 |
ความคิดเห็นที่ 9 |
|
เช้าวันจันทร์ แม่มองเห็นหน้าพ่อดูแปลกๆใม่เหมือนเดิม คุณพระช่วย แม่เสียวสันหลัง มันเย็นวาบไปถึงกระดูก ใม่ใช่ ใม่ใช่อย่างที่เห็นหรอก แม่พยายามหลอกตัวเอง ตอนสาย อาจารย์หมอคนใหม่เป็นผู้ชายหัวหน้าสาย รพ จะแบ่งหมอออกเป็นกลุ่ม แต่ละกลุ่มเรียกว่าสาย เช่น สายสีเหลืองจะออกตรวจคนไข้วันจันทร์ สายสีชมพูออกตรวจวันอังคาร เช่นนี้จนถึงวันศุกร์ อาจารย์ซักถามอาการแล้วสั่งการรักษาทันที X-RAY computer สมอง ให้ส่งคนไข้ลงเลยและขอด่วน(ใม่ต้องรอคิว) ใส่สาย NG(สายยางให้อาหารเหลว) ติต EKG ไว้ตลอดเวลา ให้ยาเพิ่ม -อาหารผสม -ให้ น้ำเกลือ O2 และsuctionต่อฯลฯ ตรวจสอบสัญญานชีพทุก.... ผล X-RAYcomputer สมองมาแล้ว พบว่ามีเส้นเลือดในสมองตีบหลายจุด และที่สำคัญ มีเส้นเลือดตีบที่ก้านสมองด้วย อาจารย์กรุณามาอธิบายให้ฟังที่ตรงประตุห้อง บอกให้ทำใจ คนไข้50-50นะ ยังใม่รับรองความปลอดภัย(ในชีวิต) ตอนนี้หน้าคนไข้ เปลี่ยนไปแล้ว อาจารย์บอก สิ่งที่แม่หลอกตัวเองใม่ยอมรับ พยายามบอกว่าใม่ใช่ๆ ตอนนี้อาจารย์มาตอกย้ำว่ามันจริง อย่าหลอกตัวเองอีกต่อไปเลย ยอมรับเสียเถอะว่าตอนนี้หน้าพ่อเปลี่ยนไปเป็นหน้าคนปัญญาอ่อนโดยสิ้นเชิง พ่อป่วยหนักมาก พ่อจะต้องจากพวกเราไปจริงๆหรือ ขณะพูดคุยกับอาจารย์ แม่ ฟังไป พยายามทำหน้ายิ้มๆไว้ เพราะพ่อจ้องมองใม่วางตา อาจารย์เข้าใจดีและ ตอนท้ายบอกว่า ผมจะพยายามช่วยเต็มที่ คำพูดสุดท้ายของอาจารย์มันเป็นน้ำทิพย์สำหรับแม่ ชื่นใจอย่างบอกใม่ถูก อาจารย์ไปแล้วแม่รีบเดินไปที่เตียงทำหน้ายิ้มเข้าไว้ เห็นคำถามมากมายในแววตาพ่อ พี่พงค์ๆอาจารย์มาบอกว่าใม่เป็นไรแล้วล่ะ ตอนนี้รู้แล้วว่ามันมีปัญหาที่ไหน อาจารย์ได้ให้ยาเต็มที่แล้ว คงต้องให้เวลากับมันหน่อย ขอให้อดทนใจเย็นๆ เป็นใหม่ๆคนไข้จะมีอาการอย่างนี้แหละ เดี๋ยวจะค่อยๆ ดีขึ้นๆเ ป็นลำดับ แล้วก็พูดนี่ โน่น นั่นไปตามเรื่องที่ทำให้พ่อสบายใจเกี่ยวกับตัวเขา ในเมื่อคนไข้ 50-50 เราแทบจะใม่เหลืออะไร การพูดหลอกคนไข้ในทางที่ดีให้เขาสบายใจเราใม่บาป.มิใช่หรือ ตอนนี้แม่เริ่มคิด และคัดกรองเลือกคนที่จะมาเยี่ยมพ่อ โดยอันดับแรกไปขอป้ายที่เขียนว่า ห้ามเยี่ยม ต้องการให้คนไข้พักผ่อน มาแขวนไว้ที่หน้าห้องผู้ป่วย คนมาเยี่ยมเราห้ามเขาใม่ได้เขามีน้ำใจ ต้องอาศัยป้ายของตึกช่วยห้าม บางรายที่สนิทมักจะเป็นผู้ชาย ถ้าจะเข้าเยี่ยม ต้องให้ความร่วมมือ ด้วยการระวังการแสดงออกทางสีหน้าและแแววตา ถ้าคนไข้เห็นสีหน้า และแววตาคนมาเยี่ยมใม่ดี เขาจะใจเสีย และได้ผลเราสามารถคัดแยก พวกสติแตกออกไปได้ ที่สำคัญแม่ใม่อยากให้ใครๆเอาไปพูดว่า พ่อกลายเป็น คนปัญญาอ่อน ไปแล้ว ทุกวันจะมีหน้าม้าเป็นพยาบาล เพื่อนๆ รุ่นน้อง รุ่นพี่ มาเยี่ยมกันเยอะแยะ พยาบาลทุกคนจะแสดงสีหน้าเก่งโดยอัตโนมัติ ในเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นความตาย เราใม่ต้องการให้ใครเสียกำลังใจทั้งนั้น โดยเฉพาะตัวคนไข้ ทุกคนที่ขึ้นมาเยี่ยมเพราะเขารู้ข่าว ว่าพ่อป่วยหนักมาก มาให้กำลังใจครอบครัวเรา พอพวกหน้าม้าเข้ามาในห้อง จะมีแต่คำพูดที่ทำให้คนไข้หัวใจพองโต รู้สึกว่าชีวิตนี้ยังมีความหวัง เช่น -โอ้โฮ พี่พงค์ วันนี้หน้าตาแจ่มใสกว่าวันก่อน อีกนะ นะ นะ เขาก็หันไปพะยักพะเยิดกันถ้าใม่ได้มาดนเดียว แต่จริงๆใม่มีอะไรคืบหน้าแม้แต่นิดเดียว -พี่พงค์ โชคดีน้า ที่ได้อาจารย์......,มาเป็นเจ้าของไข้ อาจารย์เป็นหมอดีเด่นแห่งประเทศไทย ทางด้านอายุรกรรมสมองปี.....เชียวนา .เป็นเรื่องจริงที่เป็นหมอดีเด่น แต่ถ้าระดับอาจารย์มือขนาดนี้ลงมาดูคนไข้เอง นั่นหมายถึงคนไข้คนนั้นอาการหนัก มา ก ก ก หมอรุ่นหลังรับมือไม่ไหวแล้ว พวกเรารู้อยู่เต็มอก -พี่พงค์ต้องพยายามทำตามหมอบอกนะจะได้หายเร็วๆ แทบทุกคนเมื่อเข้ามาก็จะจับแขนจับขาคนไข้ขยับไปมา สอนและสาธิตทำกายภาพไปในเวลาเดียวกัน เป็นการกระตุ้นให้คนไข้มีกำลังใจและให้ความร่วมมือในการรักษา -อดทนนะพี่พงค์ คนไข้ที่เป็นโรคนี้ใหม่ๆก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ ตอนนี้เพิ่งได้ยาแล้วจะค่อยๆดีขึ้น ขอเวลาไห้มันหน่อย พยายามบอกให้คนไข้รู้ว่าลำดับขั่นตอน ของอาการป่วยว่าเขาจะค้องเจออะไรบ้าง -มีคนไข้ที่ตึก(ใครใม่รู้ แต่งเรื่องขึ้นมาเอง) เป็นมากกว่านี้อีกตอนนี้เดินปร๋อแล้ว -แฟน ไอ้...(เพื่อนคนหนึ้ง)ก็เคยเป็นอย่างนี้แหละ ตอนนี้หายแล้ว(ตาย)ฯลฯ ทุกถ้อยคำล้วนแล้วแต่จะช่วยเพิ่มพูนกำลังใจให้พ่อ มีทั้งจริงและใม่จริง เรื่องไหนจริงแต่มันโหดร้ายก็แต่งตอนจบให้มันดี พวกเราต่างพูดคุยกันเป็นตุเป็นตะ เออ ออ ห่อ หมก ดูเป็นเรื่องจิ๊บๆ สนุกสนาน สิ่งไหนที่ไครคิดอะไรได้จะพากันพูดๆ ออกมา จุดมุ่งหมายเดียวกัน คือต้องการให้กำลังใจคนไข้ ใม่ให้ท้อแท้ ร่วมมือในการรักษา ให้มีความหวังและคิดในทางบวกตลอด ว่าตัวเขาเองต้องดีขึ้น ดีขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่า สิ่งที่เราเห็นจริงๆตรงหน้า จะค้านกับความเป็นจริง มันลิบหรี่และเลือนลาง เพื่อน ๆ แทบทุกคนพอออกมาพ้นหอ้งลับตาพ่อ ไอ้วัลย์เอ๋ยฉันสงสารพี่พงค์ สงสารเธอเหลือเกิน เพื่อนมักพูดอย่างนี้ มีเพื่อนรักกันมากมาจาก ต่าง จว เรียน พยาบาลด้วยกัน มาครั้งเดียวแล้วใม่มาเยี่ยมอีกเลย ได้แต่ฝากของมาเยี่ยมเนืองๆ ฝากคนมาบอกว่าเห็นแม่แล้วสงสารมากกลัวจะกั่นน้ำตาใม่อยู่ ฯลฯ เพราะตอนแม่อยู่ในห้องต่อหน้าพ่อ แม่จะยิ้มแย้มพูดคุยเป็นปกติ เสหมือนหนึ่งว่าใม่มีอะไรน่าวิตกกังวลในอาการป่วยของพ่อ ทุกคนก็รู้แม่แสดงละครตบตาพ่อ แต่ทุกคนก็ยินดีร่วมแสดงโดยใม่ได้คิดค่าตัว ถึงพ่อจะรู้อะไรๆ จากหมอคนแรกหมดแล้ว แต่พอพ่อได้ยินที่พวกเราคุยกัน(เป็นเจตนาของพวกแม่ที่ต้องการให้พ่อได้ยิน) พ่อรู้สึกผ่อนคลายทั้งสีหน้า และแแววตาลงได้บ้าง 10วันผ่านไปใม่มีอะไร คืบหน้าแม้แต่น้อย แอบประชุมลับใม่ให้พ่อได้ยิน เรื่องช่วยกันแสดงละครให้พ่อสบายใจ โชคดีที่ลูกเข้มแข็ง เข้าใจ เราทำได้ 3คนจับมือกันแน่น ปอ กลับบ้านค้นเอกสารพ่อทั้งหมด ดูว่าพ่อทำอะไรที่ไหนบ้าง ที่ผ่านมาพ่อรับหน้าที่ทำเองมาตลอดทั้งจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ รับส่งแม่ลูก พาไปเที่ยว พาไปทำบุญ ซื้อกับข้าว งานกุลีกรรมกร ฯลฯพ่อทำหมด พ่อใม่เคยบ่น พ่อรักครอบครัวมาก ใม่มีที่ไหนที่พ่อไปเที่ยวแล้วใม่มีพวกเรา แม้แต่เปิด บ/ช ธนาคาร พ่อเป็นผู้เปิด แต่พ่อใม่เคยสนใจยอดเงิน มีแต่บ/ช รับเงินเดือนเท่านั้นที่มีชื่อแม่ร่วมด้วย ตอนนี้ใม่สามารถถอนเงินออกมาใช้ได้ ใม่บัตร ATM(ตอนนั้นใม่นิยม) พ่อพูดใม่ได้ ให้ข้อมูลอะไรใม่ได้เลยสักอย่างเดียว มีแต่ลูกตาและลมหายใจเข้าออกเท่านั้นที่บ่งบอกว่าพ่อยังมีชีวิตอยู่ มีทางเดียวที่เอาเงินออกมาได้โดยให้น้องพ่อ(ทำอยู่ธนาคาร)แอบถอนเงิน ตอนแรกเขาใม่ยอมทำท่าเดียวกลัวถูกไล่ออกจากงาน ในที่สุดก็ยอมทำให้ มันจำเป็นจริงๆและปิดเป็นความลับมาจนทุกวันนี้ ป้อมยังเล็กนักวันที่ประชุมกัน เขาพูดขึ้นมาตอนหนึ่งว่า แม่ นี่10วันแล้ว แม่ใม่ได้กินข้าวเลยสักมื้อ ถ้าแม่เป็นอะไรไปใครจะดูพ่อ จริงหรือนี่แม่ใม่ได้กินข้าวเลยสักมื้อ ลืมสนิท ใม่หิวเลย เห็นแม่กินแต่น้ำอย่างเดียว ปอเสริม ปอ เป็นคนเงียบๆ พอพ่อป่วยเขาลุกมาเป็นผู้นำได้ทั้งที่เขาอายุ18ปี แล้วลูกพากันไปซื้ออาหารมาให้(เขาซึ้อมาทุกวันแต่ลืมกิน) แม่ต้องมาหัดกินข้าวใหม่ เพราะตักอาหารเข้าปากเคี้ยวๆๆแล้วใม่ยอมกลืน พยายามอยู่หลายวันจึงสำเร็จ ใม่น่าจะเชื่อว่า อายุขนาดนี้ต้องมาหัดกินอาหารใหม่
จากคุณ |
:
liwan
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ธ.ค. 52 20:10:10
A:67.172.212.49 X: TicketID:220203
|
|
|
|
 |