ความคิดเห็นที่ 1 |
ก็เรื่องมันมีอยู่ว่า
สักห้าวันก่อน หลังจากที่ป่วยเสาะแสะมานาน ในที่สุด... ยัยส้มก็ทิ้งร่างอันอ้วนกลมของมันล้มหมอน นอนเสื่อจนได้ มันหายใจรวยริน ตัวกระเพื่อมแค่ทีละน้อย ๆ เท่านั้น
แน่นอนอยู่แล้วว่า ผมซึ่งเห็นมันเติบโตมา แทบจะเรียกได้ว่าไอ้เบื้อกกะยัยส้มเหมือนพี่น้องคลานตามกันมา มันย่อมต้องกระวนกระวายใจอย่างเป็นที่สุด แต่ท่าทางบ้านนอกแบบนั้น จะมีสัตวแพทย์จากไหนมาเปิดร้านรักษาสัตว์ แม้แต่ในตัวอำเภอก็เถอะ ผมยังไม่เคยเห็นคลินิกรักษาสัตว์เลย ทางเดียวคือไอ้เบื้อกต้องพายัยส้มเข้าตัวจังหวัด แต่มันก็ทั้งไกลและต้องใช้เงินเท่าไรก็ไม่รู้
(((((มนุษย์น่ะ ยกเรื่องเงินมาเป็นข้อจำกัดทุกอย่างเสมอ))))
บ้านไอ้เบื๊อกก็คงไม่มีเงินมากพอขนาดนั้น แล้วมันจะหวงชีวิตยัยส้มไปทำไมวะ ปล่อยให้นอนพะงาบๆ ทรมานอยู่ได้
ผมล่ะขำ ที่มันจัดที่นอนให้ยัยส้ม เอาผ้าห่มเก่า ๆ มาปู อุ้มมันมานอน หาข้าวและน้ำมาวางให้มัน แต่สัตว์โลกสี่ขาตัวน้อยกลับไม่ยอมกินอะไร นอนนิ่งอยู่อย่างนั้น ตัวแทบไม่เขยื้อน ไม่มีแม้แต่เสียงคราง ตาเบื๊อกนั่งเฝ้าไข้มันตลอด
ยัยส้มถึงฆาต... ผมมั่นใจ แต่ตาเบื๊อกกลับไม่ยอมรับความจริงข้อนั้น มนุษย์ไม่เคยยอมรับความจริง ความฝันของมนุษย์คือฝืนธรรมชาติ เถียงพระเจ้า เถียงสัจจะ ยกยอตัวเอง
. . . . . และเมื่อสองวันก่อน ตอนเกือบ ๆ สี่โมง ผมไปรับยัยส้มครั้งแรก ผมต้องสนองนโยบายการรับวิญญาณฉบับใหม่ ให้ยมทูตปรับตัวให้ใกล้เคียงหน้าตาญาติสนิทของวิญญาณ จึงต้องแต่งตัววัยรุ่น จัดหน้าให้อายุเท่าตาเบื๊อกนี่ ถ้าเอาอายุจริงๆ ของผม ไอ้บ้านี่ คงร้องให้ขี้มูกโป่งตกใจตายก่อนยัยส้มแน่ ๆ
ผมคงแต่งเนียนมาก ทันทีที่มันเห็นผม มันก็ถามว่าเป็นใคร มาจากไหน พอผมตอบว่า เป็นยมทูต แน่ะ... มันไม่เชื่อ ดูมันถามถี " อะไรของแก เมายาเรอะ " ผมอยากเอานิ้วจิ้มตาทึ่มๆ มัน แต่จรรยาบรรณผมครอบจิตอยู่ " เปล่า เป็นยมทูตจริง ๆ นะ " มันกลับไล่ " เฮ้ย ๆ ออกไป เข้ามาทางไหนออกไปทางนั้นเลย " ผมต้องทนเก็บอาการขำไอ้เบื๊อก " ไม่ได้หรอก ผมต้องทำงาน " " งานอะไร ? " " มาเอาชีวิต หมาตัวนั้นถึงฆาตแล้ว "
ตาเบื๊อกตกใจ หันหลังกลับไปมองนังส้มทันที รายนั้นยังคงนอนหายใจพะงาบ ๆ อยู่ที่เดิม สีหน้ามันรับความจริงไม่ได้ " เฮ้ย พูดอะไรไม่รู้เรื่อง ออกไปได้แล้ว ไป๊ " ผมโอเค " เดี๋ยวขอทำงานก่อน พอเสร็จงานแล้วจะรีบออกไปทันที "
ผมก็กะจูงวิญญาณยัยส้มกลับ ไอ้เบื๊อกก็ตกใจ รีบเอื้อมมือไปจับแขนพร้อมกับออกแรงกระชากจนตัว ผมต้องเซหมุนคว้างเพื่อเอาใจมันอีกตามเคย ไอ้บ้าถามผมเหมือนไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง " ทำอะไร ! " " ก็จะเอาชีวิตมันไง " " ชีวง ชีวิต อะไร ออกไปได้แล้ว ! " " ก็มันถึงฆาตแล้ว ผมต้องมาเอา ... "
พล่อก ! มันต่อยผมครั้งแรก แปลกดี... มนุษย์ใช้มืออ่อนๆ ทำร้ายยมทูต ฮ่าฮ่า มันคิดได้ไง แต่ผมถูกสอนมาว่าถ้าถูกต่อยแบบนี้แรงเท่านี้ เราต้องล้มลงก้นจ้ำเบ้ากับพื้น และปล่อยให้มันกำหมัด ยืนตระหง่านต่อหน้า ตะเบ็งเสียงใส่ " บอกให้ออกไป ก็ออกไปเซ่ ! พูดไม่รู้เรื่องรึไง ! เมายามาจากไหนว่ะ ! "
ผมลุกขึ้นยืน แล้วก็มองหน้ามัน พยายามอ้างเรื่องเวลา " ตอนนี้เลยเวลาสี่โมงสี่นาทีแล้ว " แต่มันไม่แยแสแฮะ " บ่นบ้าอะไร บอกให้ออกไป " ผมพูดดีๆ แท้ๆ " เพราะคุณมาขวางผมไว้ ทำให้ผมไม่สามารถเอาชีวิตของมันได้ตามกำหนดเวลา เวลาตายของมันเลยต้องคลาดเคลื่อน "
" บอกให้ออกไปก็ออกไปสิวะ ! "
เออ เอาใจมันอีกหน่อยก็ได้เว่ย " งั้นพรุ่งนี้ผมจะมาใหม่อีกครั้งตอนสี่โมงเย็น "
" ไปได้ได้แล้ว ไป๊ ! "
ผมไม่ตอบอะไร รีบหันหลังให้กับตาเบื๊อก แล้วก็หายร่างไปอย่างทันทีทันใด จะไม่รีบได้ไง ผมจะเอารอยช้ำที่โดนมนุษย์ต่อยไปอวดเพื่อนๆ ก็ตอนที่ผมรับหน้าที่เอาวิญญาณหมา เพื่อนก็ล้อว่างานธรรมดาไม่ท้าทาย แต่ถ้าผมมีรอยชก รอยเลือดไปโม้พวกมัน คงพากันอิจฉาน่าดู ว่าเอาวิญญาณหมาก็สนุกดี
ต่อไปคงแย่งกันจูงวิญญาณหมาน่าดู
จากคุณ |
:
rainfull
|
เขียนเมื่อ |
:
7 พ.ย. 52 15:33:30
|
|
|
|