ฮวงจุ๊ยที่หาดใหญ่-เจ้าไร้ศาล
|
|
ฮวงจุ๊ยที่หาดใหญ่-เจ้าไร้ศาล
บนสายถนนชีอุทิศของหาดใหญ่ มีสถานที่บำเพ็ญบุณย์กุศลหลังหนึ่งของแม่ชีสายมหายาน มีจำนวนแม่ชีอาศัยอยู่จำนวนหนึ่ง มีรายรับจากการทำบุญ/การสวดมนตร์ในพิธีกรรมต่าง ๆ แต่เดิมถนนสายนี้มีศาลเจ้าจีนอยู่ใกล้ ๆ หัวมุมหนึ่งแห่ง ส่วนอีกหลังหนึ่งอยู่ระหว่างกลางถนน ตรงข้ามกับสถานที่บำเพ็ญบุณย์ของแม่ชี
ศาลแห่งแรกเป็นของกลุ่มตระกูลบุกเบิกของหาดใหญ่ มีเงื่อนไขข้อตกลงทางวาจาหรือสัญญาสุภาพบุรุษ ของคนจีนรุ่นก่อน(รับปากแล้วต้องทำ) ตกลงกันว่า ให้เป็นสถานที่เก็บป้ายสกุล หรือรวบรวมป้ายชื่อคนตายไว้ในสถานที่แห่งนี้ เพื่อให้ลูกหลานหรือมิตรสหายมาทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้คนตาย ส่วนคนที่อยู่เฝ้าศาลเจ้าก็จะมีรายรับ จากเงินค่าทำบุญและอาหารที่มาเซ่นไหว้ส่วนหนึ่ง โดยมากแล้วคนเฝ้าศาลมักจะเป็นคนแก่ที่ไม่มีญาติพี่น้องส่วนหนึ่ง หรือยากไร้ในการทำมาหากินก็จะมาอยู่เฝ้าสถานที่แห่งนี้
แต่ต่อมาลูกหลานของเจ้าของที่ดินรายนี้ขอคืนสถานที่แห่งนี้ เพราะถือว่าผิดเงื่อนไข/กรรมสิทธิ์ยังไม่มีการโอนให้ศาลเจ้าแต่อย่างใด ทั้งคนที่อยู่อาศัยในศาลเจ้าก็ไม่ใช่คนยากไร้แล้ว เป็นครอบครัวที่ทำมาหากินและมีรายได้จากธุรกิจอื่น รวมทั้งป้ายชื่อที่ไว้ในศาลเจ้าก็มีการโยกย้ายหรือนำไปไว้ที่อื่นจำนวนมาก สุดท้ายศาลเจ้าแห่งนี้ก็มีการรื้อถอนไปและโอนขายไปในที่สุด (ขอสงวนการระบุตำแหน่งที่ดินและอาคารปัจจุบันทั้งสองแห่ง)
ส่วนแห่งที่สองที่อยู่บนละแวกถนนเดียวกัน เป็นการร่วมหุ้นกันของญาติมิตรสหายคนจีนในการซื้อที่ดินขึ้นมา แล้วทำการสร้างศาลเจ้าขึ้นมาหนึ่งหลัง เพื่อให้เป็นสถานที่เก็บป้ายสกุล หรือรวบรวมป้ายชื่อคนตายไว้ในสถานที่แห่งนี้ เพื่อให้ลูกหลานหรือมิตรสหายมาทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้คนตาย ส่วนคนที่ร่วมหุ้นกันใครคนไหนไม่มีรายรับ หรือทำมาหากินไม่ได้แล้วก็ให้มาเฝ้าสถานที่แห่งนี้ เพื่อจะได้มีรายรับ/อาหารการกินในการยังชีพส่วนหนึ่ง จากคนที่มาทำบุญและเซ่นไหว้คนตาย แต่เพราะคนสัญชาติจีนสมัยก่อนทำนิติกรรมสัญญาซื้อที่ดินไม่ได้ เลยตกลงร่วมกันใส่ชื่อเจ้าของที่ดินไว้ในชื่อบุตรหลานคนหนึ่ง เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงดังกล่าวแทนคนจีนทั้งหมดที่ร่วมหุ้นกันซื้อ โดยทุกคนต่างคิดว่าลูกหลานคนนี้เป็นที่เชื่อถือได้ และคาดว่าคงจะไม่ทำอะไรมิดีมิร้ายในภายหลัง
มีช่วงหนึ่งธนาคารบัวหลวงของไทย ได้แข่งขันกันปล่อยสินเชื่ออย่างรุนแรงมากในหาดใหญ่ เจ้าของที่ดินที่ได้รับความไว้วางใจใส่ชื่อไว้ในแปลงศาลเจ้าแห่งนี้ ก็ถือโอกาสสวมรอยไปวางเป็นหลักประกันไว้กับธนาคารพาณิชย์ โดยธนาคารก็เชื่อใจในลูกค้าคนนี้เช่นกัน ไม่มีการตรวจสอบหรือสำรวจว่าหลักประกัน สมควรรับเป็นกรรมสิทธิ์หรือไม่แต่อย่างใด หรืออาจจะมีการแจ้ง/ชี้ที่ดินให้ผิดแปลงหลักประกัน
ต่อมาหนี้เสียเกิดขึ้น ก็ต้องมีการฟ้องร้องบังคับคดีจนถึงที่สุด คนต้นปัญหาก็หนีหายไปจากหาดใหญ่แล้ว ทิ้งปัญหาและความยากลำบากไว้ให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง เมื่อความเฉลยว่าหลักประกันเป็นศาลเจ้า ท้ายสุดธนาคารก็ต้องรับซื้อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เอง เพราะหาคนซื้อไม่ได้เลยเมื่อรู้ว่าเป็นศาลเจ้า ทำให้ธนาคารต้องจ่ายค่าขนย้ายพร้อมกับฟ้องร้องขับไล่ ให้คนที่เฝ้าศาลเจ้าจัดการรื้อถอนศาลเจ้าและป้ายทั้งหมดออกไป เพื่อไปเก็บรักษาไว้ที่ไหนก็ตามใจ/แล้วแต่คนเฝ้าศาลจะดำเนินการ (เรื่องนี้ผู้เขียนไม่ทราบว่าสุดท้ายไปเก็บที่ไหน ใครทราบก็บอกด้วย)
เมื่อธนาคารดำเนินการให้คนเฝ้าศาลและทรัพย์สินในศาลออกหมดแล้ว ก็ทำการรื้อถอนและปรับหน้าที่ดินให้ดูสวยงาม แล้วบอกขายต่อไปให้กับลูกค้าธนาคาร หลายรายทราบก็ไม่ยอมซื้อแม้ว่าราคาจะถูกเท่าใดก็ตาม เพราะเชื่อว่ายังมีอาถรรพ์หรือวิญญาณคนตายสิงสถิตย์อยู่ กอปรกับการสร้างบ้านเรือนในที่ศาลเจ้าเดิมมักจะมีปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ สุดท้ายธนาคารก็กล่อมจนกระทั่งลูกชาย เจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งในหาดใหญ่ซื้อไปได้ เพราะเป็นคนเชื่อมั่นในตนเองสูง ถือว่าตนเองจบวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย ไม่ค่อยจะเชื่อในเรื่องเหล่านี้มากนัก กอปรกับได้ซื้อที่ดินมาในราคาถูกมาก ๆ กะว่าจะ Renovate แล้วขายให้กับคนไม่รู้ต่อไป
โชคชะตาฟ้าลิขิต คนที่ทราบเรื่องทราบราวก็ไม่มีใครยอมซื้อเลย แม้ว่าจะมีการสร้างโรงเรือนชั้นเดียวขึ้นมาเพื่อปกปิดสภาพเดิมไว้ สุดท้ายต้องปล่อยให้คนมุสลิมที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้ เช่าที่ดังกล่าวทำเป็นร้านอาหารไปในที่สุด และคนซื้อคนสุดท้ายก็ทราบข่าวว่ามีปัญหาทางธุรกิจตลอดมา อาจจะผลกระทบจากธุรกิจโรงแรมในหาดใหญ่ส่วนหนึ่ง ทำให้ปัจจุบันต้องเช่าธนาคารทำโรงแรมต่อไป โดยเน้นในส่วนของ Entertainment และด้านบนให้เช่าเป็นที่ตั้ง เสาสายนำสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ส่วนที่พักก็ลดน้อยลงไปมาก
หมายเหตุ โรงแรมของคนซื้อคนสุดท้ายแห่งนี้ก็เป็นต้นเรื่องของ ผีช่องแอร์ ที่มีการดัดแปลงจนเป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง แต่เหตุเกิดในหาดใหญ่ เพราะมีการฆ่ากันตายที่โรงแรมแห่งนี้ จำไม่ได้ว่าเป็นแขกที่มาพักหรือบ๋อยของโรงแรม แล้วผลักตกลงมาบนกันสาดชั้นสองของโรงแรม ที่เป็นช่องระบายความร้อนของแอร์ กว่าจะเจอก็มีกลิ่นเหม็นเน่าไปแล้ว (มีการปิดข่าวและจ่ายรายการให้เรื่องเงียบหายไป)
เรื่องการซื้อที่ดินที่เป็นศาลเจ้าหรือที่ดินอาถรรพ์/ที่ดินที่รกร้างมานาน เคยถามซินแส/พระจีน/ผู้รู้ ว่าซื้อได้หรือไม่ ท่านตอบว่าได้ แต่ต้องมีพิธีกรรมมากหลายอยาง แต่พิธีกรรมที่ดีที่สุดคือ การให้มีการลุยไฟ เพราะเชื่อว่าไฟจะทำการล้างอาถรรพ์ทุกอย่าง ทำให้ที่ดินบริสุทธิ์เผาไหม้สิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ออกไป เมื่อที่ดินที่ลุยไฟเสร็จแล้ว เมื่อกลับมาเย็นเป็นปรกติหลังจากพิธีกรรมลุยไฟ สิ่งที่ดีงามจะเริ่มหวนกลับมาสู่ที่ดินแห่งนี้ ดังจะเห็นได้จากศาลเจ้าก่อนจะสร้างหรือหลังสร้างแล้ว มักจะมีประเพณีลุยไฟกันสม่ำเสมอ
เขียนไว้จากความทรงจำก่อนที่จะเลือนหายไป ผลบุญของการแบ่งปันความรู้ครั้งนี้ให้มีผลต่อผู้มีส่วนได้เสียในเรื่องนี้เทอญ
จากคุณ |
:
ravio
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ธ.ค. 52 09:54:46
|
|
|
|