Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
_ _ _ _ _ ภ วั ง ค์ เ ส น่ ห า _ _ _ _ _ _ บทที่ 1 Desperate First Jobber  

* ชื่อกระทู้ผิดนะครับ จริง ๆ เป็นตอนที่ 2 T T ขอโทษครับ

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8472839/W8472839.html บทที่ 1 Home

-------------------------------------

บทที่ 2
Desperate First Jobber


1


         เสียงหวูดรถไฟดังอย่างต่อเนื่อง แล้วค่อย ๆ เบาลง แทรกด้วยเสียงเอียดอาดของล้อที่กระทบกับรางเหล็กดังลั่นสอดรับกับเสียงระฆังที่ดังเหง่งหง่างท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคักชุลมุน สติของแพรวได้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวก็ต่อเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่ดังซ้ำซากอยู่ข้างหู อาการปวดศีรษะค่อย ๆ ทุเลาลง แต่ก็ยังคงอยู่

         “นี่ถ้ายังไม่ตื่น ฉันจะทิ้งแกไว้ตรงนี้แหละ”

         เสียงที่แว่วเข้ามาดูกระชาก คล้ายกับหงุดหงิด แต่กระนั้นก็ยังแฝงไว้ด้วยความสนิทสเน่หามากพอที่แพรวจะไม่ถือสาและตอบสนองคำพูดนี้อย่างไม่คิดอะไร

         “อืห์ม”

         แพรวค่อย ๆ ลืมตาตื่น ปล่อยเวลาไปอีกเกือบจะนาทีกว่าร่างกายที่ขดตัวเองนิ่งอยู่นานจะพร้อมใช้งาน และพาสัมปชัญญะให้พ้นจากห้วงนิทรากลับมาสู่ภาวะตื่นตัว ปวดหัวตุบ ๆ เหมือนน้ำในหูไม่เท่ากัน ผลกระทบจากแอลกอฮอล์เกินขนาด เพราะพวกมันแท้ ๆ เชียวที่ทำให้หล่อนมีสภาพแบบนี้

         กวาดสายตามองภาพรอบด้าน ภาพอันมัวซัวชัดเจนขึ้นภายในเสี้ยววินาที ความทรงจำตามมาเป็นสิ่งสุดท้าย เมื่อร่างกายและสติพร้อมนั่นแหละ แพรวจึงจะสามารถระลึกจะกลับมาปะติดปะต่อได้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน

         “เอ้า ! ลุกขึ้นมาสักทีสิ” เสียงเดิมดังเข้ามาอีก แต่คราวนี้พอฟังอย่างมีสติครบ เลยดูเหมือนจะรับความหงุดหงิดจากผู้พูดได้มากกว่าเดิม แต่กระนั้นแพรวก็ยังหาได้ใส่ใจแต่อย่างใดไม่ เฟิร์นเป็นเช่นนี้เสมอ รู้จักกันมาหลายปีก็ไม่เคยเปลี่ยน ลุกลี้ลุกลน โวยวายและขี้หงุดหงิด  

         “หรือจะรอให้ใครมาอุ้มแกยะ” ขวัญก้มมองลงมาอย่างขบขัน

         “อีบ้า” แพรวโต้ไปตามสัญชาตญาณ

         “เอาเลยสิ คนตรวจตั๋วน่ะ มองแกตาเป็นมันเชียว จะให้เขาอุ้มแกโยนลงรถหรือจะให้อุ้มไปไหนก็บอกเขาแล้วกัน” เฟิร์นพร่ำบ่น พร้อมเดินสะบัดไปยังเก้าอี้ด้านหน้า แล้วเอื้อมหยิบพวกสัมภาระเล็ก ๆ จากเบาะ ด้วยร่างที่อวบอ้วนบวกเข้ากับความสูงที่แทบจะไม่ถึงร้อยหกสิบ เฟิร์นดูลำบากลำบนเสียเหลือเกินกับการกระทำเช่นนั้น แล้วไหนจะยิ่งสีหน้าอันบูดบึ้งและท่าทางเหน็ดเหนื่อยอย่างไร้สติของเจ้าหล่อนอีก ยิ่งทำให้เฟิร์นดูทุลักทุเลอย่างน่าสมเพช แพรวอยากจะหัวเราะออกมานัก แต่ก็เกรงใจ

         “นั่นไง เดินมาแล้ว”

         ยังไม่วายจะหันมาเหน็บ แพรวสวนออกไปอย่างเริ่มหงุดหงิด

         “พอเถอะ มันไม่ขำ” ปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรงกะทันหัน แพรวรีบใช้มือทั้งสองข้างกดขมับไว้ ฟุบใบหน้าลงเล็กน้อย เหมือนกำลังพยายามปรับสมดุลร่างกาย

         “น้ำหน่อยไหมล่ะ จะได้สร่าง” ขวัญยื่นขวดน้ำมาให้ คล้ายจะมีน้ำใจ แต่ไม่ทันจะได้ตอบขอบคุณ เพียงแค่ได้หันไปสบตากับเจ้าหล่อนแล้ว ถ้าไม่โง่จนเกินไปก็คงจะไม่มีใครพูดขอบคุณออก ก็ดูสายตาของมันสิ ร้ายกาจนักนะ นี่ไม่ใช่แค่น้ำใจธรรมดาแล้วล่ะ แต่มันคือน้ำใจที่ผสมไว้ด้วยยาพิษ สายตาและมุมปากของขวัญคล้ายจะเยาะเย้ยอยู่กลาย ๆ

         แสบนัก ! สายตาแบบนี้ กี่ปีก็ไม่เคยเปลี่ยนเหมือนกัน

         “ไม่เอาหรือ”

         “เอา” สุดท้ายก็ต้องรับมาดื่มอยู่ดี เสียแต่ว่าไม่ขอบคุณให้เสียท่าหรอก รับมาแล้วก็ดื่มเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บใจ “ไม่น่าพลาดเลย เพราะไอ้บอลแท้ ๆ เชียว ไม่น่าบ้าไปกับมันเลย”

         “หนอย ! อย่าพูดเหมือนกับว่ามันเอาเหล้ากรอกปากแกนักเลยน่ะ” เฟิร์นสวนมา “ฉันจำได้ว่าแกไม่ใช่หรือที่ริก ๆ อยากจะกิน แถมเตือนให้พอก็ไม่พอ อย่าให้สะสางนะว่าแกทำอะไรแสบเอาไว้เมื่อคืนน่ะ”

         “ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” แพรวร้อง

         “ไม่ได้ทำอะไรเลย!” ขวัญสวนออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทำท่าล้อเลียน “นอกจากเสียงดังจนโดนด่า แล้วก็ไปทำตาเยิ้มกับพนักงาน แถมยังตั้งท่าจะกระโดดลงหน้าต่าง อย่ามาทำเป็นจำไม่ได้”

         “อีบ้า ! ฉันไม่ได้ทำตาเยิ้มกับใคร แล้วก็ไม่ได้จะกระโดดออกนอกหน้าต่าง ไอ้บอลกับไอ้นัทต่างหากที่จะโยนหนังสือฉันออกไป ฉันก็แค่เอื้อมไปคว้าเอาไว้ แล้วนี่ทำไมแกสองคนต้องมาหงุดหงิดกับฉันด้วยวะ”

         “ฉันไม่ได้หงุดหงิด” ขวัญยักไหล่ แสร้งลอยหน้าลอยตา “เฟิร์นหงุดหงิดคนเดียว”

         “ฉันไม่เคย... ไม่เคยขายขี้หน้าขนาดนี้มาก่อน” เฟิร์นพูดอย่างมีอารมณ์ “มีอย่างที่ไหน โดนคนทั้งโบกี้ด่า แถมเกือบจะโดนพนักงานจับโยนลงจากรถ  แล้วแกแก้ปัญหายังไงกับสถานการณ์นี้ยะ หัวเราะคิก ๆ หน้าแดง ตัวอ่อนอยู่กับเบาะ ฉันกับขวัญนี่ บากหน้าก้มกราบขอโทษคนแทบทั้งโบกี้ ไม่เข้าใจเลย ทำไมฉันมีเพื่อนเกรอะกรังขนาดนี้”

         “อย่ามาด่าฉันคนเดียวสิ ไม่แฟร์ ไอ้พวกผู้ชายนั่นแหละตัวดี”   ปวดหัวตุบ ๆ เหมือนมีตัวอะไรสักอย่างดิ้นอยู่ในเนื้อสมอง ในขณะที่สายตากวาดมองไปรอบ ๆ เห็นภาพโบกี้ท้ายขบวนของรถไฟชั้นสามที่แทบจะไม่เหลือคนนั่งอยู่แล้ว แพรวค่อย ๆ บิดขี้เกียจ ขับไล่ความง่วงซึมและมึนเมา

         “โอ๊ย ! สร่างสักทีเถอะ ถ้ายังไม่ลุกขึ้นมา อีกสามนาทีแกได้นั่งกลับไปกรุงเทพแน่”

         “แล้วแกจะเสียใจที่ทริปนี้ไม่มีฉัน” เป็นประโยคที่ไม่เด็ดเอาเสียเลยถ้าเทียบกับสถานการณ์ แพรวผิดหวังกับตัวเองเล็กน้อย แต่ก็ช่างมันเถอะ คิดได้แค่นี้ เอาไว้คราวหน้าจะเอาใหม่

         ขวัญหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะเดินลงไป ร่างผอมแห้งคล้ำแดดเก้งก้างของขวัญเบียดผ่านร่างอ้วนกลมที่กำลังพยุงสัมภาระแบบบ้าหอบฟางของเฟิร์นได้อย่างสบาย ในขณะที่เฟิร์นทำของร่วงซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะอีกมือมัวแต่กดโทรศัพท์ กว่าจะเดินลงจากรถได้ช้ายิ่งกว่าเต่าคลาน แพรวดีใจที่ตนเองสามารถสร่างเมาและลุกขึ้นยืนได้ก่อนที่เฟิร์นจะจัดการกับข้าวของตัวเองเรียบร้อยเสียอีก คว้ากระเป๋าสะพายใบขนาดกลางสัมภาระเพียงอย่างเดียวแล้วเดินตามเฟิร์นลงจากรถไปด้วยท่าทางที่มั่นใจแล้วกระฉับกระเฉงที่สุด

         ความง่วงซึมและความอ่อนเพลียหายไปสิ้นเมื่อได้สัมผัสกับบรรยากาศภายนอกอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แสงแดดในเวลาแปดโมงกระตุ้นให้รูม่านตาของแพรวขยายออกอย่างรวดเร็ว บวกเข้ากับสายลมเบา ๆ และเสียงผู้คนที่จอแจอยู่บริเวณนั้น ทำให้ร่างกายของแพรวกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอย่างทันตาเห็น บิดขี้เกียจขับไล่ความอ่อนเปลี้ยออกไป ปรับร่างกายให้อยู่ในความพร้อมจนถึงขีดสุด

         พร้อมเดินทาง !

         อารมณ์สุนทรีย์บางอย่างในความคิดของแพรวกำลังทำให้สถานที่ธรรมดา ๆ แห่งนี้แปลกใหม่ ถ้าเป็นในสถานการณ์ปกติ กะอีแค่ท่าสถานีรถไฟเก่า ๆ ที่มีคนเยอะอย่างกับฝูงมดแห่งนี้ จะไม่มีทางสร้างความตื่นตาตื่นใจหรืออารมณ์สุนทรีย์ทางบวกใด ๆ ให้กับแพรวได้อย่างแน่นอน

         แต่ในวันนี้มันไม่ใช่ ในวันนี้... ไม่ว่าอะไรก็ตามดูจะทำให้ภาพในหัวของแพรวมันแสนจะน่าตื่นตาตื่นใจไปเสียทั้งหมด ขนาดรถสามล้อธรรมดาที่ติดเครื่องยนต์เสียงดังโหวกเหวกบาดหูอยู่ไม่ไกลหรือฝูงเด็ก ๆ เนื้อตัวขมุกขมอมที่วิ่งเล่นเจี๊ยวจ๊าวน่ารำคาญอยู่รายรอบก็ยังทำให้แพรวรู้สึกสดชื่นได้ เพราะอันที่จริง แพรวก็ไม่ได้จะแยแสสิ่งเหล่านี้ไม่ ใจของแพรวกระหวัดไปถึงท้องทะเลสีคราม หาดทราย และเสียงคลื่นลมต่างหาก

         เพราะนี่คือทริป !

         ไม่มีเหตุผลใดที่แพรวจะไม่รู้สึกสดชื่นไปกับทุกสิ่ง แต่ดูเหมือนเพื่อน ๆ ของหล่อนจะไม่ได้คิดเช่นนั้นไปด้วย

         “นี่พวกมันมันหายไปไหน ทำไมพวกมันทิ้งของเอาไว้อย่างนี้วะ” ขวัญตะโกนถาม ในขณะที่กำลังใช้ร่างกายอันลีบเล็กของตนยกกองกระเป๋าขึ้นมาทีละใบ เพื่อจัดให้มันดูดีขึ้นจากที่สภาพเดิมของมันระเนระนาดอยู่บนพื้นสกปรก มีสุนัขจรจัดสองสามตัววิ่งมาดม ๆ  ขวัญใช้กระเป๋าฟาดไล่ไปอย่างโกรธเกรี้ยว

แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 03:19:39

จากคุณ : Waasuthep
เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 02:56:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com