Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า ตอน เจ้าที่หัวดื้อ  

สามารถติดตามอ่านเรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า
และนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่ blog ของมูนนี่ค่ะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever

เรื่องที่ 44

เจ้าที่หัวดื้อ

เจ้าของที่เดิม เจ้าของที่เก่าแก่ดั้งเดิม เจ้าฟ้าเจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าเวหามหาสมุทร เจ้าทุ่งเจ้าที่เจ้าท่า แม่พระคงคาแม่พระวารี แม่พระอัคคี ลูกขอถวายความเคารพสักการะบูชาทุกพระองค์มา ณ ที่นี้

นี่เป็นส่วนหนึ่งของคำบูชาส่วนตัวที่ใช้กันภายในกลุ่มครอบครัวของพี่เวลาไปนอนค้างอ้างแรมตามสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นโรงแรมระดับห้าดาวหรือกลางป่าเขาและชายทะเลทั้งในและนอกประเทศ ที่จริงบทสวดนี้ค่อนข้างยาวมากแต่พี่ขอตัดมาเฉพาะท่อนสุดท้ายเปพราะเห็นว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่อเล่าในครั้งนี้

โดยส่วนใหญ่แล้วคนมักเข้าใจว่าบนพื้นที่แห่งหนึ่งจะมีเจ้าที่เจ้าทางเพียงหนึ่งเดียว แต่คุณตาของพี่เคยบอกไว้ว่า ผืนแผ่นดินแต่ละแห่งผ่านกาลเวลามาหลายยุคหลายสมัย มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนครอบครองถือสิทธิ์ เจ้าของคนไหนไม่ยึดติด พูดง่ายๆก็คือไม่งก เมื่อตายลงเขาก็จะละสถานที่แห่งนั้นไป แต่ถ้าบังเอิญผู้ครอบครองเป็นคนยึดมั่นถือมั่น ไม่ยอมปล่อยสิ่งครอบครองของตนให้คนอื่นหรือก็คือ งก นั่นแหละ พอตายวิญญาณก็ไม่ยอมไปไหน เผ้าเกาะติดอยู่กับอาณาเขตของตนไม่ยอมไปผุดไปเกิดตามวัฎจักร

แล้วทำไมจึงมีคำว่า เจ้าของที่เดิม กับ เจ้าของที่เก่าแก่ดั้งเดิม ในบทสวด

อย่างที่บอกไปตอนต้น ผืนดินหรือสถานที่แต่ละแห่งมักได้รับการครอบครองหมุนเวียนกันไป เจ้าของใหม่มักมีการปรับเปลี่ยนสภาพเดิมอยู่ตลอดเวลาเช่น มีการถมที่ ปลูกสร้างอาคารใหม่ทับของเดิม เมื่อวันเวลาผ่านไปแผ่นดินก็จะถูกทับถมสูงขึ้นทีละน้อย ทีละน้อย เจ้าที่แรกจะอยู่ด้านล่างสุดในขณะที่เจ้าที่คนสุดท้ายจะอยู่ด้านบน บางครั้งคนที่สามารถรับคลื่นพลังเหล่านี้ได้จึงพบเจ้าที่หรือวิญญาณมากกว่าหนึ่งตน ส่วนความเฮี้ยนก็คงขึ้นอยู่กับความงกกระมัง

เจ้าที่คนไหนงกน้อย นานๆก็จะโผล่ออกมาแผลงฤทธิ์กันสักครั้ง แต่เจ้าที่คนไหนเคยเป็นสุดยอดแห่งความขี้เหนียว ใจแคบ หัวดื้อ และเป็นพวกดันทุรัง คงหาเรื่องหลอกหลอนผู้อยู่อาศัยให้ตื่นตระหนกโดยไม่สนใจว่าเขาจะเป็นคนดีหรือทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ตัวเอง

ครอบครัวของพี่เคยเจอเจ้าที่งี่เง่าแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง

เรื่องนี้เกิดมานานหลายสิบปีแล้ว ตอนนั้นแม่พี่ซื้อทาวเฮ้าส์ชั้นเดียวเพิ่งสร้างใหม่แถวกิโลเมตรที่ 2 ถนนรามอินทรา เยื้องซอยลาดปลาเค้านั่นแหละค่ะ ถนนรามอินทราในสมัยก่อนไม่คึกคักกว้างขวางเหมือนปัจจุบัน เป็นถนนสองเลนราดยางมะตอย ไฟฟ้าริมทางมีอยู่แค่ราบ 11 รามอินทราพ้นจากนั้นไปเหมือนหลุดเข้าไปในแดนสนธยา

มันเปลี่ยวชนิดแท็กซี่ไม่ยอมวิ่งเลยล่ะค่ะ

ส่วนลาดปลาเค้าในสมัยก่อนขึ้นชื่อว่าเป็นซอยผีดุ ตอนกลางวันก็คึกคักพีเพราะมีตลาดสดที่ชื่อตลาดกิโลสองกับโรงหนัง แต่พอถึงเวลาค่ำไม่ต้องดึกมากแค่สองทุ่มแถวบริเวณนั้นจะเงียบราวกับป่าช้า รถราแทบไม่มีเลยสักคัน

ตอนซื้อบ้านหลังนี้พวกพี่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับภูตผีหรือวิญญาณมากนัก คือถึงสัมผัสได้ก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร พวกเราอยู่ที่นั่นได้ราวสองหรือสามปีแม่พี่ก็ป่วยหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล เมื่อได้รับการตรวจแล้วจึงพบว่าท่านมีเนื้องอกก้อนโตชนิดเป็นพิษในช่องท้องต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน และท่านก็ได้รับรู้กับเรื่องราวบางอย่างที่นำมาถึงความสามารถในการสัมผัสสิ่งเร้นลับหลังออกจากโรงพยาบาล

สิ่งแรกที่แม่สัมผัสได้คือเงาดำบนหิ้งพระ

ก่อนซื้อบ้านหลังนี้พวกพี่อาศัยอยู่ที่ดอนเมืองซึ่งเป็นบ้านของคุณตา ข้าวของบางอย่างจึงเป็นสมบัติรักที่ตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษโดยเฉพาะพระและบางอย่างที่ดูน่าตื่นเต้นสำหรับพี่ในสมัยเด็ก ก็มีพวกเสื้อลงยันต์ ตะกรุด หวายไล่ผี หอกซัด หอกพุ่ง ดาบ มีดแปลกๆสองสามเล่ม มีอันนึงทำจากเขากวาง เมื่อขายบ้านพวกญาติแห่งกันมาขนสมบัติของตาไปจนเกือบหมด(ซึ่งแน่นอว่าเกือบทุกชิ้นขายได้ราคา) แม่พี่ได้รับแต่ตำรายาโบราณกับของที่กล่าวมาข้างต้น

ตอนนี้สิ่งของบางอย่างสูญหายไปเหลือเพียงไม่กี่ชิ้น

เมื่อย้ายมาอยี่ที่รามอินทรา แม่นำพระและของทุกอย่างขึ้นบูชาบนหิ้ง น่าแปลกที่ทุกครั้งเวลาไหว้พระพวกเราจะรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ แม้จะพยายามหาสาเหตุเท่าไหร่ก็ไม่พบจนบังอิญได้พบกับพระสงฆ์รูปหนึ่งระหว่างไปทำบุญทอดกฐินที่ต่างจังหวัด ท่านมองหน้าแม่แล้วพูดสั้นๆว่า ให้ไปหาตลับยาหม่องบนหิ้งพระ แล้วจะรู้เอง

แม่ค้นทั้งหิ้งพระเจอแค่ตลับยาหม่องแบนๆอันหนึ่งซึ่งเก่าคร่ำคร่า พอเปิดดูต้องผงะเพราะกลิ่นน้ำมันจันทน์พุ่งออกมา ข้างในมีขี้ผึ้งสีขาวนวลกับเหรียญดำปี๋อันหนึ่ง แม่โทร.ไปถามพระรูปนั้น(ซึ่งพี่จะเรียกว่าพระอาจารย์)ว่ามันคืออะไร คำตอบที่ได้เล่นเอาพวกเราตะลึง

เงินปากผี

ค่ะ ของแท้แน่นอนเลย คุณตาเป็นหมอโบราณ ท่านรักษาทั้งทางขาวและทางไสย เงินปากผีนี่ท่านไปได้มาตอนไหนไม่รู้แต่หากคนไม่มีวิชาหรือเลี้ยงไม่เป็นแล้วห้ามเอาไว้ สรุปคือแม่ต้องนำตลับนั่นไปให้พระอาจารย์ จากนั้นบ้านก็ดูโปร่งโล่งขึ้น

แค่ระยะเดียว

อยู่อาศัยกันมาได้เกือบครึ่งปี วันหนึ่งแม่สังเกตว่าสีหน้าน้องสาวพี่ไม่ค่อยดีนักเลยถามว่าเป็นอะไร ตัวบอกว่าฝันไม่ดีพร้อมกับเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนนี้เขาฝันว่าตัวเองนอนอยู่ในบ้านค่อนข้างเก่าที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ตอนกำลังงงว่าตัวเองอยู่ที่ไหนก็ได้ยินเสียงแกร่กๆอยู่บนหัว พอเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจเพราะเห็นยายแก่คนกำลังไต่มาตามเพดานพอถึงตัวน้องสาวเขาก็หยุดและเอาขาเกี่ยวขื่อเอาไว้แล้วห้อยหัวลงมาอ้าปากแลบลิ้นออกมายาวเฟื้อย น้องพี่บอกว่าตอนนั้นกลัวจนทำอะไรไม่ถูกเลยนึกถึงหลวงพ่อโสธรแล้วลืมตาตื่นทันที แม่บอกว่าอาจเป็ฯฝันร้ายแต่น้องสาวพี่บอกว่าเขาเห็นยายแก่คนนี้มาสองสามครั้งแล้ว

ความที่ไม่เคยสนใจเรื่องลี้ลับ ทั้งที่เจอมาหลายครั้งแต่นิสัยที่ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจแม่พี่เลยตัดสินใจติดต่อพระอาจารย์รูปนั้นอีกครั้ง ท่านนิ่งไปเล็กน้อยบอกว่านั่นเป็นเจ้าของที่เก่าแก่ดั้งเดิม คงไม่ชอบใจที่เราทำบุญบ้านแล้วให้พระประพรมน้ำมนต์เพราะเขาร้อนจนยืนบนดินไม่ได้ต้องขึ้นไปนั่งยองๆบนต้นมะม่วง คือพี่ลงต้นมะม่วงไว้หน้าบ้านน่ะค่ะ ท่านให้ทำพิธีขอมาลาโทษว่าเราไม่รู้และบอกว่าเราจะทำศาลให้จะได้ไม่ร้อนพร้อมกับทำบุญอุทิศส่วนกุศลเพื่อดวงวิญาณนี้จะได้สงบ แม่พี่ทำตามทุกอย่าง

แต่ยายแก่นั่นไม่ฟังค่ะ

หากจำเรื่องเล่าตอน “อะไรวิ่งบนหลังคา”ได้ นั่นเพราะยายแก่เจ้าที่เปิดทางปล่อยให้ ‘ของ’ วิ่งผ่านเข้ามาแทนที่จะปกป้องคุ้มครองผู้อยู่อาศัย แถมยังคงหลอกหลอนน้องสาวพี่ไม่หยุดเพราะเขาเป็นคนที่มองเห็นภูตผีได้ง่าย พอถามพระอาจารย์ท่านบอกว่าที่นี่มีเจ้าที่ซ้อนสองคนคือ เจ้าที่เดิม ซึ่งก็คือเจ้าของที่ดินคนก่อนที่ตายไป รายนี้รับบุญกุศลและไม่มายุ่ง ส่วนยายแก่เป็นเจ้าของที่เก่าแก่ดั้งเดิม เป็นพวกผีตายรุ่นโบราณน่ะแหละ มิน่าถึงได้ดักดานนัก พูดกันดีๆไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับแม่ก็ต้องเจอดีกันก่อนจากลา

ทั้งแม่และพี่นำทรายจากวัดไปเทไว้ตรงส่วนที่เป็นดินและโค่นมะม่วงทิ้งจะได้ไม่มีที่ยืนหลบ พี่น่ะมองไม่เห็นหรอกแต่พระอาจารย์บอกว่าเขาเต้นเร่าๆเพราะร้อนยืนไม่ได้ คงยัวะสุดๆแต่ทำอะไรเราไม่ได้แล้วเพราะแม่ขายและย้ายออกมา

ไม่สนใจถามหรือย้อนกลับไปดูด้วยว่าตอนนี้ยายแก่นั่นเป็นยังไง

แต่เหตุการณ์คราวนี้ทำให้พี่หันมาศึกษาด้านศาสนามากขึ้น ออกทำบุญกับแม่แต่ความเป็นคนหัวรั้นไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายนักหากไม่เห็นกับตาจนแน่ใจจนพระอาจารย์บอกว่า มันมีดีแต่ดื้อ

ดังนั้นเรื่องเล่าสยองทุกเรื่องจึงไม่ได้มาจากความงมงาย ไม่ได้เห็นหรือทึกทักไปเอง พี่ต้องตั้งสติจนแน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาดหรือคิดไปเองและตรวจดูแล้วว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่มนุษย์แน่จึงจะยอมรับว่ามันเป็นวิญญาณ

แล้วท่านล่ะ เคยเจอเจ้าที่หัวดื้อบ้างหรือยัง

*/*/*/*

จากคุณ : Moony_Lupin
เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 12:23:18




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com