ม.5/1
|
|
บทที่1
เราคนไทย ใจกตัญญู รู้คุณชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เรานักเรียน...
เสียงเด็กหนุ่มและสาวรุ่นในชุดนักเรียนมัธยมดังขึ้นพร้อมเพรียงกัน กึกก้องไปทั่วบริเวณหน้าเสาธงประจำโรงเรียน โดยมีประธานนักเรียนนำกล่าวว่า หลังเสร็จจากการร้องเพลงชาติ เวลาเช้า แปดนาฬิกา ก่อนที่จะแยกย้ายเข้าห้องเรียน เป็นกิจกรรมหน้าเสาธง นักเรียนทั้งหมดและครูอาจารย์จะมาร่วมกันร้องเพลงชาติ จากนั้นนักเรียนจะฟังโอวาทประจำวันจากครูฝ่ายปกครอง ปลูกฝังให้เยาวชนที่ยังอยู่วัยกำลังเรียนศึกษา มีจิตใจงาม มีระเบียบวินัย และสำนึกในสถาบันสูงสุด คือชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เช้านี้ เสียงร้องเพลงชาติ และคำท่องปฏิญาณตนของนักเรียน ดูเหมือนจะพร้อมเพรียงและเรียบร้อยดี
หากแต่ว่า ถ้าสังเกตดูดีๆ จะเห็นความระเกะระกะของนักเรียนบางแถว เหมือนปูดิ้นไปมาในจาดกระด้ง สิ่งนี้เป็นที่หนักใจของครูอาจารย์แทบจะทุกวัน นั่นคือ นักเรียนหลายคนไม่ร้องเพลงชาติ เอาแต่หยอกล้อคุยกัน แถวที่จัดให้ยืนตามห้อง ตามชั้นก็ระเกะระกะยืนไม่ตรงแถวกัน นักเรียนบางคนชอบมาสาย ขี้เกียจเข้าแถวหน้าเสาธง คงจะเบื่อกับการวางระเบียบวินัย และเสียงเข้มดุของครูฝ่ายปกครองกระมัง จึงไม่ยอมมาเข้าแถว กะเอาว่าจะเข้าห้องเรียนเลยเสียทีเดียว
โดยเฉพาะนักเรียนชายชั้นมัธยมปลาย ช่วงที่ทุกคนกำลังพร้อมหน้ากันที่หน้าเสาธงอยู่นี้ พวกเขามักแอบไปหลบตามห้องน้ำ สูบบุหรี่ปล่อยควันโขมงเต็มห้องน้ำนักเรียนชาย จนอาจารย์ต้องจัดเวรกันไปตรวจตราในแต่ละวัน
พวกเธอไม่น่าจะมาเรียนสายสามัญเลย....พวกเธอน่าจะไปเรียนสายอาชีพ...เพราะอะไรรู้ไหม...เพราะพวกเธอมาสายเป็นอาชีพ!
ประโยคนี้ แม้ครูจะเคยพูดหน้าเสาธงอบรมเรื่องการมาสายของนักเรียนอยู่บ่อยๆ เผื่อจะไปสะกิดเส้นสันดานขี้เกียจของเด็กได้บ้าง แต่นักเรียนแห่งนี้ยังหนังหนาหน้าด้านพอ โอวาทที่พร่ำสอนจากครู ถึงจะดีแค่ไหน มันก็แค่ลมเสียงที่ผ่านหูซ้าย ทะลุพ้นออกไปทางรูหูขวา แล้วก็เลือนหายวับไปกับสายลม ไม่ได้จดจำไว้ในสมองเลยสักนิด
เมื่อธงชาติถูกชักขึ้นถึงยอดเสา และเสร็จสิ้นคำกล่าวปฏิญาณตนหน้าเสาธงของนักเรียน อาจารย์ฝ่ายปกครอง ผู้มีใบหน้าเหี้ยมก็เดินมายืนหน้าเสาธง ต่อหน้านักเรียนทั้งหมด พันกว่าคน จากชั้นมอหนึ่งถึงมอหก เมื่อหยิบไมโครโฟนได้ อาจารย์ก็พูดด้วยน้ำเสียงกังวาน และเข้มแข็งว่า
สวัสดี...นักเรียน!...
ที่ครูทักทายเน้นคำว่านักเรียน เพราะหวังว่าพวกเธอคงไม่เป็นนักอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นนักรัก หรือนักเลง ครูอยากให้พวกเธอเป็นนักเรียน ไม่ใช่นักรักและนักเลง ที่ผ่านมาเธอมีแววว่าจะเป็นอย่างนั้น
นักเรียนหญิงมีหน้าที่เรียนหนังสือ หาความรู้ ไม่ใช่หา...ผอสระอัว(สะกดเอง)
นักเรียนชายหยิบปากกาและหนังสืออ่านเท่านั้น ไม่ใช่หยิบมีดดาบ ไม้หน้าสาม แล้วเที่ยวไปชกต่อยกัน
ครูพูดทักทายหน้าเสาธงอย่างนี้มาไม่รู้กี่ปี พูดทุกวัน จนนักเรียนชักเบื่อขี้หน้าครูเต็มทีแล้วเสียกระมัง แต่นักเรียนก็ยังมีความประพฤติไม่ดี กระทำให้ครูเห็นทุกวัน ความจริง ครูไม่อยากจะพูดกับพวกเธอมากนักหรอก เดี๋ยวจะหาว่ามาจ้ำชี้จ้ำไช แต่ครูก็ต้องพูด เหมือนพ่อแม่ที่ต้องปลุกพวกเธอมาโรงเรียนทุกวัน บอกกินข้าวนะลูก แต่งตัวไปโรงเรียนนะลูก มีบ้างไหมที่ลูกรู้หน้าที่ตนเอง โดยไม่ต้องให้พ่อแม่คอยบอก
ถ้าพวกเธอสำนึกในหน้าที่ ครูก็คงไม่ต้องมาว่า มาบอกพร่ำเพรื่อทุกวันอย่างนี้ โดยเฉพาะนักเรียนชั้นมอห้าทับหนึ่ง!...
ครูหยุดพูดชั่วคราว ก่อนจะกวาดสายตาไกลไปยังกลุ่มนักเรียนที่ยืนอยู่แถวหลัง ซึ่งเป็นแถวของนักเรียนชั้นมอห้าและมอหก เห็นบางแถว ยืนคุยกัน ไม่สนใจสิ่งที่ครูพูดให้ฟังเลย
มอห้าทับหนึ่ง! ครูฝ่ายปกครองพูดตะเบ็งเสียงขึ้น ผ่านไมโครโฟน เหมือนจะให้นักเรียนกลุ่มดังกล่าวสนใจฟังเรื่องนี้เป็นพิเศษ และเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่เสียด้วย
นักเรียนบางคนอาจจะเห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์มาแล้ว หรือบางคนอาจไม่สนใจการบ้านการเมืองไทยเป็นอย่างไรจึงไม่รู้ข่าวนี้ อันนี้ครูก็ไม่ว่า แต่ครูอยากจะเล่าข่าวนี้ให้ฟัง ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของโรงเรียนเราโดยตรง ข่าวหน้าหนึ่งวันนี้พาดหัวข้อข่าวว่า...
อาจารย์ฝ่ายปกครองหยุดพูดนิดหนึ่ง แล้วชูหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งให้นักเรียนดูเป็นหลักฐาน ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า
วัยโจ๋ไทย คลั่งสถาบัน...เด็กอาชีวะกับเด็กมัธยมยกพวกตีกัน!
...ครูรู้ว่าเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นที่จังหวัดเรา แถวใกล้ๆโรงเรียนเรานี่เอง และเด็กมัธยมที่ว่านั่นก็คือ...ส่วนหนึ่งของนักเรียนชั้นมอห้าทับหนึ่ง...ครูไม่อยากจะชี้หน้าว่ามีใครบ้างที่ยกพวกรวมกลุ่มกันไปตีกับเด็กอาชีวะ พวกเธอคงรู้กันดี เพียงแต่เธอช่วยกันปกป้องเพื่อนเท่านั้น เห็นเพื่อนทำความเลวก็ปิดปากเงียบ ข่าวนี้ดังไปทั่วประเทศ โชคดีที่คณะครูขอสื่อมวลชนว่าอย่าระบุชื่อสถาบัน เราขอเขาไว้ แต่ภาพที่ออกมาตามหนังสือพิมพ์และทีวี มีนักเรียนชายที่ใส่เสื้อนักเรียน อกเสื้อก็ปรากฏอักษรย่อของโรงเรียนเรา ใครเห็นเขาก็รู้ว่าโรงเรียนไหน อย่างนี้มันเป็นการเสียชื่อเสียงโรงเรียนมั๊ย?
นักเรียนทั้งหมดยืนแถวอยู่หน้าเสาธง ฟังครูฝ่ายปกครองอย่างรู้สึกตกตะลึงกับข่าวหน้าหนึ่ง พวกเขาทั้งหลายรู้ว่าปัญหานี้อยู่ใกล้ตัวเสียจริง และไม่รู้เมื่อใดจะโดนลูกหลงเข้าสักวัน วันนี้ ชาวเหลือง-แดง มีศัตรูเกิดขึ้นแล้ว วันไหนที่เขาใส่เสื้อนักเรียนที่ปักอกเสื้ออักษรย่อของชื่อโรงเรียน แล้วศัตรูต่างสถาบันจะเขม่นเอาไหม
แถวนักเรียนชั้นมัธยมต้นฟังอย่างตั้งใจ กลัวครูฝ่ายปกครองเป็นที่สุด แต่นักเรียนชายบางกลุ่มรู้สึกทึ่ง ถ้ารุ่นพี่ของพวกเขากล้าหาญทำ ยกพวกไปตีเด็กอาชีวะตามข่าว ถือเป็นฮีโร่สำหรับนักเรียนชายรุ่นน้องมอสามทีเดียว
แถวถัดไป เป็นนักเรียนมัธยมชั้นมอสี่ ส่วนใหญ่จะเรียบร้อย ถ้าอยู่ต่อหน้าครูอาจารย์ แต่มีบางกลุ่มที่เข้าแก๊งซ่าส์กับรุ่นพี่มอห้าไปแล้ว จากค่านิยมที่รุ่นพี่ปลูกฝัง นักเรียนชายก็เริ่มมั่วสุมลองยาเสพติดจากรุ่นพี่ที่ชักชวน นักเรียนหญิงก็เห็นรุ่นพี่บางคนมีแฟน แต่งตัวสวยๆ ตามแฟชั่นก็อยากลองมั่ง
แถวท้ายๆสุดเป็นนักเรียนชั้นมอห้าและมอหก รุ่นพี่ของน้องๆ คณะกรรมการนักเรียน ส่วนใหญ่จะอยู่ชั้นมอหกทั้งหมด แต่ไม่ค่อยถูกกันกับนักเรียนชั้นมอห้าเท่าไรนัก เพราะรุ่นพี่มอหกที่เป็นคณะกรรมการนักเรียน เวลานำกิจกรรมหน้าเสาธง เวลาพูด มักจะประณามรุ่นน้องมอห้าว่าทำตัวเกเร นักเรียนชั้นมอห้าก็เลยทำตัวประชด ไหนๆ ใครๆก็ว่าเลวแล้วก็รวมหัวกันซ่าส์ให้สุดๆไปเลย
เช่นเดียวกันกับวันนี้ นักเรียนชั้นมอห้าก็ไม่ได้ใส่ใจกับข่าวหน้าหนังสือพิมพ์เท่าไรนัก กลับเริ่มแตกแถว ฮือเข้าไปคุยกัน
| จากคุณ |
:
เหงาเศร้า
|
| เขียนเมื่อ |
:
25 พ.ย. 52 22:42:59
|
|
|
|