Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พ่อทูนหัวของฉัน บทที่6  

บทที่6

              เสียงกรี๊ดร้องดังลั่นสนั่นไปทั่วบ้าน ทำให้หญิงวัยกลางคนวิ่งแจ้นขึ้นไปยังห้องชั้นบน   อันเป็นที่มาของเสียง  คือห้องนอนของ นัท นั่นเอง
 
                “ร้องบ้าอะไรเสียงดัง ยัยนอม...เป็นอะไร ร้องเอะอะโวยวาย” นางถามลูกสาวคนรอง ทันทีที่วิ่งขึ้นมาถึงห้อง เห็นประนอม ลูกสาวคนรองยืนตะลึงอยู่กลางห้อง

                “นัทค่ะแม่...นัทหายตัวไป   ดูสิ เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวก็ไม่เห็น   ตู้เสื้อผ้าก็เปิดอ้าอยู่ ไม่เหลือเสื้อผ้าของ นัทเลย” ประนอมบอก สีหน้าตื่นๆ พลางชี้มือไปที่ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นตู้เสื้อผ้าของ นัท

                  “มันไปไหนอีกล่ะ...สร้างปัญหาอีก แล้ว ยัย นัทนี่!”

                 ผู้เป็นแม่บ่นอุบอิบ เมื่อรู้ว่า นัทหายไปจริงๆ   แต่จิตใจของนางก็ยังห่วงลูกอยู่ลึกๆ   สังเกตจากแววตา  ผู้เป็นแม่ไม่ได้มีความขึ้งโกรธ  มันเป็นแววตาที่เศร้ารันทดใจมากว่า

                   “จะไปไหนล่ะค่ะแม่ ก็หนีออกจากบ้านน่ะสิ   หลักฐานเห็นอยู่โทนโท่” ลูกสาวคนรองบอก

                  “เอ๊ะ!  ปากแกนี่ ไม่เป็นมงคลเลย   ยัย นัทจะหนีจากบ้านไปได้ยังไง   ท้องโตอย่างนั้น แล้วมันจะหนีไปไหนล่ะ”

                 “หรือว่า นัทเค้าไปกับพี่น้ำฝนค่ะแม่” ประนอม ลูกสาวคนรองตั้งข้อสงสัย

                 “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี   แม่กลัวเป็นอย่างอื่นน่ะสิ...เอ๊ะ...หรือว่า...”

                  “หรือว่าอะไรคะแม่? ”

                  “หรือว่ามันหอบผ้า หนีไปอยู่กับผัวมัน...แล้วผัวมันเป็นใครล่ะที่นี้” ผู้เป็นมารดาเดาไป อย่างไม่รู้จุดหมายปลายทาง   ตามประสาคนปากร้าย  เมื่อหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ นางก็หันไปปั้นหน้าเครียดใส่ลูกสาวคนรอง

                   “เพราะแกนั่นแหละ ยัยประนอม   ด่าน้องทุกวัน   เห็นไหม...มันทนอยู่ไม่ได้   หนีออกจากบ้านไปแล้ว”

                     “เพราะแม่นั่นแหละค่ะ   บ่นให้น้อง นัททุกวัน” ลูกสาวคนรองเถียง

                   ”เอ๊ะ...แกนี่  เถียงแม่ไม่ขาดคำเลยนะ”

                    ผู้เป็นแม่พูดได้แค่นั้นก็ยืนนิ่งหยุดคิด  เรื่องคอขาดบาดตายอย่างนี้  ฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ต้องไตร่ตรองหาเหตุผลแล้ว  นางยืนมองซากร่องรอยภายในห้อง   ด้วยความรู้สึกใจหายวับ  เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของนัทไม่หลงเหลือแม้สักชิ้น   เหมือนกับว่าเจ้าตัวจะไม่กลับมาที่นี่อีกยังไงยังงั้นแหละ   นางมั่นใจว่าลูกสาวคนนี้ได้หนีออกจากบ้านไปอย่างแน่นอน

                 ผู้เป็นแม่ทรุดตัวลงเข่าอ่อนทิ้งร่างลงกับพื้นเหมือนจะเพิ่งคิดอะไรได้   เป็นความผิดพลาดของผู้เป็นแม่ที่ดูแลลูกไม่ดี   นางไม่รู้จะโทษใคร  นอกจากโทษอารมณ์เดือดของตนเองที่เอาแต่ดุด่า  ไม่เข้าใจหัวอกของลูกสาวที่ยังอยู่วัยไร้เดียงสาอย่างนัท   จากการที่เข้มงวดกับลูกให้อยู่ในกรอบจารีตอย่างหญิง   นัทมีกิริยาเรียบร้อยมาตลอด   เด็กสาวตั้งใจเรียน   ไม่มีความด่างพร้อยในความประพฤติ  จนผู้เป็นแม่เชื่อใจ  และไม่ค่อยคุยกับลูกคนนี้มากนัก  นอกจากวางมาดเข้ม กวดขันเรื่องต่างๆ   แต่ไม่คิดว่าลูกสาวคนนี้จะมาตั้งครรภ์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย   ความตกใจ บวกกับอารมณ์โกรธ  ทำให้นางเอาแต่ดุด่านัท

               แม้นัทจะไม่ยอมบอกว่าท้องกับใคร  แต่ท้ายที่สุดแล้ว  ผู้เป็นแม่ก็ต้องยอมรับชีวิตหลานตัวน้อยๆผู้ไม่มีพ่อคนนี้   ทว่า  จะมิให้นางเอะอะว่ากล่าวอะไรกับลูกสักคำเลยหรือ   เมื่อเจ้าตัวไม่ยอมบอกอะไรเลย   สิ่งที่นางเดือดในอารมณ์มิใช่เพราะนัทท้องไม่มีพ่อ   แต่นัทไม่ยอมเล่าความจริงอะไรให้ฟังเลย  เสมือนไม่เห็นนางเป็นแม่   มันก็เดือดในอารมณ์เป็นธรรมดา  สำหรับความรู้สึกของแม่

              นางคิดว่าสักพักก็จะหยุดการว่าดุด่านัท   แล้วหันหน้ายอมรับความจริง   ยอมรับหลานตัวน้อยๆที่ทุกคนจะช่วยกันเลี้ยงดูต่อไป   แต่นัทก็ตัดสินอะไรเร็วเกินไป   นัทไม่เข้าใจแม่ว่าที่นางว่ากล่าวด้วยถ้อยคำต่างๆ  เพื่ออยากให้ลูกพูดความจริงทั้งหมดบอกกับแม่ให้รับรู้   มันคงจะสายเกินไปแล้ว   เพราะบัดนี้  นัทได้หนีออกจากบ้านไป  และไม่รู้ว่าไปอยู่ที่แห่งหนตำบลใด   ลูกนัทจะรู้ไหมว่าแม่ก็ร้ายแต่ฝีปาก  แต่จิตใจของผู้เป็นแม่ก็ย่อมห่วงลูกนัทอยู่นั่นเอง

                        ฉับพลันทันใด

                  “พอๆกันทั้งสองคนนั่นแหละ! ”

                   เสียงหนึ่งดังขึ้นที่หน้าห้อง ทำให้ทั้งสองหยุดเถียงกัน แล้วมองออกไป

                    “พ่อ! ” ลูกสาวคนรองตกใจ เมื่อเห็นพ่อมาเอ็ดว่า   ผู้เป็นพ่อจ้องสายตากราดไปยังร่างทั้งสองแม่ลูก แล้วเปล่งวาจาตวาดใส่ว่า

                “ไม่ต้องเถียงกัน เห็นไหม...คนหายไปทั้งคน พากันตามหาเลย อย่ามัวมาแต่เถียงกัน”

                “โอ๊ย...คุณพี่ตามหาเถอะค่ะ   ฉันเหนื่อยแล้ว   มันจะไปไหนก็ตามใจมันเถอะ   ตัดหางปล่อยวัดแล้ว” ผู้เป็นภรรยาบอกกับสามี นางคงเหนื่อยใจ จึงบอกไปอย่างนั้น

                 “นั่นลูกเรานะ...ลูกหายไปทั้งคน   ไม่คิดอะไรมั่งเหรอ” สามีตวาด

                  “ที่ฉันไม่ตามเพราะ ยัย นัทอาจวางแผนไว้แล้วว่า มันจะหอบผ้าหนีบ้านไปอยู่กับใครสักคน   เดี๋ยวมันก็แจ้งข่าวมาเองแหละ” ภรรยากล่าวอย่างนึกรำคาญ

                    “นัทไม่ใช่คนคิดอะไรแล้วทำตามอารมณ์ชั่ววูบนะ   สิ่งที่ นัทตัดสินใจ มั่นคงและแน่วแน่” สามีบอกอีก

                   “โอ๊ย...จะบ้าตาย...” ภรรยากุมหน้านั่งเหนื่อยอ่อน หย่อนก้นลงยังพื้นห้อง   นางสะอื้นไห้ ปากก็ตวาดลั่นไป แต่ใจยังห่วงลูก   ไม่รู้นิสัยนี้จะหมดไปจากสันดานเมื่อไรนะ นาง คิดตำหนิตนเอง

            “แล้วคุณพ่อจะทำยังไงต่อไปคะ   ว่ามาเถอะค่ะ ลูกจะทำตาม” ลูกสาวคนรองคงไม่อยากเห็นพ่อแม่เถียงกัน จึงพูดตัดบท และเธอเองก็อยากให้พ่อไว้ใจทุกอย่าง มอบกิจการห้างสรรพสินค้าให้เธอดูแลต่อไป   เธอจึงประจบอยู่ข้างพ่อเสมอ

                 “รีบแจ้งข่าวบอกลูกน้ำฝนว่า นัทหายไปจากบ้าน   แล้วถามด้วยว่า นัทอยู่ที่นั่นไหม” ผู้เป็นพ่อหันไปสั่งลูกสาว

                 “ค่ะพ่อ...แล้วไงต่ออีกคะ?” ลูกสาวคนรองรับทราบ แล้วก็รอคำสั่งต่อมา

                ผู้เป็นพ่อมีสีหน้าตึงเครียด เพราะรู้นิสัยของ นัทดีว่า หล่อนมั่นคงและแน่วแน่ต่อการตัดสินใจของตนเองเสมอ   เขานึกถึงสิ่งที่ทุกคนทำไว้กับ นัท แรงกดดันทางจิตใจ มันทำให้ นัททนอยู่บ้านนี้ไม่ได้จริงๆ

              ผู้เป็นพ่อนั่งซึม  คิดถึงชะตาชีวิตของนัทว่าจะดำเนินไปอย่างไร   ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น  จากที่ทำแต่กิจการงาน  จนไม่มีเวลามาดูแลจิตใจของลูกสาวคนนี้   เรื่องราวมันจึงผิดพลาดอย่างที่เห็น  นัทผูกพันกับยาย  มากกว่าพ่อกับแม่เสียอีก   เพราะยายจะเป็นคนเลี้ยงดูแลนัท   ส่วนพ่อกับแม่ก็มุ่งทำแต่งาน   เมื่อยายตายจากนัทไป   หล่อนจึงรู้สึกโดดเดี่ยว   แม้น้ำฝน พี่สาวของนัทที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันก็แยกเรือนแต่งงานไป

              เขามีความรู้สึกว่าตนเองได้เลี้ยงลูกผิดพลาดอย่างร้ายแรง  ซึ่งเลี้ยงลูกได้แต่เพียงกาย  แต่หาเลี้ยงจิตใจด้วยไม่   ไม่ได้เอาใจใส่ต่อลูกสาวคนนี้ให้ดีพอ   ผู้เป็นพ่อไม่คิดว่าอารมณ์วัยรุ่นอย่างนัทจะตัดสินใจอะไรเร็วปานนี้   หัวอกของพ่อแม่   ร้ายก็แต่ปาก   แต่ความเป็นห่วงลูกยังเต็มเปี่ยมในอกเสมอ   ผู้เป็นพ่อคิดว่าตนเองน่าจะคุยกับนัทดีๆตั้งแต่ต้น   ไม่น่าจะกดดันจิตใจของนัทเลย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป   แต่...มันสายไปจริงๆ   นัทจากบ้านหลังนี้ไปแล้ว

             ผู้เป็นมองหน้าลูกสาวคนรอง ก่อจะเอ่ยตัดพ้อ อย่างเหนื่อยอ่อนว่า

              “พ่อไม่รู้เหมือนกันว่า นัทจะยอมกลับมาอยู่บ้านนี้อีกไหม...ถ้าไม่อยู่บ้านหลังนี้ นัทจะอยู่อย่างไร...”

@   @   @   @   @

จากคุณ : เหงาเศร้า
เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 22:16:05




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com