ความคิดเห็นที่ 1 |
กฤตินถือกล่องของขวัญที่เตรียมให้ผู้กองแมนไว้ในมือ เดินเคียงคู่กับเหมียวเข้าไปในโรงพยาบาล เมื่อไปถึงบริเวณห้องพักฟื้นของผู้กองหนุ่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำการอยู่หน้าห้องหันขวับ แต่พอเห็นว่าเป็นทั้งคู่จึงเปิดทางให้แต่โดยดี
เปิดประตูห้องเข้าไปกฤตินกับเหมียวเห็นผู้กองแมนนั่งหันหลัง โดยมีก้านแก้วค้อมตัวเข้าไปหา ดูเหมือนเธอกำลังอธิบายอะไร
พี่กฤตกับเหมียวมาก็ดีแล้ว ดูแมนสิ งอแงเป็นเด็กเลย ก้านแก้วยกมือไหว้กฤติน แล้วฟ้องขึ้น
งอแงเรื่องอะไรครับ กฤตินถามยิ้มๆ
ผู้กองหนุ่มหันกลับมาไหว้ แล้วเอ่ยหน้าตาย ไม่ได้งอแงซะหน่อย
ไม่งอแงอะไร จะไม่ยอมออกจากโรงพยาบาล ก้านแก้วไม่ลดละ
กฤตินได้ยินแค่นั้นก็หัวเราะลั่น
เป็นพี่ก็คงไม่ยอมออกง่ายๆ เหมือนกัน
ผู้กองแมนยิ้มร่า สบตากันแล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
แต่เหมียวไม่รับรู้อะไรด้วย โวยวายยกใหญ่ หัวเราะอยู่ได้ ถูกอกถูกใจอะไรกันนักหนา ว่าพลางดันกฤตินให้ออกนอกทางแล้วเดินเข้าไปหาน้องชาย
จะนอนโรงพยาบาลทั้งชาติเหรอ
ผู้กองแมนหัวเราะร่วน พี่เหมียวไม่รู้อะไรก็อย่ายุ่งน่า
กฤตินยื่นหน้าเข้าไปกระซิบกระซาบกับเหมียว เธอจึงถึงบางอ้อ
เข้าอกเข้าใจกันดีเหลือเกิน ไม่ใช่ประชดแค่คำพูด สองมือของเธอยังหยิกพุงกฤตินกับผู้กองแมนพร้อมกันอีกต่างหาก เจ้าเล่ห์พอกันเลยนะ
เอาให้เข็ดเหมียว คนอะไรไม่รู้ดื้อนัก ก้านแก้วพูดแล้วหันไปทางกฤติน แก้วหมายถึงแมนนะคะ พี่กฤตไม่เกี่ยว
แต่เหมียวไม่เห็นด้วย ปล่อยมือจากผู้กองแมน หันมาระดมหยิกกฤติน นี่แหละตัวพ่อ
ยอมแล้วจ้า ยอมแล้ว กฤตินรีบยกมือยอมจำนน
เหมียวชี้นิ้วขู่ แน่นะ
แน่สิครับ กฤตินว่าแล้วค้อนประหลักประเหลือก หันไปบ่นกับผู้กองแมน คนอะไรไม่รู้หยิกเจ็บชะมัด
บ่นเหรอ เดี๋ยวเถอะ! เหมียวขู่ฟ่อ
กฤตินแสร้งทำท่ากลัวจนหงอ ก้านแก้วกับผู้กองแมนหัวเราะกันคิกคัก
เออ ... เกือบลืม กฤตินเพิ่งนึกขึ้นมาได้ เขาส่งกล่องของขวัญให้ผู้กองแมน ของรับขวัญ พี่เป็นต้นคิด เหมียวเป็นคนเลือก
ผู้กองแมนยิ้มพราย เดี๋ยวนี้พี่กฤตกับพี่เหมียวซื้อของขวัญร่วมกันแล้วเหรอ ก็แสดงว่า ...
หยุดเลยนะนายแมน! เหมียวรีบขัดขึ้น ฉันรู้นะนายจะพูดอะไร ไม่ใช่อย่างที่นายคิด
เหมียวหันขวับไปทางกฤติน เขารีบส่ายหน้าแสดงความบริสุทธิ์ ชี้นิ้วป้ายไปทางผู้กองแมน
ผมแค่จะบอกว่า ก็แสดงว่าผมได้ของขวัญชิ้นเดียวสิ ผู้กองหนุ่มอมยิ้มยั่ว เหลือบไปทางพี่สาว คุณมาลินีคิดไปถึงไหนครับ
เหมียวหน้าชาไปทั้งแถบ รู้ตัวว่าตกหลุมพรางน้องชายตัวแสบเสียแล้ว รีบแก้ลำ เดินไปจูงมือก้านแก้ว
แก้วไปกันเถอะ ผู้ชายสองคนนี้ร้ายกาจมาก เราไม่ควรอยู่ใกล้
ผู้กองแมนร้องลั่น แต่เหมียวไม่ยอมหยุดเพียงเท่านั้น
นายไม่อยากออกจากโรงพยาบาลใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นอยู่กันไปสองคนแล้วกัน
พูดจบหันไปมองกฤตินด้วยแววตาอำมหิต แล้วจูงมือก้านแก้วก้าวฉับๆ ออกจากห้องไป คนโดนจูงหัวเราะคิกคัก
สองหนุ่มตาลีตาเหลือกช่วยกันหอบหิ้วสมบัติก้าวตามออกไป
เมื่อลงมาถึงห้องอาหารด้านล่างอาคาร ผู้กองแมนออกตัวว่าขอขึ้นไปทำธุระบนตึก แต่ความจริงเขาจะลอบไปนัดแนะกับไอ้เดช ทั้งหมดเลยตกลงกันว่าจะทานอาหารกลางวันกันที่นี่
ผู้กองแมนขึ้นไปบนตัวอาคาร ส่วนกฤตินขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เหมียวจึงสบโอกาสได้คุยกับก้านแก้วเป็นการส่วนตัว
อันที่จริงเหมียวใช้เวลาไตร่ตรองอยู่นานว่าควรจะพูดเรื่องเชิดวุธดีหรือเปล่า เธอเกรงว่าจะกระทบกระเทือนจิตใจก้านแก้ว แต่ถ้าไม่พูดวันหน้าเธอกับก้านแก้วอาจกินแหนงแคลงใจกันได้
เหมียวมีเรื่องอยากบอกแก้วนะ แต่ไม่รู้ว่าควรพูดดีหรือเปล่า
วินาทีแรกก้านแก้วขมวดคิ้ว แต่เสี้ยววินาทีต่อมากลับยิ้มบางๆ พูดมาเถอะนะ เรื่องอะไรล่ะ
เรื่องพี่เชิดวุธ เหมียวเกริ่นแล้วพยายามอ่านท่าทีของก้านแก้ว เธอแปลกใจที่เห็นก้านแก้วเพียงพยักหน้าช้าๆ เหมือนเข้าใจแล้วว่าเธอจะพูดเรื่องเกี่ยวกับอะไร
เหมียวจึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่เชิดวุธพยายามติดต่อเธอให้ก้านแก้วฟัง ...
ทุกทีพี่เชิดวุธก็แค่โทรหา แต่วันนี้เขาไปเหมียวถึงอพาร์ทเมนท์ เหมียวพยายามเล่าด้วยความระมัดระวัง ถ้าไม่มีอะไรหนักหนาเหมียวก็ไม่อยากพูดหรอกนะ กลัวแก้วไม่สบายใจ แต่นี่รู้สึกว่าชักจะเลยเถิด ที่สำคัญเหมียวไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ อย่างแก้ว แก้วเข้าใจเหมียวนะ
เหมียวไม่ต้องห่วง แก้วเข้าใจ ก้านแก้วเอื้อมมากุมมือของเหมียวไว้ ความจริงแก้วกับพี่เชิดวุธไม่มีอะไรผูกพันกันเลย เราหมั้นกันเพราะผู้ใหญ่ พี่เชิดวุธรู้ดีว่าแก้วไม่เคยชอบพี่เขา พี่เขาเป็นคนเจ้าชู้ เจอใครหน้าตาดีก็ชอบเขาไปทั่ว แต่พี่เขาก็ไม่ได้ปิดบังอะไรแก้วนะ จะรักจะชอบใครก็แสดงออกอย่างเปิดเผย
แก้วจะอยู่กับผู้ชายแบบนี้เหรอ เหมียวถามแล้วรู้สึกตัวว่าออกจะซอกแซกไปสักนิด ขอโทษนะที่เหมียวละลาบละล้วง
ก้านแก้วส่ายหน้า ยิ้มบางๆ ตอนนี้เรายังไม่ได้แต่งงานกัน แก้วคิดว่าพี่เขามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรตามใจชอบ แต่ถ้าแต่งกันจริงๆ แก้วก็คงไม่ยอม ก้านแก้วสบตาเหมียว นิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนระบายความในใจ
ความจริง ที่ทำให้แก้วลังเล ไม่ใช่แค่เรื่องเจ้าชู้หรอกนะ เรื่องธุรกิจของพี่เขาก็ยังคลุมเครือ เหมือนมีลับลมคมในอย่างไรก็ไม่รู้
เหมียวรู้สึกสงสารก้านแก้วจับใจ เหมือนเธอต้องใช้ชีวิตอยู่บนความหวาดระแวง
แล้วทำไมแก้วต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้
เพราะพี่เขาให้เกียรติ ไม่เคยข่มเหงน้ำใจ ให้สิทธิ์แก้วในการตัดสินใจอย่างเต็มที่ สำหรับแก้วพี่เขาเป็นคนดีคนหนึ่งนะ ก้านแก้วยิ้มเนือยๆ แก้วก็รู้นะ อยู่แบบนี้ค่อนข้างเสี่ยง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร พยายามไม่อยู่ในที่ลับตาสองต่อสอง คอนโดที่แก้วอยู่ ก็ไม่เคยให้พี่เขาขึ้นไปนะ
เหมียวสบตาก้านแก้ว ยิ้มพราย เหมียวดูออกนะว่าแก้วรักแมน ทำไมถึงไม่เริ่มต้นชีวิตใหม่กับแมนล่ะ แก้วรู้ไหม แมนเขารักแก้วมากนะ
แก้วรู้ แม้ใบหน้าของก้านแก้วจะแดงระเรื่อ แต่เธอก็กลบเกลื่อนได้ดี แต่พี่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด จู่ๆ จะบอกเลิกกันเพราะเรื่องนี้ก็ดูกระไรอยู่
ใจจริงเหมียวอยากจะค้าน อย่างน้อยเชิดวุธก็น่าจะให้เกียรติคู่หมั้นของตนบ้าง ไม่ใช่ทำเหมือนเป็นหัวหลักหัวต่ออย่างนี้ แต่ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่มย่ามมากนัก เดี๋ยวจะผิดใจกันเสียเปล่าๆ ได้แต่ภาวนาให้ก้านแก้วหลุดพ้นจากบ่วงนี้ให้เร็วที่สุด
แม้แววตาของก้านแก้วจะมีริ้วรอยของความเศร้า แต่รอยยิ้มของเธอกลับดูมีเลศนัย
เหมียวเองก็รักพี่กฤตไม่ใช่เหรอ แก้วดูเหมียวออกนะ พี่กฤตแสดงตัวออกโจ่งแจ้ง พันธะก็ไม่มี รีรออะไรกันอยู่
แม้เหมียวจะพยายามข่มความรู้สึก แต่ใบหน้าของเธอก็ยังแดงเป็นลูกตำลึง และเธอกลบเกลื่อนไม่เก่งเหมือนก้านแก้ว
ไม่ต้องมายุ่งกับเหมียวเลย เอาเรื่องของตัวเองให้รอดก่อนเถอะ เหมียวยื่นฝ่ามือน้อยๆ ไปปิดตากับปากของก้านแก้ว ไม่ต้องมายิ้ม ไปหาอะไรกินดีกว่า
ว่าแล้วเธอก็ลุกพรวด เดินหนีไปดื้อๆ
ก้านแก้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เธอคงรู้แล้วว่า เหมียวทำทีเป็นห้าวหาญไปอย่างนั้นเอง ความจริงขี้อายและเป็นกุลสตรียิ่งกว่าเธอเสียอีก
กฤตินเสร็จธุระจากห้องน้ำนานแล้ว แต่คิดว่าสองสาวคงคุยเรื่องสำคัญกันอยู่ เพราะเห็นท่าทางเคร่งเครียด จึงไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ อันที่จริงอยากรู้ใจแทบขาดว่าคุยอะไรกัน แต่ก็จนใจ
~~~~~@@@~~~~~
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
| จากคุณ |
:
อริย์ธัช
|
| เขียนเมื่อ |
:
26 พ.ย. 52 21:50:01
|
|
|
|