Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เปิดตำรา ... ล่าหัวใจ (๑๐)  

เปิดตำรา ล่าหัวใจ (๑) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8384211/W8384211.html

เปิดตำรา ล่าหัวใจ (๒) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8396250/W8396250.html

เปิดตำรา ล่าหัวใจ (๓) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8412243/W8412243.html

เปิดตำรา ล่าหัวใจ (๔) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8433970/W8433970.html

เปิดตำรา ล่าหัวใจ (๕) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8460069/W8460069.html

เปิดตำรา ล่าหัวใจ (๖) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8485494/W8485494.html

เปิดตำรา ล่าหัวใจ (๗) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8510894/W8510894.html

เปิดตำรา ล่าหัวใจ (๘) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8537967/W8537967.html

เปิดตำรา ล่าหัวใจ (๙) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8567189/W8567189.html


.........



มองตารู้ใจ...




ช่วงนี้กฤตินไม่ค่อยได้อยู่บ้านมากนัก ฝุ่นบางๆ เริ่มเข้ามาจับจองพื้นที่ เขาไม่อยากให้บ้านตัวเองกลายเป็นตลาดนัดขายฝุ่น จึงตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าวันนี้จะทำความสะอาดครั้งใหญ่


วันนี้เขาจึงตื่นแต่เช้า เปิดเพลงปลุกใจดังลั่น เอาผ้าปิดจมูกมาปิดเสีย ๒ ชั้น คิดในใจว่า ยอมหายใจไม่ออกตายดีกว่าให้ขี้ฝุ่นอุดจมูกตาย แต่แม้จะปิดสนิทเพียงใด โรคภูมิแพ้ประจำตัวก็ยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างแข็งขัน น้ำมูกจึงไหลยืดย้อยอยู่ตลอดเวลา

กว่าจะเสร็จสิ้น เล่นเอากฤตินหมดเรี่ยวหมดแรง ไม่ใช่หมดแรงเพราะใช้แรง แต่หมดแรงเพราะสูญเสียน้ำมากกว่า หากนำน้ำมูกที่สั่งทิ้งระหว่างทำความสะอาดมาใส่ขวดน้ำอัดลมขนาด ๑๐ ออนซ์ เขาคิดว่าถ้าไม่ล้นก็คงปริ่มๆ

ระหว่างพักดื่มน้ำ เขาหยิบ 'ตำราผูกใจนางแก้ว' ที่วางทิ้งไว้ตั้งแต่วันก่อนมาทบทวนอีกครั้ง


เมื่อก่อนเขาคิดว่าตัวเองไม่เป็นรองใครในเรื่องการจีบสาว แต่เมื่อได้อ่านคัมภีร์เล่มนี้ จึงเห็นความไม่เอาไหนของตัวเอง  เมื่อก่อนเขาใช้แต่ความใจกล้าหน้าด้าน ตื้อตะพึดตะพือ ไม่ได้สนใจว่าคนถูกจีบจะรู้สึกอย่างไร คิดแต่ว่าด้านได้อายอด ซึ่งเปรียบเสมือนมวยวัด ไร้แบบแผน

อันที่จริงในคัมภีร์ไม่ได้สอนเกี่ยวกับวิธีการจีบสาวโดยตรง แต่จะสอนวิธีสร้างความประทับใจให้คนรอบข้าง สอนว่าควรแสดงน้ำใจอย่างไร สอนให้เห็นถึงประโยชน์ของการโอบอ้อมอารี สอนถึงข้อดีและวิธีการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เรียนรู้ธรรมชาติของจิตใจมนุษย์ รวมไปถึงสอนให้ดูลักษณะของผู้หญิงที่เหมาะจะเป็นคู่ชีวิต

สิ่งสำคัญที่สุดในคัมภีร์ กลับเป็นเรื่องที่เราต้องสอนใจตัวเองให้รู้จักความรัก ค้นหารักบริสุทธิ์ในหัวใจตัวเองให้เจอ และมอบความรักนั้นให้กับนางแก้วอันเป็นที่รักด้วยความจริงใจ

ซึ่งข้อนี้ตรงกับคำพูดที่มารดาของเขาเคยว่าไว้

“ผู้หญิงจะไม่มอบหัวใจให้ชายใดง่ายๆ แต่ถ้ามอบให้ผู้ใดแล้ว เธอจะทะนุถนอมกล่อมเกลารักนั้นด้วยชีวิต ถ้าลูกอยากได้หัวใจของเธอคนนั้น ต้องแสดงความจริงใจให้เธอได้เห็น ให้เธอเชื่อว่าลูกมีค่าพอสำหรับสิ่งที่เธอหวงแหน หากทำได้ หัวใจเธอจะเป็นของลูกโดยไม่มีข้อต่อรองใดๆ”


กฤตินคิดถึงมารดาขึ้นมาตงิดๆ ตั้งแต่บิดาเสียชีวิต ท่านก็ออกถือศีลปฏิบัติธรรมมาตลอด ตอนแรกแวะเวียนไปปฏิบัติตามสำนักต่างๆ ตอนหลังลงทุนสร้างสถานปฏิบัติธรรมบนที่ดินขนาด ๒ ไร่ ชักชวนบรรดาผู้ใฝ่ใจในธรรมไปพักอาศัยเพื่อปฏิบัติธรรมร่วมกัน ปกติเขาก็แวะเวียนไปเยี่ยมเสมอ แต่พักหลังมีภาระหลายอย่างทำให้ไม่ค่อยมีเวลาไปเยี่ยมท่านเลย

มือไวเท่าความคิด เขากดโทรศัพท์หามารดาทันที

“คุณแม่สวัสดีครับ”

“สวัสดีจ้ะ โทรหาแม่แต่เช้ามีธุระอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีธุระอะไรหรอกครับ ก็แค่คิดถึงคุณแม่”

เสียงหัวเราะในสายดังมาแผ่วๆ “อ้อนแบบนี้จะเอาอะไรอีกล่ะ อย่าบอกนะว่าจะให้ไปขอลูกสะใภ้”

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงครับ” กฤตินแกล้งยั่ว แต่เสียงปลายสายดูตื่นเต้น จริงจัง

“ไม่ได้หลอกแม่ใช่ไหม หลอกคนแก่บาปนะลูก”

กฤตินหัวเราะร่วน “โธ่ ... ผมเคยหลอกคุณแม่เหรอ” มารดาไม่ได้ตอบอะไร แต่เขารู้สึกได้เลยว่าท่านกำลังยิ้ม

“เอ่อ ... คุณแม่ครับ ผมใช้คัมภีร์ที่คุณพ่อให้ไว้แล้วนะครับ”

“ลูกจำที่พ่อกำชับไว้ได้ใช่ไหม” เสียงพูดของมารดาดูเคร่งขรึม

“ผมไม่มีวันลืมหรอกครับ ถ้าใช้คัมภีร์กับใครแล้วต้องรักและทะนุถนอมเขาไปตลอดชีวิต”

“ลูกจำได้แม่แบบนี้แม่ก็สบายใจ แสดงว่าลูกคงรักเธอจริงๆ อย่าทำให้เธอเสียใจนะลูก”

“เอาหัวเป็นประกันเลยครับ แต่เธอยังไม่ได้ตกลงปลงใจกับผมหรอก จะว่าไปผมยังไม่เคยบอกความรู้สึกกับเธอด้วยซ้ำ”

“ลูกของแม่ไม่ได้มีอะไรเสียหาย แม่เชื่อว่าถ้าลูกมีความจริงใจ เธอน่าจะสัมผัสได้”

“ถ้าคุณแม่ไม่ขัดข้อง ผมอยากพาเธอไปกราบคุณแม่ครับ”

“เพื่อความสุขของลูก แม่ไม่เคยขัดข้องหรอกจ้ะ”

วางสายมารดาแล้วกฤตินรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก แต่ยังไม่ทันจะได้อิ่มเอมเปรมใจเต็มที่ เสียงกริ่งโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เห็นเป็นเบอร์ประจำอพาร์ทเมนท์ของเหมียวยิ่งเพิ่มความสงสัย ...

พอวางสายปุ๊บ เขารีบหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ให้ผู้กองแมนแล้วแจ้นไปทันที



วันนี้เหมียวมีเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้าแต่เช้า ปกติเชิดวุธจะเพียงแค่โทรหา แต่วันนี้ไม่รู้นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไร จู่โจมมาชวนไปทานข้าวถึงอพาร์ทเมนท์ เจอไม้นี้เล่นเอาเหมียวตั้งตัวไม่ทัน ดีแต่ว่าน้อยหน่าเห็นอาการแกว่งของลูกพี่เสียก่อน จึงช่วยแก้ไขสถานการณ์

“พี่เหมียวนัดพี่กฤตไว้ไม่ใช่เหรอคะ” น้อยหน่าพูดโพล่งขึ้น

“เออใช่! เหมียวลืมไปเลย” เหมียวรีบรับสมอ้าง “ขอโทษพี่เชิดวุธด้วยนะคะ เหมียวคงไปด้วยไม่ได้”

เชิดวุธมองเหมียว เหลือบไปมองน้อยหน่า ก่อนอมยิ้มน้อยๆ “ผมอุตส่าห์มาถึงนี่ ยังโดนนายกฤตปาดหน้าอีกเหรอ เฮ้อ! ... สงสัยจะก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้าง”

แม้จะหงุดหงิดกับการกระทำของเชิดวุธ แต่เมื่อได้ยินคำตัดพ้อของเขา เหมียวก็อดขำไม่ได้

“พี่เชิดวุธก็พูดซะเว่อร์เชียว”

เชิดวุธหัวเราะเบาๆ “พี่เข้าใจ” เขาพูดแล้วยิ้มพราย

“ถ้าอย่างนั้น พี่ขอน้ำขอท่าให้คนของพี่ดื่มหน่อยนะ อุตส่าห์ดั้นด้นกันมาตั้งไกล”

เชิดวุธว่าแล้วส่งสัญญาณให้ชายฉกรรจ์ในชุดสูทเข้ารูป ๒ คน ที่ยืนหน้าเข้มประจำการอยู่หน้ารถยนต์คันหรู ให้มานั่งตรงโต๊ะพลาสติกด้านนอกสำนักงาน ซึ่งโดยปกติจะเป็นที่สำหรับลูกค้านั่งคุยกันตอนเย็นๆ

เหมียวหันไปบอกให้ส้มโอนำน้ำดื่มไปบริการ แต่ชมพู่ซึ่งหมายตาสองหนุ่มไว้ก่อนแล้วชิงแย่งหน้าที่ไป ส้มโอที่มั่วเงอะๆงะๆ จึงทำได้เพียงส่งสายตาอาฆาต

“ขออ่านหนังสือพิมพ์สักฉบับนะ” เชิดวุธบอก ก่อนถือวิสาสะนั่งลงที่โซฟารับแขกด้านในสำนักงาน “เอ่อ... จะรบกวนเกินไปหรือเปล่าถ้าจะขอกาแฟร้อนสักถ้วย”

เหมียวหายใจไม่ค่อยทั่วท้อง เธอรู้ดี เชิดวุธต้องการรอดูว่าเธอนัดกับกฤตินไว้จริงหรือเปล่า แม้จะร้อนใจกลัวว่าเชิดวุธจะจับได้ แต่ก็พยายามวางหน้าให้สนิท ตอบเขาไปอย่างฉะฉาน

“ไม่รบกวนหรอกคะ เชิญตามสบาย เดี๋ยวเหมียวขอทำงานก่อนนะคะ”

เชิดวุธยิ้มกริ่ม จ้องตาไม่กระพริบเมื่อส้มโอยกกาแฟมาเสิร์ฟ


ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก รถไฟลอยฟ้าประสานงากับรถไฟใต้ดินอย่างจัง นายวิทย์เลี้ยวรถเข้ามาจอดใต้ถุนอพารท์เมนท์

“งานเข้าอย่างแรง!” น้อยหน่าพึมพำ

นายวิทย์เปิดประตูสำนักงานเข้ามาแล้วถือวิสาสะเดินผ่านโต๊ะน้อยหน่าเข้าไปหาเหมียว “วันนี้ไปช่วยวิทย์เลือกของหน่อยนะ”

“ไปไม่ได้หรอก วันนี้เหมียวมีธุระ” เหมียวปฏิเสธพลางชี้ไปทางเชิดวุธ “พี่เชิดวุธนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่นั่นแน่ะ”

นายวิทย์มองตามไป เชิดวุธเงยหน้าขึ้น ตั้งท่าเหมือนจะรับไหว้ แต่คงเห็นนายวิทย์เฉย เขาจึงแสร้งหยิบกาแฟขึ้นมาจิบ

นายวิทย์ไม่สนใจที่จะทักทาย หันกลับไปหาเหมียว “ธุระสำคัญหรือเปล่า ยกเลิกไปก่อนนะ ไปกับวิทย์ดีกว่า” นายวิทย์พูดเองเออเอง พร้อมทั้งออกคำสั่งเสร็จสรรพ

เหมียวรู้สึกหงุดหงิดใจกับกิริยาของนายวิทย์ขึ้นมาตงิดๆ แต่ไม่อยากโวยวายให้เขาเสียหน้า

“เหมียวเขานัดคุณกฤตไว้” เชิดวุธเอ่ยเสียงราบเรียบแทรกขึ้น

นายวิทย์ไม่ได้หันไปมองเชิดวุธ แต่คาดคั้นเอากับเหมียว “จะไปไหนกัน”

“จะไปรับแมนออกจากโรงพยาบาล” เหมียวพยายามข่มอารมณ์อย่างเต็มที่

นายวิทย์พูดเสียงดัง ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม “รับเริ่บอะไร มันจะหาเรื่องใกล้ชิดเหมียวล่ะสิ ไม่ต้องไปกับมันเลย ไปรับกับวิทย์ก็ได้”

“คุณกฤตเบอร์ ๑ ผมเบอร์ ๒ ส่วนคุณอืดอาดกว่าเพื่อน เบอร์ ๓” เชิดวุธแทรกขึ้นมาอีกระรอก

“เบอร์ ๑ เบอร์ ๒ บ้าอะไร คุณมายุ่งอะไรด้วย!” นายวิทย์หันไประเบิดอารมณ์ใส่เชิดวุธ

บรรยากาศในสำนักงานตึงเครียดขึ้นทันที

“ก็ไม่ได้ยุ่งอะไร แค่บอกให้ฟัง” เชิดวุธลุกเดินเข้ามากดน้ำเย็นจากถัง ก่อนยกขึ้นดื่มรวดเดียว เสร็จแล้วหันไปยิ้มอย่างเยือกเย็นให้นายวิทย์ “ถึงคุณกฤตสละสิทธิ์ ผมก็ได้สิทธิ์ก่อนคุณอยู่ดี บอกตรงๆ ผมไม่มีทางสละสิทธิ์ คุณกลับไปดีกว่า เสียเวลาเปล่าๆ”

นายวิทย์หน้าตาแดงกล่ำ หายใจแรงจนอกกระเพื่อม ผลักอกเชิดวุธกระเด็นออกไปติดผนังกระจก

“บงเบอร์อะไร คนอย่างกูไม่ต้องใช้ กูเป็นแฟนเหมียว”

เชิดวุธส่ายหน้า ส่งสัญญาณปฏิเสธลูกน้องด้านนอกที่ทำท่าจะเข้ามาปกป้อง แล้วหันไปเผชิญหน้ากับนายวิทย์

“แต่เท่าที่ดูไม่น่าใช่นะ” เชิดวุธไม่พูดเปล่า หัวเราะเยาะเย้ยอีกต่างหาก

“แล้วมรึงมาเสือกอะไรด้วยวะ!”

นายวิทย์ระเบิดเสียงดังลั่น ตั้งท่าจะถลาเข้าไปหาเชิดวุธ แต่ในวินาทีฉุกเฉิน เหมียวปราดเข้าไปขวาง

“พอเสียทีวิทย์ หยาบคายเกินไปแล้วนะ” เหมียวพยายามสะกดน้ำเสียงให้เป็นปกติ จ้องตานายวิทย์เขม็ง สะบัดเสียง “ถ้ายังไม่หยุดก้าวร้าว ต่อไปไม่ต้องมาที่นี่อีก”

ใบหน้าของนายวิทย์สลดลงทันที แม้จะยังทำท่าทางฮึดฮัดอยู่บ้าง แต่ก็ยอมยุติโดยดี เหมียวหันไปหาเชิดวุธ

“พี่เชิดวุธคะ เหมียวเคารพพี่นะ ในฐานะแฟนของแก้ว เพื่อนสนิทของเหมียว พี่เข้าใจใช่ไหมคะว่าเหมียวหมายความว่าอย่างไร” เหมียวเน้นทุกถ้อยคำชัดเจน “อีกอย่าง เหมียวไม่ใช่สิ่งของที่ใครจะมาตอกบัตรคิวก็ได้ กรุณาให้เกียรติเหมียวหน่อยนะคะ”

เชิดวุธพยักหน้า ยิ้มกว้างๆ ส่งเลยออกไปข้างนอก เหมียวมองตามออกไปจึงเห็นว่ากฤตินกำลังจะเข้ามาสมทบ เธอไม่รู้ว่าเขามาได้อย่างไร แต่รู้สึกราวพญาวานรมาโปรดแท้ๆ

กฤตินเปิดประตูเข้ามา ไหว้ทำความเคารพเชิดวุธ เอ่ยทักทายเสียงใส

“สวัสดีครับพี่เชิดวุธ แหม่ ... ลมอะไรพัดมาแต่หัววัน”

เชิดวุธรับไหว้ ยิ้มในหน้า แต่ไม่ได้ตอบอะไร เหมียวก้าวพรวดไปหยิบกระเป๋าถือ แล้วฉุดแขนกฤตินออกไปทันที กฤตินไม่ทันได้ร่ำลาใคร ได้แต่หันมาโบกไม้โบกมือกับเชิดวุธ เชิดวุธพยักพเยิดหน้าตอบ

สี่สาวผลไม้ซึ่งนั่งตัวเกร็งอยู่นานเห็นดังนั้นก็หน้าตาเหรอหรา น้อยหน่าพยายามกวักมือเรียกเหมียว แม้เธอจะไม่เหลียวหลังมาดูก็ตาม เมื่อกฤตินออกรถไป เธอหันมาทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้กับอีกสามสาวผู้ร่วมชะตากรรม

เชิดวุธหัวเราะร่วน “ไม่ต้องหวงครับ เดี๋ยวผมกลับเลยละกัน ขอบคุณสำหรับกาแฟและขอโทษสำหรับความวุ่นวาย” คำพูดอ่อนหวานของเขาทำให้สี่สาวผลไม้ผ่อนคลายได้พอสมควร

ก่อนเปิดประตูสำนักงานออกไปเชิดวุธหันมาพูดกับนายวิทย์

“จะบอกอะไรให้นะ นิสัยจู้จี้แบบเนี่ย ผู้หญิงเขาไม่ชอบหรอก มันน่าเบื่อ” แม้คำพูดจะดูสุภาพแต่ใบหน้าและท่าทางเจตนายั่วนายวิทย์อย่างเปิดเผย

นายวิทย์ปรอทแตก ก้าวตามออกไปทันที

“มรึงแน่นัก...”

นายวิทย์ตวาดลั่น แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงก็ลงไปกองอยู่ที่พื้น ชายฉกรรจ์หน้าเข้มทั้งสองประเคนทั้งหมัดเท้าเข่าศอกเข้าใส่เขาไม่ยั้ง หน่วยรักษาความปลอดภัยของอพาร์ทเมนท์เห็นเข้าปรี่ไปหวังจะห้ามปราม แต่เชิดวุธโบกมือห้ามไว้

“พอๆ” เชิดวุธออกคำสั่ง

นายวิทย์ถูกหิ้วปีกขึ้นมาคุกเข่าประจันหน้า เลือดแดงฉานเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้า สี่สาวซึ่งมุงดูอยู่ด้านในเห็นเข้าร้องวี้ดว้าย

เชิดวุธเดินเข้าไปยืนต่อหน้านายวิทย์ ยิ้มเย็นๆ ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบ

“ถ้าไม่ใช่เพื่อนเหมียว มรึงตาย!”

จากคุณ : อริย์ธัช
เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 52 21:48:43




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com