Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ประตูที่ปิดตาย (ปรับปรุง)  

ประตูที่ปิดตาย

อากาศร้อนอบอ้าวจากแสงแดดจ้าในเวลากลางวันเช่นนี้ ส่งผลให้ร่างกายและเสื้อผ้าของผู้ที่เดินเท้าโดยปราศจากร่มเงาของสิ่งใดชุ่มแฉะไปด้วยเหงื่อ

วิชัยยืนอยู่หน้าประตูรั้วบ้านหลังหนึ่ง สายตากวาดมองบริเวณโดยรอบของตัวบ้านซึ่งไร้ผู้อยู่อาศัยหรือแม้กระทั่งผู้ดูแล

บ้านหลังใหญ่ที่กินเนื้อที่กว้างขวางซึ่งปลูกอยู่ห่างจากแหล่งชุมชนมาเป็นระยะทางพอสมควร จนถึงบัดนี้ที่แม้ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปเนิ่นนาน ทั้งๆ ที่บริเวณใกล้เคียงเริ่มมีสิ่งที่เรียกว่าความเจริญมาให้เห็นได้บ้างแล้ว

แต่สำหรับที่นี่ ที่บ้านหลังนี้มันกลับแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยนอกเสียจากสภาพที่ทรุดโทรมเป็นอย่างยิ่งนับจากครั้งสุดท้ายที่เขาจำได้

...นานมากแล้วที่วิชัยเองไม่เคยได้กลับมาที่นี่อีกเลย...

บ้านที่ทุกคนในครอบครัวเคยอาศัยเมื่อครั้งที่วิชัยยังเยาว์วัย สำหรับที่นี่แล้ว เรื่องราวมากมายในอดีตอันไกลโพ้นดูเหมือนจะติดแน่นอยู่ในห้วงความคิด หากแต่บางความทรงจำนั้นกลับรู้สึกเลือนรางอย่างประหลาด

วิชัยปลดกลอนและแม่กุญแจที่คล้องประตูรั้วออก รั้วบ้านซึ่งบัดนี้เก่าผุพังปราศจากร่องรอยของสีทาทับ วัชพืชนานาพันธุ์ต่างพากันจับจองพื้นที่เลื้อยพันอยู่โดยรอบ

...ในอดีตมันเคยเป็นสีฟ้าสดใส...

ประตูรั้วบานนี้ที่เคยปิดกั้นเขาไม่ให้ออกไปวิ่งซุกซนภายนอกตัวบ้านเมื่อครั้งยังเยาว์วัย และเพียงแค่นึกถึง ภาพเด็กชายกำลังถูกผู้เป็นพ่อตีหลังจากพยายามปีนรั้วเพื่อออกไปเล่นภายนอกก็ปรากฏขึ้นมาอยู่ตรงหน้าแทบจะในทันที

...ชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าจริงจังเสมอ ผมบนศีรษะที่เป็นมันเยิ้มและเรียบแปล้อยู่ตลอดเวลา...

ความทรงจำในวัยเด็กส่งผลให้วิชัยกลัวผู้เป็นพ่อของตนเองเป็นอย่างมากในเวลานั้น ชายผู้มีรอยยับย่นบนใบหน้าที่ไม่เคยยิ้มแย้มหรือเล่นหัวกับลูกของตนเลยแม้เพียงครั้งเดียวจวบจนวันสิ้นชีวิต

...วิชัยเกลียดแววตาและท่าทางของผู้เป็นพ่อที่กระทำต่อเขา มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แต่นั่นก็ทำให้มันติดตาตรึงใจเขามาจนทุกวันนี้...

ในอาณาเขตของตัวบ้านซึ่งรกครึ้มไปด้วยไม้ยืนต้นและหญ้านานาชนิด เพียงแค่วิชัยก้าวเข้ามาอากาศเย็นก็ดูเหมือนจะก่อตัวขึ้นมาแทบจะในทันที

...ต้นมะม่วงต้นนี้...

เมื่อครั้งกระโน้นมันเคยออกผลเต็มต้นเพื่อเป็นการตอบแทนในการเอาใจใส่แก่ผู้ที่เลี้ยงดูมันเป็นอย่างดี เมื่อมองกิ่งก้านสาขาซึ่งบัดนี้ไม่เหลือลูกผลอีกต่อไปอันเนื่องจากการขาดการดูแลมาเป็นเวลานาน

ภาพเด็กชายวิชัยกำลังปีนป่ายลำต้นและกิ่งก้านเพื่อเก็บผลมะม่วงสำหรับให้ผู้เป็นแม่ทำน้ำปลาหวานก็ปรากฏขึ้นทันที

ที่ใต้ต้นมะม่วงด้านล่างของเด็กชายวิชัย ภาพรางๆ ของใครคนหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างยากลำบาก หญิงวัยกลางคนหน้าตายิ้มแย้ม เขาจำได้ว่าเธอคนนั้นมีอ้อมกอดที่อบอุ่น และ...

...อะไรนะ...

ถึงแม้วิชัยจะพยายามนึกถึงใบหน้าและเรื่องราวต่อจากนั้นอย่างสุดกำลัง หากแต่ผู้เป็นแม่ของเขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยอาการหัวใจวายตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก

...เด็กเกินกว่าที่จะจดจำเรื่องราวต่างๆ ในสมัยนั้นได้...

หลังจากเดินดูรอบบริเวณอยู่พักหนึ่ง วิชัยเดินต่อมายังประตูบ้านซึ่งทำจากไม้เนื้อแข็งอย่างดี เขาลูบบานประตูช้าๆ ฝุ่นหนาร่วงกราวลงมาเกาะยังแม่กุญแจตัวใหญ่ซึ่งถูกคล้องไว้อย่างแน่นหนา

แผ่นหลังของผู้เป็นพ่อกำลังลงกลอนประตูและคล้องกุญแจ กระเป๋าสัมภาระและเด็กชายวิชัยที่ยืนมองภาพเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่ห่างๆ

ในสมัยก่อนมันเคยเป็นประตูที่ดูทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง บานเป็นมันเงาอันเนื่องจากการหมั่นขัดถูดูแล เมื่อก่อนมันดูใหญ่โตมากในความรู้สึก วิชัยเคยรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเสมอเวลาที่ยืนอยู่หลังประตูบานนี้ภายในบ้าน

มันช่วยปิดกั้นความมืดมิดภายนอกออกจากความสว่างภายในตัวบ้าน ประตูที่แบ่งแยกความอบอุ่นออกจากความเหน็บหนาว

หากทว่าบัดนี้มันกลับกลายเป็นเพียงบานไม้เก่าๆ ปราศจากความเงางามและความรู้สึกทรงพลังอีกต่อไป วิชัยปลดกลอนทั้งหมดและผลักบานประตูออกช้าๆ เสียงเอี๊ยดอ๊าดแสบแก้วหูบ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงสภาพของมัน

ภายในบ้านที่แทบจะว่างเปล่านั้นมีสภาพทรุดโทรมไม่แตกต่างต่างภายนอกแม้แต่น้อย หยากไย่และกลิ่นอับชื้นปกคลุมอยู่ทั่วจนวิชัยรู้สึกได้เป็นอย่างดีถึงความน่าอึดอัดที่ก่อร่างขึ้นรอบตัวเขา

แสงจากภายนอกที่สาดสองผ่านช่องหน้าต่างขุ่นมัวและรอยแตกตามฝาผนังทำให้เห็นสภาพภายในตัวบ้านได้ดีขึ้น

แต่ละย่างก้าว รอยเท้าถูกฝากไว้บนพื้นหินอ่อนแทนที่ฝุ่นหนาเตอะที่ถูกสะสมมานาน ที่ตรงนั้น ผู้เป็นพ่อเคยนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงที่ๆ เคยเป็นที่ตั้งของม้านั่งไม้

ที่นั่น ในห้องครัวภาพรางๆ ของผู้เป็นแม่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเย็นมื้ออร่อย และที่หน้าจอโทรทัศน์ขนาดสิบสี่นิ้ว ภาพเด็กชายสองคนกำลังดูการ์ตูนและหัวเราะเล่นหัวกันอย่างสนุกสนาน

ที่บนโซฟานุ่มนั้น เด็กชายวิชัย และ...

...!!!...

ใคร...

...ภาพรางๆ ในความคิดนั้น เด็กชายอีกคนเป็นใคร

วิชัยรู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังจะนึกเรื่องๆ หนึ่งออก เรื่องสำคัญที่เขาเองลืมเลือนมานานแสนนาน ที่บันไดไม้ซึ่งเป็นทางขึ้นลงเพียงทางเดียวของบ้านหลังนี้

ภาพเด็กชายกำลังวิ่งเล่นขึ้นลงบันไดไม้เงาวับ วิชัยวิ่งนำหน้าและเด็กอีกคนวิ่งตามกันขึ้นไปติดๆ เสียงดุไม่จริงจังของผู้เป็นพ่อดังมาจากที่ไหนสักแห่ง เด็กทั้งสองวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบน

วิชัยก้าวช้าๆ ขึ้นบันไดตามเด็กในมโนภาพไป ในบางครั้งบางเสี้ยววินาทีดูเหมือนภาพตรงหน้าจะสว่างไสวขึ้น ราวกับว่าภาพในอดีตกำลังจะไหลทะลักแทรกมิติเวลากลับมาอยู่ตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง

มือข้างหนึ่งกุมขมับเพื่อบีบนวดเบาๆ เหมือนกับว่ามันจะช่วยทำให้เขานึกอะไรออกมาได้บ้าง

ที่ตรงสุดขึ้นบันไดบนชั้นสองนั้นถูกแบ่งแยกออกเป็นสามห้องเรียงรายกันไปตามระเบียงที่ทอดยาวจนสุดทางเดิน

ห้องของพ่อแม่ ห้องของเขา และ...

...อีกห้องเป็นของใคร

ภาพสลับกันไปมาในห้วงความคิดทำให้เขาไม่สามารถแยกแยะสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนตามปกติ วิชัยพาร่างกายที่เริ่มเกิดอาการมึนงงและปวดหัวมากขึ้นตามลำดับมาหยุดอยู่หน้าห้องด้านในสุดของระเบียง

มันเป็นห้องที่เขารู้สึกไม่คุ้นเคยและดูราวกับว่ามันจะไม่ได้มีอยู่ในความทรงจำของเขาแม้แต่น้อย ประตูถูกปลดกลอนออกด้วยความยากลำบากก่อนที่วิชัยจะค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปจับลูกบิดเย็นเยียบตรงหน้าอย่างลังเล

...หลังประตูบานนี้มีอะไร...

วิชัยพยายามนึกและลังเลที่จะเปิดประตูด้วยความรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง หากแต่ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก

ตู้ไม้ขนาดย่อมสภาพคร่ำคร่า เตียงนอนเล็กๆ ซึ่งถูกคลุมด้วยผ้าลายการ์ตูนที่เขาเคยคุ้นเคย ชั้นหนังสือซึ่งบัดนี้หนังสือบนนั้นผุพังไปตามกาลเวลาจนไม่สามารถใช้การใดๆ ได้อีกแล้ว

วิชัยตกตะลึงกับภาพตรงหน้า เหมือนกับว่าเขาจะนึกอะไรออก ห้องที่ไม่อยู่ในความทรงจำนี้ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

...ภาพแบบเดียวกันหากแต่ใหม่กว่าชัดเจนขึ้นและซ้อนทับกับภาพตรงหน้าของวิชัย...

สิ่งต่างๆ ในห้องนี้ดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย ก้นบึ้งแห่งความทรงจำค่อยๆ ล้นทะลักออกมา

เด็กชายสองคนกระโดดตัวเด้งไปมาบนเตียง เด็กชายคนหนึ่งอ่านหนังสือการ์ตูนให้เด็กชายอีกคนหนึ่งฟัง เสียงหัวเราะสดใสของเจ้าของเสียงทั้งสองดังแว่วผ่านกาลเวลา

ภาพครอบครัวที่แสนอบอุ่นซึ่งประกอบด้วยสมาชิกสี่คนปรากฏขึ้น บรรยากาศที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความรักจากผู้เป็นพ่อและแม่

พ่อที่ในครั้งหนึ่งบนใบหน้ามีแต่รอยยิ้มและชอบเล่นหัวกับลูกๆ เสมอ และแม่ซึ่งคอยทำหน้าที่ของผู้เป็นแม่และแม่บ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย

วิชัยเดินออกมาจากห้องราวต้องมนต์สะกด เขาปลดกลอนประตูห้องซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของผู้เป็นพ่อและแม่ของเขา

ภายในห้องยังคงเป็นอยู่อย่างที่มันเคยเป็นเช่นกัน หากเพียงแต่บนเตียงขนาดใหญ่ที่ถูกคลุมด้วยผ้าคลุมซึ่งครั้งหนึ่งเคยขาวสะอาดกลับมีคราบสีน้ำตาลแดงแห้งเกรอะกรังอยู่เป็นวงกว้าง

เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งที่ตีนบันได วิชัยหันกลับไปมองยังต้นเสียงที่แทรกผ่านกำแพงเวลามา

...เด็กชายทั้งสองกำลังวิ่งเล่นอยู่บนบันได เสียงดุของพ่อดังมาจากที่ไหนสักแห่ง เด็กชายทั้งสองวิ่งขึ้นไปชั้นบน สีหน้ายิ้มแย้ม เสียงหัวเราะก้องกังวานไปทั้งบ้าน...

...เด็กชายทั้งสองวิ่งเข้าไปในห้องของพ่อก่อนจะช่วยกันรื้อค้นสิ่งของในห้องนอน น้องชายหยิบวัตถุสีดำเป็นมันเงา ผิวสัมผัสเย็นเยียบขึ้นมาจ้องปากกระบอกไปยังพี่ชาย...

...เสียงหัวเราะร่าเริงดังก้องกังกานอยู่ในโสตประสาท...

วิชัยมองภาพตรงหน้า เนื้อตัวเย็นเฉียบหากแต่เหงื่อกลับผุดขึ้นมาเต็มใบหน้าและแผ่นหลัง รับรู้ได้ทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

“อย่า........................” วิชัยตะโกนอย่างลืมตัวราวกับว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นในวินาทีถัดจากนี้

...และ...

“เปรี้ยงงงงงงงงงงงงง”

พี่ชายล้มลง ของเหลวสีแดงไหลซึมออกมา น้องชายได้แต่ยืนตาค้าง ตัวสั่นเทา หัวใจเต้นถี่แรง

แม่และพ่อวิ่งตามเสียงขึ้นมาดู เด็กชายหันกลับไปมองด้วยน้ำตานองหน้า สายตาตื่นตระหนกแสดงอาการหวาดหวั่นออกมาอย่างไม่อาจปิดบัง

แม่ล้มฟุบลง...

หลังจากนั้นเด็กชายเหมือนกับลืมอะไรบางอย่างก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น เบื้องหน้าของเด็กชาย แผ่นหลังของผู้เป็นพ่อกำลังลงกลอนประตูไม้และหันกลับมาจูงเด็กชายออกจากบ้านไป

...นับจากนั้นมาพ่อก็ไม่เคยยิ้มแย้มอีกเลย...

เด็กชายกำลังแอบมองพ่อของตนเองกำลังร้องไห้อยู่ในห้องซึ่งมีเพียงแสงสลัวยามค่ำคืน มันเป็นความขมขื่นที่พ่อของเขาแบกรับและเก็บมันไว้กับตัวเองมาตลอดจวบจนวันสุดท้ายของชีวิต

“เป็นเพราะพ่อเอง ที่ทำให้เรื่องราวทุกอย่างเป็นอย่างนี้” เสียงสะอื้นไห้กล่าวโทษตัวเองแผ่วเบาราวคนเพ้อดังผ่านของประตูมายังเด็กชายที่ไม่อาจเข้าใจความหมายจวบจนกระทั่งบัดนี้

วิชัยเพิ่งได้รับรู้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของผู้เป็นพ่อในวันนี้ ความจริงที่ว่าพ่อรักเขามาก พ่อย้ายบ้านเพราะไม่ต้องการให้เขาเห็นหรือรับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เขาเป็นผู้กระทำ

พ่อที่คอยแต่จะเคี่ยวเข็ญและไม่เคยเล่นยิ้มหัวกับเขาเลย เพราะต้องการให้เขาได้ดีและเพื่อที่จะปกปิดความอ่อนแอของตนเองไม่ให้เขาเห็น

ความทรงจำทุกอย่างของวิชัยถูกเรียกกลับคืนมา ความจริงที่พ่อไม่อยากจะให้เขาได้รับรู้ตลอดกาล ความจริงที่ว่าเขาเองที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป

ประตูที่ถูกปิดตายบานนั้นได้ถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์แล้ว ประตูซึ่งไม่อาจปิดกั้นความมืดและความหนาวเหน็บภายนอกได้อีกต่อไป

หากแต่ในเวลานี้ที่เมื่อวิชัยได้เดินออกไปท่ามกลางความทรงจำอันมืดมิดและเหน็บหนาวนั้น เขากลับพบว่ายังคงมีแสงสว่างจางๆ สาดส่องลงมาได้เช่นกัน

ภาพอันมัวซัวจากความทรงจำอันคลุมเคลือในวัยเด็กของวิชัยกลับชัดเจนขึ้นภายใต้แสงแห่งความมืดมิดนั้น

และสักวันที่เมื่อวิชัยก้าวผ่านพ้นมันไปได้ ภาพครอบครัวที่เคยขาดหายไปก็จะถูกเติมเต็มและเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง

...รอยยิ้มและความอบอุ่นของพ่อ แม่ พี่ชายและตัวเขาเองจะเจิดจ้าอย่างที่สุดหลังประตูบานนั้น...

จากคุณ : KTHc
เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 20:50:22




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com