ป่าซาง : งานแต่งงานในวันที่ฟ้าฝนเป็นใจ
|
|
สองเดือนก่อน...
"แกฉันจะแต่งงาน" เป็นคำบอกเล่าของเพื่อน ตรงไปตรงมา สั้น ง่าย ได้ใจความตามประสาเจ้าตัวนั่นละค่ะ
เพื่อนกับแฟนคบกันมาหลายปีแล้ว ทำงานด้วยกันมาเกือบเท่า ๆ ปีที่คบกัน ส่วนฉันกับเพื่อนรู้จักกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมหนึ่ง เรียนห้องเดียวกันมาตลอด เพิ่งมาแยกห้องเรียนกันตอนเลือกสาย เพื่อนเรียนสายวิทย์ ฉันเลือกสายศิลป์ แต่ถึงอย่างนั้น เราก็เจอกันบ่อยอยู่ดี โดยเฉพาะช่วงทำงานฝ่ายศิลป์สภานักเรียน นั่งเขียนโปสเตอร์ ผสมสี ทำคัตเอาท์กันวันเสาร์อาทิตย์ บางทีก็อยู่ทำจนดึกดื่น เรียนจบแล้ว เราก็ยังได้เจอกันอยู่ดี เพราะเพื่อนกับฉันเรียนคณะฟากตรงข้ามกัน เรียนจบก็ยังติดต่อกันอยู่ โทรศัพท์คุยกันบ้าง ใช้โปรแกรมส่งข้อความคุยกันบ้าง จากวันแรกที่รู้จักกันจนถึงวันนี้ก็ร่วมสิบปีเข้าไปแล้ว...
"กลับมาแต่งที่ลำพูนหรือเปล่า" ฉันถาม ฉันเป็นคนเชียงใหม่ ส่วนเพื่อนเป็นคนลำพูน บ้านของเพื่อนอยู่ที่ป่าซาง ซึ่งเป็นเขตที่ชาวยอง หรือชาวไทยองอยู่กันมาที่สุดแห่งหนึ่ง "ใช่ ๆ ที่บ้าน" เพื่อนตอบ แล้วหยุดไปนิดหนึ่ง "แต่..." "หือ แต่อะไร" "ทำให้พิธีแต่งงานเสร็จภายในครึ่งชั่วโมงได้ไหมอะ..." "จะไหวเหรอ ชั่วโมงหนึ่งก็ยังพอลุ้นว่ะ" งานแต่งของเพื่อนอีกคนที่มีแค่ผูกข้อมือ นิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์ขึ้นบ้านใหม่ไปพร้อมกันเท่านั้น อย่างเบา ๆ ก็ชั่วโมงครึ่ง "ชั่วโมงก็พอไหว" เพื่อนว่า "แต่จะมีใครว่าอะไรไหมวะ ถ้าฉันจะไม่แต่งตัว แต่งหน้า"
นาน ๆ ทีจะได้ยินว่าที่เจ้าสาวพูดแบบนี้นี่ละ ส่วนมากเคยเห็น เคยได้ยินว่า จะแต่งงานแล้วต้องเตรียมหาชุดเจ้าสาวไว้ใส่วันงาน เข้าคอร์สบำรุงผิว จองช่างแต่งหน้า จองช่างทำผม และอื่น ๆ อีกมากมายกันเป็นเดือน ๆ ฟังดูแล้วอาจจะมีคนประหลาดใจที่มีเจ้าสาวไม่คิดว่า ตัวเองควรต้องสวยที่สุด ต้องเตรียมการณ์สำหรับเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิงที่ควรมีเพียงวันเดียววันนั้น แต่พ่อกับแม่ของฉันก็แต่งงานกันแบบเรียบ ๆ ง่าย ๆ อย่างนี้เหมือนกันค่ะ ฉันเลยไม่รู้สึกว่าความคิดของเพื่อนแปลกอะไร
วันก่อนวันแต่งงาน แม่กับพ่อยังมีสัมมนา ฝ่ายกิจการนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยอยู่เลย โต๊ะเก้าอี้เพิ่งมาจัดเอาเย็นหลังเลิกงาน อาทิตย์แต่งงาน วันจันทร์ก็ไปทำงานต่อ แม่บอกว่า พิธีแต่งงานของคนทางเหนือแท้ ๆ ก็ไม่ได้จัดหรูหราอะไรมากมายอยู่แล้ว
"จัดพิธีเพื่อให้ผู้ใหญ่รับรู้แล้วก็ขอพรจากผู้ใหญ่ ให้คนสองครอบครัวรู้จักกันแค่นั้นเอง" ถามว่า ตอนนั้นมีงานฉลองสมรสกับที่โรงแรมแบบที่หลาย ๆ คนสมัยนี้ทำกันไหม แม่บอกว่า มีแล้ว แต่แม่กับพ่อไม่ชอบอะไรที่มากพิธี และคิดว่าไม่จำเป็น เลยจัดเฉพาะงานแต่งงานตามประเพณี ซึ่งคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย ก็เห็นดีด้วย
ถ้าเป็นทางเหนือสมัยก่อนโน้น ผู้ชายจะต้องแต่งเข้าบ้านผู้หญิง อยู่บ้านผู้หญิงพักหนึ่ง ก่อนที่จะแยกออกไปปลูกเรือนอยู่กันเอง แต่สมัยที่พ่อกับแม่แต่งงาน ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว แต่งงานแล้วก็ไปอยู่บ้านของตัวเองเลย ส่วนเรื่องของพิธีกรรมก็ไม่มีอะไรมาก ถ้าไม่ได้ขึ้นบ้านใหม่ ก็ไม่ต้องนิมนต์พระมาที่บ้าน ไปใส่บาตรหรือทำบุญที่วัดตอนเช้า แล้วกลับมาทำพิธีผูกข้อมือที่บ้านเจ้าสาว ไม่มีรดน้ำสังข์แบบประเพณีภาคกลาง เสร็จพิธีแล้ว ก็เชิญแขกที่มาร่วมงานกินอาหารกลางวัน เป็นอันจบ
สำหรับชุดของเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ไม่มีอะไร พ่อใส่สูท ผูกเนคไทธรรมดา (แต่ปกติ พ่อไม่ชอบผูกไท ใส่สูทเอามาก ๆ) ส่วนแม่เองก็ไม่ได้แต่งตัวอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้สั่งชุดที่ร้านไหน แต่ใช้เสื้อไหมสีชมพูอ่อนกับผ้าซิ่นสีน้ำเงินที่พี่สาวของแม่ตัดให้ เรียกว่าใส่หนนี้แล้ว ยังแยกชิ้นกันไปใส่กับชุดอื่น ใช้ในโอกาสอื่นได้อีกหลายงาน ในกรณีของเพื่อนฉันก็น่าจะเป็นอย่างนี้ละ... ไม่แต่งตัวเลยคงไม่ไหวนะ
"แกไม่ต้องแต่งอะไรอลังการมากหรอก แต่แต่งให้ดูดีหน่อยก็แล้วกัน" ฉันบอกเพื่อน "อะนะ คงต้องงั้นแหละ..." เพื่อนว่า "แต่งงานทั้งที ทำไมมันไม่ทำให้เป็นเรื่องง่าย ๆ วะ"
"รู้งี้ หนีตามกันไปเลยก็ดีหรอก"
มาพูดตอนนี้ก็สายไปแล้วละ เพื่อน...
เดือนก่อน...
แก ๆ สงสัยทำของชำร่วยเองไม่ทันแล้วว่ะ งานยุ่งชะมัด ว่าที่เจ้าสาวบ่น ต้องซื้อละ เผอิญว่าเพื่อนกับแฟนได้ย้ายที่ทำงานจากชลบุรีเข้ามาทำที่กรุงเทพฯ ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงแผนการอะไรหลาย ๆ อย่างที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรกไปบ้าง แต่กำหนดการเดิม ที่เดิม ไม่เปลี่ยนนะ เดี๋ยวจะอีเมล์แผนที่ไปให้
เพราะความที่เพื่อนกับแฟนไม่อยากจัดงานให้ยุ่งยาก ใหญ่โต เพื่อนก็เลยตั้งใจจะเชิญเฉพาะญาติผู้ใหญ่ของสองฝ่ายกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่สนิทกัน รวมแล้วไม่เกินห้าสิบคนเพื่อให้เป็นงานของครอบครัวจริง ๆ ญาติพี่น้องส่วนใหญ่ของว่าที่เจ้าสาวมีบ้านในบริเวณเดียวกันอยู่แล้ว รู้จักที่แล้ว แต่เพื่อนที่ไม่ได้อยู่ลำพูนด้วยยังไม่เคยไปบ้านเธอสักที ก็ต้องอาศัยแผนที่กันหน่อย
แล้วพิธีทางบ้านแกมีอะไรบ้าง ฉันถาม เผื่อจะได้บอกเพื่อนคนอื่นให้เตรียมตัวถูก เช้าไปทำบุญที่วัด แล้วกลับมาผูกข้อมือที่บ้านอา ตอนเย็นมีเลี้ยง... อ้าว ไหนตอนแรกว่าเอาแค่ช่วงเช้า เก้าโมงไง อย่างหลังนี่มีเพิ่มจากที่คุยกันหนก่อนแฮะ พ่อเขาขอไว้น่ะ นาน ๆ จะมีโอกาสที่เพื่อน ๆ จะได้มาเจอกันที ก็ตามใจพ่อละกัน เพื่อนตอบ แต่พวกแกสะดวกมาตอนไหนก็ได้ แต่ฉันว่าแกคงมาเช้าใช่มั้ย เป็นเพื่อนที่รู้ใจกันมาก ๆ เลยเชียวละ...
แล้วชุดล่ะ แก ฉันซักต่อ ลงแบบนี้ คงไม่มีทางที่เพื่อนจะใส่ยีนแต่งงานแล้วแหง ๆ ไปหาเอาทางโน้นแหละ ทำงานทุกวันแบบนี้ ไม่มีเวลาไปวัดตัว ลองชุดหรอก แบบนี้สงสัยต้องไปรอลุ้นเอาวันแต่งงานโน่นซะแล้ว
และในวันรุ่งขึ้นจากวันที่เจ้าสาวส่งแผนที่ให้ ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากอ้อม ที่เรียนด้วยกัน มาตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น แก... ไอ้เจ้าสาวมันส่งแผนที่อะไรมาให้เนี่ย แกดูเป็นมั้ย จริง ๆ แผนที่ที่เจ้าสาวส่งมาให้ก็ไม่มีอะไรผิดปกติหรอกค่ะ และธรรมดามาก ๆ สำหรับคนที่ใช้บริการเว็บไซต์ประเภท Map Quest หรือ Google Map หรืออ่านแผนที่เป็น แต่มันไม่ธรรมดาสำหรับคนชินกับแผนที่ที่มีลูกศรชี้บอกทางเสร็จสรรพเท่านั้นเอง
ได้สิ เลยนิคมอุตสาหกรรมลำพูนไป ก็ไปเลี้ยวซ้ายที่แยกดอยติ ทางไปศาลจังหวัดน่ะ ฉันคุ้นกับเส้นทางหลักนี้อยู่บ้าง เพราะช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยมีเหตุให้ต้องไป ทั้งศาลจังหวัดลำพูนและสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองลำพูนหลายหน
ก่อนหน้าที่อ้อมจะโทรศัพท์มา เจ้าสาวก็โทรมาย้ำอีกรอบหนึ่งแล้วว่า จากแยกดอยติ ให้เลี้ยวซ้ายที่ไฟแดงแรก เข้าไปอำเภอป่าซาง เพราะตรงไปจะเข้าเมือง พอถึงเขตป่าซางให้ขับข้ามถนนที่เป็นทางไปอำเภอแม่ทา ตรงไปจะเจอทางแยกรูปตัวที ถ้าเลี้ยวซ้าย จะเป็นทางไปวัดพระพุทธบาทตากผ้า แต่ก่อนหน้านั้นจะเป็นบ้านทำพิธีภาคเช้า แต่ถ้าเลี้ยวขวา ขับไปตามแผนที่ ผ่านหน้าโรงเรียนป่าซางไป จะเป็นสถานที่จัดเลี้ยงตอนเย็น
พออธิบายจบ ความเงียบก็เข้ามาแทนที่ ก่อนมีเสียงตอบกลับมาว่า นึกไม่ออกอยู่ดีว่ะ แล้วเพื่อนก็สรุปว่า ก็เอาตามที่ตกลงกันวันนั้นแหละ ฉันเอารถมาจอดหน้าบ้าน แก แล้วเราเอารถไปพร้อมกันคันเดียว หารค่าน้ำมันกันเอาเนอะ แก เนอะ แกหมายความว่า เอารถฉันไป แล้วฉันก็เป็นคนขับเหมือนเดิมด้วยใช่มั้ย แน่น้อน อ้อมขึ้นเสียงสูงจนมองเห็นภาพเจ้าตัวทำหน้าเจ้าเล่ห์ได้เลย ไม่เห็นต้องถามนี่...
ก็คงจะต้องเป็นแบบนั้นนั่นละนะ... มีเพื่อนช่วยงมหาบ้านเจ้าสาวก็ดีกว่าหลงทางอยู่คนเดียว
เจ้าสาว (เกือบ) พร้อม เพื่อนพร้อม แผนที่พร้อม คนขับรถพร้อม (มั้ง) รอวันงานอย่างเดียว
(มีต่อค่ะ)
แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 52 02:10:01
แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 52 02:07:45
จากคุณ |
:
ปิยะรักษ์
|
เขียนเมื่อ |
:
9 พ.ย. 52 02:04:50
|
|
|
|