Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ดารากลางหทัย บทที่ ๑๐ : คือรัก...ฤๅไฉน  

บทที่ ๑๐ : คือรัก...ฤๅไฉน


วงพักตร์งามคมเอาแต่ก้มงุด ทำประหนึ่งว่าเจ้าตัวทรงจดจ่ออยู่กับงานในพระหัตถ์เสียหนักหนา  ครั้นทรงแป๋งหมากคำแรกเสร็จเรียบร้อย ก็ทรงยื่นประทานให้กับบุรุษที่ประทับอยู่เบื้องพระพักตร์โดยที่มิยอมเงยพักตร์ทอดพระเนตรอีกฝ่ายจนแล้วจนรอด กิริยานั้น แทนที่จักทำให้เจ้ายอดศึกทรงเคืองขุ่น ตรงกันข้าม เจ้าราชบุตรหนุ่มกลับทรงรู้สึกว่า มันยิ่งขับให้เจ้านางนิลประภาทรงงามน่าเอ็นดูขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าทวี

“ใจคอเจ้าจักมิยอมเงยหน้ามองพี่สักน้อยเลยหรือ เจ้านิล”

สุรเสียงทุ้มนุ่มตรัสเย้า ทำเอาเจ้านางนิลประภาพักตร์แดงเรื่อขึ้นอีกคำรบ เจ้ายอดศึกสรวลเบาๆอย่างเอ็นดูหนักหนา พลางตรัสเย้าอีกคำรบ

“พี่มิใช่ยักษ์มารมาแต่ใดหนาเจ้านิล”

เจ้านางนิลประภาจำต้องทรงเงยพักตร์ขึ้นตามที่อีกฝ่ายทรงขอ แต่แล้วพักตร์นวลก็ต้องกลายเป็นสีชมพูเรื่อขึ้นในบัดดล เมื่อทรงสานพระเนตรเข้ากับเนตรสีนิลอ่อนเชื่อมที่ทอดพระเนตรอยู่ก่อนแล้ว เจ้านางคนงามถึงแก่วางพักตร์วางองค์มิถูก จักทรงหยิบจับสิ่งใดก็ให้ดูเก้งก้างเกะกะไปเสียสิ้น เมื่อมิรู้ว่าจักทรงทำเยี่ยงใดเพื่อแก้พระอาการประหม่าอุธัจครานี้ได้ จึงทรงเสยื่นพระศรีคำนั้นถวายบุรุษตรงหน้าอีกครา

“พี่มิกินหมาก เจ้านิล หากเจ้าจักเมตตา พี่ขอเป็นเหมี้ยงสักคำเถิดหนา”

เนตรสีน้ำผึ้งช้อนขึ้นทอดพระเนตรอีกฝ่ายอย่างพิศวงยิ่ง ด้วยดินแดนแถบนี้ บุรุษแทบจักทุกคนชอบที่จักกินหมากเพื่อย้อมฟันของตนให้เป็นสีดำ นอกจากนี้ยังนิยมสักลายทั่วทั้งตัวอีกด้วย หากบุรุษใดมิยอมย้อมฟัน แลมิยอมสักลายยันต์แล้ว คนผู้นั้นก็มักจักถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘ปู๊เมีย’ มิใช่บุรุษแท้

“ไยมองหน้าพี่เยี่ยงนี้เล่าเจ้านิล พี่มิกินหมากนี่แปลกมากกระนั้นหรือ”

“มิใช่เจ้า ข้าเจ้าเพียงแต่มิคิดว่าจักมีชายใดมิกินหมากอยู่อีก”

“อย่างน้อยก็มีที่เวียงของพี่ แลของเจ้าพ่อเมืองคำนี่ล่ะหนา”

เจ้ายอดศึกตรัสแล้วก็ทรงฉีกแย้มพระโอษฐ์กว้างจนเห็นพระทนต์ขาวสะอาดเป็นระเบียบ เพื่อทรงยืนยันว่าทุกสิ่งที่ตรัสไปนั้นเป็นความจริง เจ้านางนิลประภาทอดพระเนตรท่าทีนั้นเข้าก็สรวลคิก

“เจ้า ข้าเจ้าเชื่อแล้ว ว่าเจ้าราชบุตรมิเสวยพระศรี”

หัตถ์เรียวบางวางพระศรีคำนั้นคืนลงในโตกดังเดิม ก่อนจักทรงบรรจงแป๋งเหมี้ยงถวายตามที่พระราชอาคันตุกะหนุ่มทรงขอ

เจ้ายอดศึกยังคงทอดพระเนตรเพียงพักตร์งามโดยมิยอมเหลือบแลไปทางใด แม้เพลาที่ทรงรับเหมี้ยงคำนั้นมาเสวย เนตรสีนิลพราวระยับคู่นั้นก็ยังคงจับจ้องมิวางพระเนตร ทำเอาคนถูกมองยิ่งหทัยเต้นแรงจนแทบจักหลุดออกมานอกพระอุระ ด้วยตั้งแต่ทรงเจริญวัยเป็นสาวมานี้ ยังมิทรงเคยถูกบุรุษใดจ้องมองด้วยสายตาที่เปิดเผยความรู้สึกเยี่ยงนี้มาก่อน เจ้านางนิลประภาทรงครุ่นคิดหาวิธีที่จักลดความอุธัจนี้ลงให้จงได้ ในเมื่อมิอาจจักทรงลุกออกจากที่แห่งนี้ไปได้ ทางเดียวที่พอจักทรงทำได้ก็คือทรงชวนเจ้ายอดศึกสนทนาเสียเท่านั้น อย่างน้อยก็คงดีกว่าจักทรงตกเป็นเป้าให้อีกฝ่ายจ้องจนแทบจักกลืนกินเข้าไปทั้งองค์อยู่ดั่งนี้

“ลำหรือไม่เจ้า เจ้าราชบุตร”  

เจ้านางนิลประภาทรงข่มความอุธัจ ตรัสถามสุรเสียงใส กว่าจักทรงทราบว่าทรงคิดผิดไปถนัดที่เลือกวิธีนี้ จนแทบจักทรงอยากกัดชิวหาพระองค์เอง ก็ตอนที่สดับคำตอบของอีกฝ่าย

“พี่มิเคยกินเหมี้ยงที่ใดลำเท่าที่นี่มาก่อนเลย พี่จักจำรสมือเจ้าไปจนวันตายเทียวหนา อีกอย่างที่พี่ใคร่จักขอจากเจ้านิล เจ้าอย่าได้เรียกพี่ว่าเจ้าราชบุตรเลยหนา พี่ฟังแล้วดูห่างเหินนัก เรียกพี่ว่า ‘เจ้าพี่’ เถิด”

“เจ้าคารมเยี่ยงนี้ ท่าจักทรงเคยตรัสกับแม่ญิงมานับมิถ้วนแล้วกระมังเจ้า”

“ที่ไหนได้ นี่เป็นคราแรกต่างหาก แลพี่ก็ให้สัญญากับเจ้าด้วยว่า จักมิพูดจาเยี่ยงนี้กับนางใดอีกเลย หากนางนั้นมิใช่เจ้านางนิลประภา”

‘คนเจ้าชู้!’

เจ้านางนิลประภาทรงร้องเอ็ดอึงอยู่ในพระทัย ยิ่งสนทนากันมากคำเท่าใด ก็ยิ่งทรงรู้สึกเข้าองค์เองมากขึ้นทุกที เพียงแรกพบเจ้ายอดศึกก็ทรงใช้คำหวานออกโอษฐ์เกี้ยวโดยมิเกรงใจกันเพียงนี้แล้ว นี่หากเป็นแม่ญิงคนอื่นที่ใจง่ายหลงในคำหวานแล้ว คงมิเอาหลังลงดินกันหรอกหรือ ยิ่งดำริก็ยิ่งทรงเคืองขุ่นบุรุษตรงหน้าขึ้นทุกขณะ

             .....“น้ำคำที่บอกขาน..........คือคำหวานเล่ห์ลิ้น
ลิ้นเล่ห์ลวงทั้งสิ้น...........................นี่แล้วคำชาย
             .....เพียงแรกประสบพักตร์....ก็ฝากรักมั่นไว้
คิดเล่นหยอกเอาได้.........................ง่ายแท้ดังจินต์ นั้นฤๅ”

เจ้านางนิลประภาทรงเอ่ยเอื้อนเป็นคำโคลงเหน็บเอาแรงๆ แทนที่เจ้ายอดศึกจักกริ้ว กลับสรวลร่าอย่างชอบพระทัยหนักหนา แลทรงนึกชื่นชมในปฏิภาณกวีของเจ้านางพระองค์นี้ยิ่งนัก

“ไฉนเจ้าจึงว่าพี่แรงดั่งนี้เล่า เจ้านิล มิเห็นใจกันสักน้อยเลยหรือ”

“ฤๅมิจริงเจ้า อันว่าลิ้นนั้นหามีกระดูกไม่ ยิ่งสถิตอยู่กับชายเจ้าชู้ด้วยแล้ว คำหวานแต่ละคำที่เอ่ยเอื้อนออกมานั้น ย่อมพลิ้วไหวยิ่งกว่าระลอกคลื่นบนผิวน้ำเสียอีก ที่ไหนจักคิดจริงจังดั่งคำ แม่ญิงคนใดหลงลมคงช้ำใจนัก”

“เห็นจักเป็นชายอื่นแล้วหนาคนดี ด้วยพี่นี้ลั่นคำใดก็หมายความตามนั้น มิเคยบิดพลิ้วแปรผันสักครา เพราะแต่ละคำที่พี่พูดกับเจ้านั้น กลั่นมาจากหัวใจรักของพี่นี้”

“พระทัยรักที่พร้อมจักแบ่งปันประทานให้แม่ญิงทุกคนที่ทรงได้พบฤๅเจ้า”

“หัวใจชายที่ชื่อยอดศึกนี้มีเพียงดวงเดียว แลเพลานี้ก็ได้ถอดออกวางไว้เบื้องหน้าแม่ญิงนางหนึ่งแล้ว สุดแต่ว่านางจักปรานีรับหัวใจพี่ไปฤๅไม่เท่านั้น”

สุรเสียงทุ้มทอดอ่อนโยนหากแฝงความจริงจังไว้ในที มิใช่ล้อเล่นดังก่อนหน้านี้ เนตรสีนิลหวานเชื่อมสบประสานนั้นฉายแวววิงวอนอย่างที่มิทรงเคยทำกับสตรีใดมาก่อน เจ้านางนิลประภาทรงเสทอดพระเนตรไปทางอื่นเสีย แม้จักทรงขัดเคืองอยู่บ้าง แต่ก็มิอาจจักทรงปฏิเสธได้ดุจเดียวกันว่า ลึกๆแล้ว ก็ทรงอิ่มพระทัยอยู่มิใช่น้อยกับท่าทีของเจ้าราชบุตรที่ทรงมีให้


เจ้ายอดศึกทอดพระเนตรวรกายบางประทับนิ่งไปเยี่ยงนั้น ก็ทรงสำคัญว่าอีกฝ่ายมิทรงพอพระทัย จึงทอดถอนปัสสาสะยาว แลเพิ่งจักทรงรู้สึกว่าทรงใช้พระวาจาเกี้ยวพาราสีหนักไปอยู่สักน้อย ก็จักมีสตรีใดชอบใจบ้างกับการพบกันเพียงคราแรกก็ถูกบุรุษเอ่ยปากฝากรักเสียแล้ว สตรีใดจักตั้งรับได้ทันเล่าหนา เจ้าราชบุตรทรงหันไปทอดพระเนตรทางพระราชบิดาบุญธรรมแล้ว ก็อดแย้มพระโอษฐ์ออกมามิได้ พักตร์เข้มคมเหยเกเต็มทีนั้น สำแดงให้รู้ว่า เจ้าหลวงเมืองคำคงจักเจอฤทธิ์เดชเจ้านางน้อยเนตรดาราเข้าเสียแล้ว

เนตรสีนิลละจากพักตร์ของพระราชบิดาเบนมาทางสตรีที่คำอินทร์ทูลเล่าว่า เป็นนางในหทัยของเจ้าหลวงเมืองคำอย่างทรงสังเกต จริงอยู่ว่าหากมองโดยผ่านๆแล้ว ผู้คนที่เห็นเจ้านางทั้งสองก็จักต้องเอ่ยปากเป็นเสียงเดียวกันว่า เจ้านางนิลประภาทรงงามจับตานับแต่แรกเห็น หากเมื่อตั้งใจจักมองแล้ว จึงจักเห็นว่าเจ้านางเนตรดารานั้น ก็ทรงมีพระสิริโฉมมิแพ้พระพี่นางแต่อย่างใด เจ้ายอดศึกทรงแย้มพระโอษฐ์น้อยๆ พลางดำริในพระทัย

“เจ้าพ่อพระเนตรแหลมนัก นี่จักทรงรู้พระองค์บ้างหรือยังหนอว่าทรงรักเจ้านางเนตรดาราเข้าแล้ว”

สายพระเนตรคู่นั้นพินิจพิจารณาเจ้านางเนตรดาราอยู่พักใหญ่ ก่อนจักทรงสะดุดอยู่ที่พระจุฑามณีที่อีกฝ่ายทรงเสียบแซมพระจุฑามาศอยู่ ขนงเข้มมุ่นเข้าหากันทันใด ด้วยวิสัยสตรีนั้นมีหรือที่จักประดับเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ที่เห็นได้ชัดว่ามิเข้ากันกับเครื่องประดับอื่นใดเลยเยี่ยงนี้ แล้วบรรดานางข้าหลวงจักมิท้วงติงอันใดเลยกระนั้นหรือ ชะรอยว่าพระจุฑามณีเล่มนี้คงจักมีความสำคัญเกินกว่าจักเป็นเพียงเครื่องประดับธรรมดาเป็นแน่

“เจ้านิล พี่ใคร่ขอถามอันใดสักน้อย จักได้หรือไม่”

สุรเสียงที่เป็นการเป็นงานขึ้น แลการที่อีกฝ่ายทรงหันขวับกลับมาโดยปัจจุบันทันด่วนนั้น ทำให้เจ้านางนิลประภาที่กำลังเผลอองค์ทอดพระเนตรเสี้ยวพระพักตร์คมเข้มเพลินอยู่ถึงกับสะดุ้ง ทรงปรับเปลี่ยนท่าทีแทบมิทัน

“ได้เจ้า มีอันใดหรือเจ้า”


***มีต่อค่ะ

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 17:14:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com