Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปากกับใจไม่ตรงกัน  

เสียงเพลงอกหักจากโทรศัพท์มือถือดังร้องเรียก “ภัทรินทร์” หญิงสาวหน้าคมขำผมยาวหยักโศกผิวคล้ำเข้มตามแบบฉบับสาวไทยแท้ เธอได้ยินก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร แต่เธอจงใจปล่อยให้โทรศัพท์ดังยังไม่ตอบรับสายด้วยรู้ดีว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาโทรมาหา เธอต้องตักตวงหวงแหนและดื่มด่ำกับช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาทีนี้ให้มากที่สุด เธอชอบฟังเพลงนี้ ทั้งทำนอง และเสียงร้องของนักร้องหญิงนอกจากจะบาดร้าวลึกเข้าไปถึงดวงใจทั้งสี่ห้อง แล้ว เนื้อร้องยังเข้ากับสถานการณ์รักของเธอกับเขามากที่สุด “สายนี้ที่โทรมา คือคนรักที่จะบอกลา ไม่ขอรับได้ไหม เพราะฉันรู้ ที่ทำได้ก็แค่เสียใจ หลังจากวันนี้ไป จะเป็นอย่างไร เมื่อเธอเลิกรา”

ภัทรินทร์รู้ดีว่าเธอควรรีบรับสายหลังจากปล่อยให้โทรศัพท์ดังนานพอ เพราะอาจจะไม่มีการโทรมาอีกเป็นครั้งที่สอง เธอรับสายโทรศัพท์พร้อมๆ กับโอกาสนี้ไว้

“ภพ” เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงสื่อความเศร้าเว้าวอนให้คืนมา

“สองโมงวันนี้ว่างใช่ไหม” ชายหนุ่มปลายสายถามคำถามแบบปิด บังคับให้คำตอบเป็นไปตามที่เขาต้องการด้วยน้ำเสียงสื่อว่าอยากจะให้การสนทนา นี้จบลงเร็วๆ

“ไม่ว่าง รินทร์ต้องอ่านหนังสือสอบ” นั่นคือสิ่งที่เธอนึกในใจ แต่ไม่ได้พูด เธอว่างเสมอ ขอให้ได้เจอเขาทั้งที่ความจริงเธอควรจะอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคจบการศึกษาของมหาวิทยาลัย

“ว่าง” เธอตอบ

“งั้นเจอกันที่ร้านเดิมนะ รินทร์คงรู้ว่าเรามีอะไรต้องคุยกันให้จบ”

“คุยเรื่องที่คนเห่อของใหม่อย่างภพไปเจอยัยเด็กลืม สัญชาติไทยคนนั้นน่ะเหรอ” หญิงสาวเพียงนึกในใจ แต่สิ่งที่เธอตอบเขาคือ “คุยอะไรให้จบเหรอภพ” ภัทรินทร์เสียงเครือ แกล้งทำเป็นไม่รู้ ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร

“รินทร์ อย่ามาทำนิสัยงี่เง่าตอนนี้ เดี๋ยวเจอกัน แล้วค่อยคุย แค่นี้ก่อนนะ” เขากระชับบทสนทนา แล้ววางสายไปโดยไม่รอคำตอบ

ภัทรินทร์มองนาฬิกา ขณะนี้เป็นเวลาบ่ายโมงสิบห้า เธอต้องรีบเตรียมตัวออกจากบ้านไปพบเขา เมื่อก่อนตอนแรกรัก เขาขับรถมารับเธอถึงหน้าบ้านเสมอ มาถึงวันนี้ นอกจากจะให้เวลาเตรียมตัวก่อนออกไปพบเพียงน้อยนิด ซึ่งบ่งบอกว่าไม่ได้คำนึงคิดถึงกันก่อนนัดเจอ แล้วยังให้เดินทางออกไปเอง บัดนี้ ภัทรินทร์ได้รู้ซึ้งถึงคำพร่ำสอนจากผู้ใหญ่ และหนังสือที่พรรณนาความชอกช้ำระกำรักเพื่อตักเตือนถึงความผิดหวังแล้ว

ภัทรินทร์มาถึงร้านที่มีชื่อว่าเดิมที่เธอเคยมากับเขา เป็นประจำในเวลาสองโมงตรงตามนัด เธอกวาดตามองในร้านไม่เห็นชายหนุ่ม เธอเลือกนั่งโต๊ะริมหน้าต่างแล้วสั่งเครื่องดื่มเพื่อดื่มขณะนั่งรอเขา พนักงานหญิงนำเครื่องดื่มที่สั่งมาให้ที่โต๊ะ ภัทรินทร์นั่งรอแฟนหนุ่มที่กำลังจะกลายเป็นแฟนเก่าหากเธอเจรจาต่อรองรักกับ เขาไม่สำเร็จจนถึงสองโมงสี่สิบห้าซึ่งเป็นเวลาที่นายภพแฟนหนุ่มเดินทางมาถึง ร้านเดิม ชายหนุ่มผิวขาวใสไม่ว่าใครเห็นก็ต้องมองตามกล้ามที่ใหญ่กำยำบ่งบอกว่าเป็น ผู้รักการดูแลตนเองและเข้าสถานออกกำลังกายเป็นประจำ  เขาใส่เสื้อกล้ามเพื่อแสดงส่วนที่เป็นกล้าม ใส่แว่นดำไม่ยอมถอดออกเพื่อกันแดดที่แผดใส่เขาในร้านอาหาร เขามองหาภัทรินทร์ในร้าน แล้วเดินมานั่งตรงข้าม ภาพภพและภัทรินทร์นั่งตรงกันข้ามกัน ไม่ว่าใครมองก็ต้องคิดว่าชายหนุ่มกับหญิงสาวคนนี้มาเป็นแฟนกันได้อย่างไร ในเมื่อเขาหล่อใสบาดใจ แต่หญิงสาวหน้าตาสุดแสนธรรมดาผิวคล้ำค้านต่อสมัยนี้ที่นิยมสาวผิวนวลเนียน ขาวหมดจดสะกดใจ

           หยดน้ำเกาะพราวที่แก้วเครื่องดื่ม ภัทรินทร์ไล้นิ้วเรียวยาวบนผิวแก้วเคลือบหยดน้ำ

“ภพจะสั่งอะไรไหม” คำถามที่เธอพูดแทนสิ่งที่อยู่ในใจว่า “มาช้าเพราะมัวแต่ออดอ้อนกับยัยอินเตอรรรร์เนชันนัลคนนั้นอยู่ล่ะ สิ”          

“ไม่เป็นไร รินทร์ ภพจะพูดตรงๆ ล่ะนะ จะได้ไม่เสียเวลา”

ก่อนที่เขาจะพูดต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังเรียกร้องขึ้น เขารีบรับ

“ฮัลโหล เยส เบบี๊” เขาพยายามพูดเสียงเบา ยังดีที่พอให้เกียรติกันอยู่บ้าง ภัทรินทร์นั่งมองหน้าเขา หลังจากได้ยินภาษาอังกฤษว่า เยส เยส โน โน โอเค โอเค เบบี้ เบบี้ อยู่นานกว่ายี่สิบนาที จนเธอรู้สึกรำคาญ ก่อนที่เขาจะเจอกับสาวน้อยตัวเล็กน่าทะนุถนอมย้อมผมสีทองสลวยสวยหรูร่ำเรียน มหาวิยาลัยภาคอินเตอร์ฯ คนนั้น เขาเป็นคนนอบน้อม เกรงใจคนอื่นเสมอ แต่มาวันนี้ ภัทรินทร์ไม่อยากจะเชื่อว่าความอ่อนหวานแบบไทยๆ ของเขาแทบจะหายไปอย่างหมดสิ้น โชคดีที่เธอยังเห็นความอ่อนโยนหลงเหลืออยู่ในแววตาของเขาอยู่บ้าง ภัทรินทร์เคยพบเห็นและมีเพื่อนฝูงคนรู้จักทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องเรียน มหาวิทยาลัยภาคภาษาอังกฤษมากมายที่เป็นคนเรียบร้อยน่ารักแบบหญิงสาวสมัยใหม่ รักความเป็นไทย มีเพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้นที่มีคุณสมบัติตรงกันข้าม

“สั่งเสียไรกันนักหนา ไปคุยกันที่บ้านเลยดิ” คือประโยคที่อยู่ในใจหญิงสาว แต่

“เดี๋ยวรินทร์ไปห้องน้ำก่อนนะ” คือสิ่งที่เธอพูด เธอกระซิบขยับปากทำท่าทางบอกเขา ก่อนจะลุกไปห้องน้ำเพื่อเปิดทางให้ทั้งสองได้คุยธุระกันอย่างสะดวก

           ภัทรินทร์เข้าห้องน้ำ เธอเริ่มคิดถึงเหตุและผล จริงๆ เธอพอเข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องยอมเขาตลอดเวลาสามปีกว่าที่คบกัน หนึ่งในเหตุผลที่ตัวเธอเองทราบดีแต่ไม่ต้องการยอมรับก็คือเขาหน้าตาดี มีฐานะ เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ค่อนข้างตื้นเขิน ภัทรินทร์กลัวว่าจะหาคนหน้าตาดีมาเดินด้วยให้ภูมิใจไม่ได้อีกชั่วชีวิต เธอจึงต้องพยายามตามใจเขาตลอดเวลาจนเธอรู้สึกว่าสิ่งที่เธอกระทำอยู่ช่างคัด ค้านกับความเป็นตัวเธอเอง เธอกดชักโครก เสียงน้ำในโถไหลวนลงสู่ท่อน้ำทิ้งเตือนใจให้เธอคิดอะไรบางอย่างได้ เธอเดินออกมาล้างมือ จ้องหน้าตัวเองในกระจกพยายามยิ้มให้ตัวเอง

           ภัทรินทร์เดินกลับออกมา ชายหนุ่มไม่อยู่ที่โต๊ะ เธอเห็นเขายืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอก เธอกลับไปนั่งที่เดิม เธอมองเขา เขามองเธอ แล้วหันหน้าไปทางอื่นยังคงคุยโทรศัพท์ต่อไป ภัทรินทร์ไม่เดินออกไปตาม เธอคิดว่าเธอควรรอจนเขากลับมานั่งที่โต๊ะมากกว่า ระหว่างนี้ เธอคิดทบทวน เธอรักเขา รักมากเพราะเป็นรักครั้งแรกในชีวิต ภัทรินทร์เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง หนังสือเล่มนั้นบอกว่าตัวเราในปีที่แล้ว ปีนี้ และปีหน้าต่างกันจนแทบจะไม่ใช่คนเดียวกัน เราเปลี่ยนเป็นคนใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นกับทุกคน คนเราเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เราควรยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นในทางที่ดี เธอเคยนึกขัน ภัทรินทร์จะไม่มีวันเปลี่ยนไป เธอจะเป็นคนเดิม คนที่ทำให้แฟนหนุ่มหัวเราะได้ คนที่มีรอยยิ้มที่เขาหลงรัก คนที่ชอบอ่านหนังสือให้เขาฟังจนเขาหลับ คนที่เขาจะรักมั่นคงตลอดไป วันนี้ เธอรู้สึกแล้ว เธอนึกขอบคุณนักเขียนทุกท่านของหนังสือทุกเล่มที่เธอเคยอ่านที่แอบเข้ามา อบรมสั่งสอนขัดเกลาจิตใจเธออย่างเงียบๆ จนเธอแทบไม่รู้ตัว ภพเคยดีกับเธอมากที่สุดเท่าที่คนเป็นแฟนกันในวัยรุ่นคนหนึ่งจะทำได้ เวลาแห่งความสดใสที่ใช้ไปกับภพมีน้ำหนักมากกว่าเวลาแห่งความเศร้าหมอง ก็แค่วันนี้เขาถูกใจกับความงามที่ไม่ยั่งยืนของเด็กสาวอีกคนหนึ่ง เธอควรยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ในทางที่ดี เขาเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเธอ

           “ขอโทษที คุยนานไปหน่อย”

           “ไม่เป็นไรหรอก เรายอมภพทุกอย่าง เรายังรักภพอยู่นะ ภพอย่าไปจากรินทร์เลย มีอะไรที่รินทร์พอจะปรับปรุงตัวบ้างได้ไหม รินทร์อยู่ไม่ได้ถ้าขาดภพ” คือความรู้สึกที่ภัทรินทร์อยากกลั่นออกมาเป็นคำพูดให้เขาฟังจากหัวใจที่โหย หายังไม่พร้อมเลิกรา เธอกัดเม้มริมฝีปาก กำลังจะพูดอะไรออกมา แต่ยังไม่ทันที่บทสนทนาจะดำเนินต่อไป โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นอีกครั้ง สาวน้อยคนนั้นคงทราบว่าแฟนของหล่อนกำลังอยู่กับหญิงแฟนเก่า เธอคงไม่ต้องการให้การพบเจอกันครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น คราวนี้ เขาปล่อยให้มันดัง ก่อนมองตาภัทรินทร์ ท่าทางลำบากใจ

           “อย่ารับนะ ปล่อยให้มันดังไปแหละ ป่านนี้คงอยู่ไม่เป็นสุขแล้วสินะ” เสียงในใจของภัทรินทร์ดังขึ้น นี่คงเป็นเสียงจิตใจด้านมืดของเธอ เธอจิบน้ำดื่ม กลืนมันลงไปในคอ

           “รับสิภพ น้องเขาคงร้อนใจอยู่” ภัทรินทร์พูด เขารับโทรศัพท์ เสียงสูงปรี๊ดดังออกมานอกโทรศัพท์

           “มิมมี่ครับ เบบี๊ พี่ภพจะทำแบบนั้นได้ยังไง” เขาพูด เสียงสูงดังลอดโทรศัพท์ออกมาอีกครั้ง ภพยังไม่ได้กดวาง แต่เขาวางเครื่องลงบนโต๊ะแล้วพูดว่า

           “มิมมี่อยากฟังเราสองคนคุยกัน น้องเขาอยากฟังให้แน่ใจว่าเรื่องของเราจบแล้วจริงๆ”

ภัทรินทร์แทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ในโลก เธอนึกฉุนขึ้นเล็กน้อย

“ทำไม ยัยผีมัมมี่มันเกิดไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมาเหรอ ทำไมวันนี้ไม่ตามติดมาคอมเฟิรรรรร์มถึงที่เลยล่ะ” แน่นอน ภัทรินทร์คิดในใจ

“ภพว่าไงล่ะ รินทร์ว่ามันไร้มารยาทไปหน่อยนะ” ภัทรินทร์พูดจิกกัดด้วยความสะใจเล็กน้อย ชายหนุ่มหน้าเสีย ไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ทำให้ภัทรินทร์นึกถึงน้ำที่ไหลลงชักโครก เธอแน่ใจว่ากำลังเสียเวลาอ่านหนังสือสอบอันมีค่าไปกับผู้ชายงี่เง่ากับ ผู้หญิงเอาแต่ใจ เวลาแห่งความอดทน ความอ่อนแอ และความพยายามข่มสะกดความคิดในจิตใจหมดลงแล้ว ภัทรินทร์ปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงของเธอออกมา

“ภพ ที่จริง รินทร์ไม่มีเวลามามัวแย่งผู้ชายกับน้องมิมม่ง มิมมี่ไรของภพหรอกนะ รินทร์จะกลับบ้านไปอ่านหนังสือสอบ ภพก็ควรจะกลับไปอ่านเหมือนกันนะ ดีกว่าเสียเวลามานั่งคุยกันเรื่องไร้สาระแบบนี้ ไม่งั้นเดี๋ยวก็ต้องมานั่งแก้เอฟรอยัยเด็กนี่มันตามขึ้นมาเรียนปีเดียวกัน หรอก” ภัทรินทร์พักหายใจ “แล้วเรื่องจะเลิกกัน ไม่ต้องมาทำให้เรื่องนี้มันซึ้งได้อารมณ์เพลงอกหักหรอก น่ารำคาญ จะไปทำก็ไปทำกับมิมมี่มัมมี่ไรของภพเหอะ เราเป็นเพื่อนกันก็ได้ มีไรก็โทรมาคุยแล้วกัน ไปล่ะ” ภัทรินทร์ลุกขึ้น หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเพื่อจ่ายค่าเครื่องดื่มที่สั่ง แล้วหยิบโทรศัพท์ของภพที่นั่งอึ้งอยู่ขึ้นมาพูดใส่ว่า “พอใจยัง บ้ารักแล้วอย่าลืมบ้าเรียนด้วยนะ เตือนด้วยความหวังดี หวังว่าคงฟังภาษาไทยเข้าใจนะ” แล้ววางคืนลงบนโต๊ะ เธอเดินจากชายหนุ่มไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเป็นครั้งที่สอง

หญิงสาวเดินมาถึงป้ายรถประจำทาง ขึ้นรถประจำทาง จ่ายเงินค่าตั๋วรถประจำทาง แล้วนั่งมาจนถึงป้าย เธอเดินลงจากรถด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ความรู้สึกนี้มีส่วนผสมของความฮึกเหิม ความเศร้า ความน้อยใจ ความสะใจ ความรู้สึกเป็นอิสระ ความเหงา ความเคว้งคว้าง ความรู้สึกต้องการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นกว่าเดิมจนใครก็ตามที่ไม่รักเธอต้อง เสียดาย เธอให้คำจำกัดความความรู้สึกนี้ว่าเป็นความรู้สึกของคนอกหักที่คิดได้ เธอเดินเข้าซอย  ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับ หยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเพื่อนๆ ที่รักของเธอ ทุกคนต่างเป็นห่วงภัทรินทร์กันทั้งนั้น เธอยิ้ม จากยิ้มธรรมดาก็กลายเป็นเดินหัวเราะอยู่คนเดียว รอยยิ้มสดใสของเธอทำให้หนุ่มๆ ที่เดินสวนกันออกมาในซอยแอบมองจนเขินหน้าแดงเพราะความน่ารัก ภัทรินทร์ไม่สนใจ เธอเปิดประตูบ้านก็เห็นแม่กับพ่อช่วยกันรดน้ำต้นไม้อยู่ เธอยืนอยู่เฉยๆ ครู่หนึ่ง อยู่ๆ ก็ร้องไห้โฮ โผเข้าไปกอดท่านทั้งสอง ท่านพอจะทราบเรื่องจากลูกชายคนเล็กมาบ้าง จึงปลอบใจลูกสาวคนโต

“คนอื่นไม่รัก แต่พ่อกับแม่รักลูกมากนะ อย่าลืมนะลูก” คุณพ่อพูด คุณแม่น้ำตาคลอ ลูบศีรษะลูกสาวอย่างเอ็นดู

“โตเป็นสาวแล้วยังร้องไห้ขี้มูกโป่งกอดพ่อแม่อยู่อีกพี่รินทร์” น้องชายแซว

“เดี๋ยวเหอะ แกไม่เจอบ้างก็ให้มันรู้ไป”

“ไอ้ภพบังอาจทำพี่รินทร์ร้องไห้ เดี๋ยวรุจไปจัดการให้”

“รุจ อย่าก้าวร้าวไร้สาระ ไปเลย ไปทำการบ้านไป อย่ายุ่งเรื่องของพี่เค้า” คุณแม่ดุ “ไปรินทร์ ไปอาบน้ำ แล้วลงมากินข้าวกัน” คุณแม่พูดต่อ

แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 52 19:13:03

แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 52 13:40:44

จากคุณ : ทิพย์ทัศน์
เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 13:36:19




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com