ่มน้อยนิรนามคราง เขาลอยมาตกอยู่ตรงระเบียงห้องขององค์หญิงดอกไม้พอดี
"เจ้า...เจ้าเป็นใคร" องค์หญิงลองเอาไม้เขี่ยๆดูเพื่อทดสอบ บางทีเขาอาจตายแล้ว (ตายแล้ว ... แล้วแมวที่ไหนพูดล่ะเมื่อกี้)
"เราน่าจะถามเจ้ามากกว่าว่าเจ้าเป็นใคร เจ้ากล้าทำร้ายองค์ชายสายน้ำเชียวหรือ"
"นี่เจ้ากล้าถามองค์หญิงดอกไม้อย่างเราเลยรึ นี่ถ้าเราไม่ลองเอาไม้เขี่ยเจ้าดูเจ้าคงตายไปนานแล้ว"
"เราเป็นคน ไม่ใช่ตัวอะไร จะได้เอาไม้มาเขี่ย" องค์ชายสายน้ำลุกขึ้นปัดฝุ่นออกจากเสื่อผ้า
"เอาเถอะ ถึงอย่างไรเราจะถือว่าเจ้าเป็นเพื่อนของเรา และเจ้าจะต้องอยู่เป็นเพื่อนคุยกับเราจนกว่าเสด็จพ่อจะปล่อยเราออกจากหอคอยแห่งนี้"
"ไม่ เราจะกลับเมืองของเรา" องค์ชายสายน้ำหันหลังให้กับองค์หญิงดอกไม้
"เชิญ เจ้าจะกลับยังไงก็เชิญ ถ้าเจ้าตกลงไปแล้วไม่ตายเราก็จะกระโดดตามไป"
... ในที่สุดองค์ชายสายน้ำก็ต้องหันกลับมาทางองค์หญิงดอกไม้เหมือนเดิม... "ตกลงไปก็ตายสิ"
ความเบื่อหน่ายเดินออกจากหอคอยขององค์หญิงดอกไม้ เมื่อมีองค์ชายสายน้ำคอยอยู่เป็นเพื่อนคุย ไม่ว่ายามหลับ หรือยามตื่น
ทุกเช้า ทั้งสองจะออกมานั่งที่ระเบียงและขว้างขนมปังใส่ทหารยามหน้าหอคอย เมื่อนกที่บินไปมาเห็นเข้าพวกมันก็เข้ามาห้อมล้อมองค์หญิงและองค์ชาย
บางครั้ง องค์ชายสายน้ำจะเล่าเรื่องตลกของเมืองที่ตนจากมาให้องค์หญิงดอกไม้ฟัง เป็นที่โปรดปรานขององค์หญิงยิ่งนัก
บางทีองค์หญิงดอกไม้ก็สอนให้องค์ชายสายน้ำเขียนกลอน เล่นดนตรี และวาดรูป เป็นที่สนุกสนาน
บางวันองค์ชายสายน้ำก็สอนให้องค์หญิงปลูกดอกไม้เอาไว้ริมระเบียง สอนให้องค์หญิงรดน้ำ และสอนให้รู้จักรักพวกมัน
... บางทีอาจแยกองค์หญิงดอกไม้ออกจากองค์ชายสายน้ำไม่ได้แล้วก็เป็นได้...
ความผูกพันเล็กๆค่อยๆถักทอขึ้นทีละนิดกระทั่งเหนียวแน่นเกินกว่าคำว่า "เพื่อน" เหมือนครั้งแรกที่เจอกัน
เรื่ององค์ชายสายน้ำพลัดหลงเข้าไปในหอคอยขององค์หญิงดอกไม้แพร่สะพัดไปถึงหูพระราชากับพระราชินี
เมื่อพระราชาทรงทราบเรื่องก็โกรธเป็นอย่างหนักและจับองค์หญิงดอกไม้แยกออกจากองค์ชายสายน้ำ
"อย่าแยกลูกออกจากองค์ชายสายน้ำเลยนะคะ ลูกขอร้อง" องค์หญิงดอกไม้อ้อนวอนพระราชากับพระราชินี
"แต่สิ่งที่ลูกทำอยู่มันไม่ถูก" พระราชินีก้อนหินกล่าวเสียงดุ
"ลูกรู้ค่ะ ลูกรู้ว่าลูกทำผิด แต่ลูกเองก็ขาดองค์ชายสายน้ำไม่ได้แล้วเช่นกัน"
"แต่นี่ยังไม่ใช่เวลาของลูก อย่าลืมสิองค์หญิงดอกไม้ เจ้าคือผู้สืบทอดบัลลังก์ ดังนั้นเจ้าจะต้องอภิเสกกับผู้ที่เหมาะสมกับเจ้า" พระราชาก้อนดินขึ้นเสียงดังด้วยความโกรธ
"แล้วองค์ชายสายน้ำไม่เหมาะกับลูกเช่นไรคะ ในเมื่อเขาเองก็เป็นองค์ชายจากเมืองอื่น"
"เพราะเราไม่เคยมีสัมพันธ์กับเมืองขององค์ชายสายน้ำอย่างไรล่ะ ลูกจะต้องอภิเสกกับองค์ชายสายหมอก เมืองนี้มีสัมพันธ์อันดีกับเรามานาน"
"แต่ลูกมิได้รักองค์ชายสายหมอก คนที่ลูกรักคือองค์ชายสายน้ำต่างหาก"
"องค์หญิง นี่พ่อเป็นพ่อของลูกนะ ลูกที่ดีต้องอยู่ในโอวาทของพ่อแม่" พระราชาเงียบไปสักพักก่อนจะพูดต่อ
"อีกไม่นาน องค์ชายสายหมอกจะมาที่เมืองเรา และนำลูกไปอยู่ด้วยที่โน่น พ่อจะจัดพิธีอภิเสกของลูกอย่างใหญ่โตให้สมเกียรติ์"
ประโยคนี้ทำให้องค์หญิงดอกไม้ตกใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นองค์หญิงดอกไม้เทลาะกับพระราชาก้อนดินรุนแรง ทำให้องค์หญิงเศร้าเสียใจเป็นอันมาก หากจะต้องเลือกระหว่างบุรุษสองคนที่พระองรักมากที่สุดเท่าเทียมกัน
ในที่สุดองค์หญิงดอกไม้ก็ตัดสินใจหนีออกจากเมือง
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าองค์หญิงดอกไม้อยู่ที่ไหน บ้างก็ว่าองค์หญิงหนีเข้าป่าไปบวชชี บ้างก็ว่าองค์หญิงเป็นบ้า เลี้ยงลูกลิงอยู่ในป่า และอีกสารพัดที่จะว่ากันไป
องค์ชายสายน้ำติดตามเข้าป่าไปเพื่อตามหาองค์หญิงดอกไม้แต่ก็ไม่พบ ไม่นานองค์ชายสายน้ำก็เดินทางกลับบ้านเมืองของตัวเอง
จากนั้นก็อภิเสกกับองค์หญิงดอกบัว ครองคู่กันอย่างมีความสุข
............ เมื่อก้อนดิน ดูสวย ด้วยดอกไม้ ................ ............ แล้วเหตุใด จึงไร้ ซึ่งความหอม ................ ............ เพราะดอกไม้ ต้องมีน้ำ คอยประลอม ................ ............ ให้รสดิน กลมกล่อม ย้อมสีดิน .................
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...
พ่อแม่ คือผู้ให้กำเนิด แต่ ไม่ใช่ผู้กำหนด และ ความรัก กินไม่ได้ รักมากไปอาจไม่พอดี
แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 52 20:24:47
จากคุณ |
:
อศิธารา
|
เขียนเมื่อ |
:
6 พ.ย. 52 16:10:23
|
|
|
|