Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บาปปาริชาต ตอนที่ 10  

ตอนที่ 10
บัวซอน กับ ฟองคำ



หล่อนนอนไม่หลับได้แต่พลิกตัวกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนเตียง จนกระทั่ง
ย่างเข้ากลางดึกร่างสะอางของหญิงสาวก็ลุกขึ้นมาเปิดม่านหน้าต่าง แล้วมองผ่าน
กระจกใสบางออกไปภายนอก ฟ้าสีหม่นยามรัตติกาลดูช่างมืดมิดผิดกับเมือง
ความมืดโรยตัวปกคลุมไปทั่วบริเวณ จนมองเห็นเสี้ยวจันทร์ตาแมวที่ลอยคว้าง
อยู่บนนภาได้ชัดเจน แสงสกาวของจันทร์นวลดูพร่องลงกว่าค่ำคืนก่อนหน้านี้
เป็นอันมาก ราวกับความมืดกัดกินมันทีละน้อยๆ อีกไม่กี่วันก็คงจมหายไปใน
ทะเลกาลเป็นแน่


“ฉันมาที่นี่ทำไม?” มิสึสึถามตัวเองเบาๆ หล่อนไม่ได้นึกอยากจะร้องไห้ แต่กลับมี
น้ำอุ่นเอ่อล้นขอบตา หญิงสาวถอนหายใจแล้วใช้นิ้วเรียวปาดทิ้งคร่าวๆ


“ฉันไม่อยากเป็นอย่างนี้อีกแล้ว ไม่อยากอยู่ในฝันร้าย ไม่อยากเคว้งคว้างไร้
ความหมาย จะเป็นสุขก็ไม่ได้ จะเป็นทุกข์ก็กลัวเหลือเกิน....จะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะ”

มือขาวผ่องของหล่อนกำผืนผ้าม่านแน่น หยาดน้ำพราวไหลหยดผ่านนวลแก้ม
ออกมาเป็นทาง


“จะทำยังไงดี? จะเจออะไรไหม?” หล่อนยังพึมพำถามตนเองต่อไป แต่ไม่มีคำตอบใด
ออกมาจากมโนสำนึก


“เหนื่อยเหลือเกิน....เหนื่อยจนไม่อยากจะอยู่แล้ว”


ไม่ใช่ว่ามิสึสึไม่เคยคิดอยากตาย หล่อนเคยพยายามฆ่าตัวตายมาสามครั้งแล้ว
แต่ละครั้งนั้นสร้างรอยบาดแผลให้กับคนรอบข้างไม่น้อย ครั้งแรกตอนอยู่มัธยมต้น
หล่อนไม่ได้ฆ่าตัวตายเพราะฝันอันเลวร้ายนี้ แต่มันคือสาเหตุของเรื่องทั้งมวลอีกเช่นกัน
มิสึสึเครียดกับภวังค์ที่ต้องเจออยู่เดียวดายยามหลับใหล ในเวลานั้นหล่อนมีเพื่อนสนิท
อยู่คนหนึ่งชื่อชิโฮะ เป็นเพื่อนที่คิดว่าสามารถบอกเล่าเรื่องทุกอย่างได้


หญิงสาวยึดเอาชิโฮะคนนี้เป็นที่พักใจ เพราะไม่อยากคุยเรื่องซ้ำๆ ซากๆ เหล่านี้กับ
บิดามารดาอีกแล้ว หล่อนเข้าใจดีว่าพ่อแม่หนักใจแค่ไหนจึงไม่อยากจะเพิ่ม
ความไม่สบายใจให้ จึงหันเข้าหาเพื่อนอย่างที่วัยแรกรุ่นทั่วไป แต่ความทุกข์
ของหล่อนก็ยังเป็นของหล่อนคนเดียวอยู่นั่นเอง เทอมแรกของการเรียนในชั้นมัธยม
ปีที่หนึ่ง ชิโฮะสนิทสนมกับมิสึสึเป็นอย่างดี ทั้งกินข้าวกลางวันด้วยกัน
ตอนกลางคืนก็โทรคุยกัน เพื่อนรักปลอบใจหล่อนจนมิสึสึคิดว่านอกจากพ่อแม่แล้ว
ก็มีชิโฮะนี่แหละที่หล่อนจะรักมากที่สุด


เข้าเทอมสองชิโฮะเริ่มมีเพื่อนมากขึ้นบางทีก็ปลีกตัวไปจากมิสึสึ ทำให้หล่อนเหงา
และถึงพยายามจะตามเพื่อนรักไปทำกิจกรรมต่างๆ แต่ก็ไม่สนุกเพราะตนเองไม่ได้
ชอบกิจกรรมนั้นและเข้ากันกับเพื่อนของชิโฮะไม่ได้อีกด้วย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่
จึงค่อยๆ ห่างเหินไป


จนเช้าวันหนึ่งเมื่อย่างเข้ากลางเทอมที่สามอันเป็นเทอมสุดท้ายของปีการศึกษา
มิสึสึเข้ามาในห้องเอ่ยอรุณสวัสดิ์ทักทายทุกคน แต่ไม่มีใครขานรับพวกเขา
เพียงแต่หันมามองหล่อนเดี๋ยวเดียวก็กลับไปสนทนากันเอง แม้กระทั่งชิโฮะ
เองก็ทำอย่างนั้นด้วย หญิงสาวจึงขยับเข้าไปใกล้เพื่อนรักเพราะคิดว่า
หล่อนอาจจะไม่ทันสังเกตเห็นตัวเองเดินเข้ามาก็เป็นได้ แต่ชิโฮะแค่ปรายตา
มองแล้วทั้งกลุ่มก็พากันลุกหนีไปที่อื่น ตลอดทั้งวันนั้นมิสึสึจึงได้แต่นั่งเงียบ
ไม่พูดกับใครและไม่มีใครมาพูดด้วย


หลายวันผ่านไปสถานการณ์ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มิสึสึเหมือนถูกกัน
ให้ออกห่างจากทุกคน ในที่สุดหล่อนก็ทนไม่ไหวต้องถามชิโฮะไปตรงๆ
เมื่อได้โอกาสอยู่กันตามลำพัง ว่าหล่อนทำอะไรให้ชิโฮะโกรธหรือเปล่า
เพื่อนรักทำหน้าเฉยเมยแล้วตอบแค่ว่า...


“ฉันเบื่อที่ต้องดูแลเธอน่ะ ฉันอยากทำอะไรสนุกๆ บ้างมากกว่ามาอยู่
กับคนอมทุกข์ตลอดเวลา” มิสึสึได้แต่อึ้งไร้คำตอบใดๆ ออกจากปาก


“มิสึสึฉันไม่ได้เกลียดเธอหรอกนะ...แต่ไปห่างๆ ฉันบ้างก็ได้ เธอน่ะติดแจ
อย่างกับอึปลาทองแน่ะ แล้วก็ชอบทำหน้าเศร้า อาจารย์ก็มาถามฉันว่า
เธอเป็นอะไร ใครทำอะไรเธอหรือเปล่า ทำไมฉันไม่ดูแลเธอ...นี่แหละที่ฉันเบื่อ”


“ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจทำหน้าเศร้านะ”


“แต่เธอก็ไม่ได้พยายามจะยิ้มนี่”


“ต่อไปฉันจะยิ้มบ่อยๆ ขอร้องล่ะนะอย่าโกรธฉันเลย”


“ก็ดีอาจารย์จะได้เลิกเป็นห่วงเธอ...แต่ว่าเธออย่ามาใกล้ฉันนักได้หรือเปล่า?
ไม่งั้นคนอื่นๆ จะพลอยอึดอัดไปด้วย ทำให้ไม่มีใครอยากชวนฉันไปไหนด้วย
เพราะเธอตามฉันอยู่ตลอดนี่แหละ”


“....คนอื่นๆ เกลียดฉันเหรอ?”


“ก็เธอทำให้คนอื่นเขาเบื่อนี่ เหมือนว่าความทุกข์มันจะระบาดจากเธอ
แค่เรียนก็เบื่อจะแย่อยู่แล้วคงไม่อยากจะเบื่อเพราะเธออีก”


“...ฉันขอโทษนะ...ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้ทุกคนรู้สึกแบบนั้น” มิสึสึร้องไห้
ออกมานัยน์ตาคู่สวยของหล่อนไม่สามารถเก็บกั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว


“ได้ฉันจะบอกทุกคนให้ เธอมีเรื่องพูดกับฉันแค่นี้ใช่ไหม? งั้นฉันไปก่อนนะ”


แล้วชิโฮะก็ปลีกตัวออกไปอย่างเร่งรีบท่าทางของหล่อนชัดเจนว่าไม่อยากเสวนา
กับคนอมทุกข์อย่างมิสึสึอีก แต่อยู่ๆ อดีตเพื่อนรักที่กำลังก้าวเดินออกไปก็
ชะงักฝีเท้าลง คล้ายกำลังชั่งใจบางอย่างแล้วจึงหันมาเรียกหล่อน แว่บแรกนั้น
หญิงสาวนึกดีใจขึ้นมา และรอฟังสิ่งที่ชิโฮะจะพูดอย่างใจจดใจจ่อ

“มิสึสึ...เรื่องฝันร้ายของเธอน่ะ อย่าเที่ยวไปเล่าให้คนอื่นฟังอีก เดี๋ยวเขาจะหาว่า
เธอบ้า...นี่ฉันหวังดีนะถึงได้เตือน” ทว่าคำพูดสุดท้ายที่ชิโฮะทิ้งไว้ มันกลับกลาย
เป็นคมมีดกรีดลึกเข้าไปในหัวใจจนรู้สึกเจ็บแปล่บ


“เธอเล่าให้คนอื่นฟังเหรอ?” คนถูกถามไม่ตอบ


“นั่นมันความลับของฉันนะ”


“ถ้าเป็นความลับอาจารย์คงไม่รู้แล้วขอร้องให้ฉันดูแลเธอหรอก เรื่องนี้น่ะ...ใครๆ
เขาก็รู้แล้วพูดกันมานานแล้วด้วย”


“อะไรนะ?...เธอโกหก...ไม่จริง!” ชิโฮะไม่ตอบหล่อนจ้องมองมิสึสึที่ยืนตัวสั่น
ด้วยแววตาสมเพช ยิ่งเพิ่มน้ำหนักความเสียใจให้ทวีขึ้นอีก ไม่นานนักเด็กสาว
ก็สะบัดหน้าจากไปไม่หันมามองหล่อนอีก


หญิงสาวไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรืออาจารย์ หล่อนเก็บ
ความช้ำใจที่ถูกเพื่อนปฏิเสธเอาไว้เงียบๆ จนผ่านไปเกือบเดือน มิสึสึไม่อาจ
ทนรับสภาพการไร้ตัวตนในห้องเรียนได้อีก ไม่มีใครร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วย
ไม่มีใครเก็บชีทให้หากหล่อนเข้าเรียนช้า ไม่มีใครมานั่งวิเคราะห์โจทย์คณิตศาสตร์
กับหล่อน


เวลาจับคู่ทำกิจกรรมหรือรายงานก็ไม่มีใครอยากจับคู่ด้วย ความเดียวดาย
มันโจมตีอย่างรุนแรงและยิ่งยวดเกินกว่าเด็กสาวอายุ 13 ปีจะตั้งรับไหว
หล่อนเริ่มไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากตื่นนอน ระยะเวลาการนอนหลับ
ก็ยาวนานขึ้น และตกอยู่ในฝันร้ายมากขึ้น


เมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่อยากหลับหล่อนพยายามทำทุกวิถีทางให้ตัวเองตาค้าง
จนร่างกายอ่อนเพลียและผล็อยหลับไปเอง มิสึสึจำไม่ได้ว่าตนเองรับประทาน
อาหารมื้อเช้า หรือมื้อเที่ยงไปบ้างหรือยังด้วยซ้ำ หนักๆ เข้าเมื่อรับประทาน
เข้าไปหล่อนก็อาเจียนออกมา กระเพาะก็เริ่มมีอาการไม่รับอาหาร อาการ
ปวดท้องมาเยือนเสมอหล่อนเคยหน้ามืดจนเป็นลม เพราะปวดกระเพาะ
ตอนอยู่ในห้องเรียนด้วยซ้ำ


แต่เหล่านี้ไม่ได้ทำให้เพื่อนร่วมห้องสงสารหล่อนเลย กลับคิดว่ามิสึสึ
พยายามเรียกร้องความสนใจจากอาจารย์ ยิ่งทำให้หญิงสาวเก็บถ้อยคำ
ไว้ในใจไม่ปริปากบอกใคร ไม่เล่าปัญหาที่โรงเรียนให้ครอบครัวฟัง ทางบ้าน
คิดว่ามิสึสึไม่สบายแต่หล่อนรู้ตัวว่ามันไม่ใช่ หล่อนไม่คิดว่าตนเองป่วย
หล่อนรู้ดีว่าหล่อนเจ็บปวดตรงไหน มันไม่ใช่ทางร่างกายแต่มันเป็นบาดแผลในใจ


มิสึสึต้องกลับไปพบจิตแพทย์อีกครั้ง และต้องกินลดความเครียด จิตแพทย์
บอกว่าหล่อนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เพราะปรับตัวเข้ากับสังคมไม่เก่งและเหนื่อยล้า
ในการต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม สิ่งที่มารดาทำในตอนนั้นคือขอให้ชิโฮะ
มาเยี่ยมมิสึสึที่บ้าน โดยไม่รู้ว่าเพื่อนที่มองดูแสนดีคนนี้แหละเป็นคนที่ทำให้
หล่อนเบื่อหน่ายการมีชีวิตอยู่


หญิงสาวไม่คิดว่าชิโฮะผิด...ยิ่งมาคิดย้อนหลังในวันที่หล่อน 21 ปีแล้วด้วย
ชิโฮะอายุแค่ 13 ปี ก็คงอยากสนุกสนานตามวัย อยากเล่นกับเพื่อนๆ มากกว่า
จะต้องมานั่งดูแลคนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอย่างหล่อน ก็น่าอยู่หรอกที่ชิโฮะ
จะปลีกตัวจากไป เพียงแต่...หล่อนหักหาญน้ำใจมิสึสึเกินไปด้วยคำพูด
ที่แสนตรงจนกลายเป็นกระด้าง และหล่อนเองก็อ่อนแอจนเจ็บปวดสาหัส
ได้ง่ายด้วยคำพูดไม่กี่ประโยคนี้ก็เท่านั้นเอง...


หล่อนไม่ยอมให้ชิโฮะเข้ามาในห้อง เพราะในเมื่อเพื่อนรักบอกว่าไม่อยากจะ
ปั้นหน้าตามที่ผู้ใหญ่ของร้องแล้วล่ะก็ หล่อนก็ไม่อยากฝืนความรู้สึกเพื่อนอีก
แล้วในคืนนั้นมิสึสึนั่งตรองเรื่องนี้วนไปวนมาซ้ำแล้วซ้ำอีก การที่หล่อนไม่สบาย
ก็ทำให้มารดาเป็นห่วงจนต้องไปขอร้องอาจารย์ อาจารย์ก็ไปบังคับให้ชิโฮะ
และคนอื่นๆ มาเยี่ยมหล่อน ซึ่งมันไม่ได้เกิดจากความเต็มใจของใครเลยสักนิด
มีแต่จะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง


ถ้าชิโฮะต้องฝืนใจตัวเองก็คงจะยิ่งรังเกียจมิสึสึมากขึ้น ดังนั้นหล่อนไม่อยากให้
ใครต้องฝืนใจ ต้องเจ็บปวดเสียใจเพราะหล่อนอีกแล้ว ในเมื่อหล่อนเป็นภาระ
ขนาดนี้ มิสึสึเลือกวิธีที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับตนเองและคนอื่นๆ นั่นคือกำจัด
ตัวปัญหาออกไปจากพวกเขาเสียก็เท่านั้นเอง

จากคุณ : แก้วกังไส
เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 52 03:33:50




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com