Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ดารากลางหทัย บทที่ ๑๕ : จอมทัพเวียงสบสอง  

บทที่ ๑๕ : จอมทัพเวียงสบสอง


สะเปาใหญ่ของเจ้าหลวงเมืองคำแลเจ้านางเนตรดาราลอยตามกระแสน้ำไปถึงกลางลำน้ำสบสองแล้ว หากเจ้าราชบุตรหนุ่มยังมิทรงยอมปล่อยสะเปาขององค์เองแลเจ้ามิ่งหทัยลงสู่พื้นนทีไม่ วงพักตร์เข้มคมปรากฏรอยแย้มพระโอษฐ์น้อยๆ ด้วยความพอพระทัยหนักหนา ที่ทอดพระเนตรพระราชบิดาบุญธรรมทรงเผลอองค์ปล่อยพระทัยทำตามหทัยเรียกร้องดั่งนั้น ชะรอยเจ้าหลวงเมืองคำคงจักทรงคิดกระมังว่า ภายใต้แสงจันทร์เพ็ญนุ่มนวลแห่งราตรีนี้ ที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเพียงการล่องสะเปา จักมิมีผู้ใดทันมองเห็นฤๅสังเกตสิ่งอันใดรอบกายตนเอาเสียเลย แต่ถึงจักดำริเยี่ยงนั้นจริง ก็มิเห็นเป็นเรื่องแปลกอันใด ในเมื่อบริเวณที่เจ้าหลวงเมืองคำทรงเลือกเป็นที่ล่องสะเปาด้วยเจ้ารอมแพงนั้น เป็นที่ที่มิมีผู้ใดกรายผ่าน ซ้ำยังมีพุ่มไม้บดบังอยู่บางส่วนเสียด้วย หากสายพระเนตรเจ้ากรรมขององค์เองต่างหากที่บังเอิญแลไปสบเข้า แลมิอาจละสายพระเนตรได้เลย ด้วยทรงใคร่รู้ว่าพระราชบิดาจักทรงทำเยี่ยงใด

ปลายนขาคมกริบฝังคมลงกับพระฉวีแห่งหัตถ์ใหญ่ที่เอื้อมประคองทั้งสะเปาแลทั้งหัตถ์เรียวนั้นเสียเต็มที่ ความเจ็บแปลบที่ได้รับนั้น ยังให้คนที่ตั้งพระทัยทอดพระเนตรเสียจนลืมผู้ที่ประทับเคียงใกล้ทรงสะดุ้งเฮือกขึ้นทันใด เมื่อเนตรสีนิลเบนมาทางวงพักตร์งามคม ก็ต้องแย้มพระโอษฐ์แหย ด้วยเจ้านางนิลประภาทอดพระเนตรองค์เองอยู่ด้วยสายพระเนตรที่ทำเอาคนถูกมองถึงกับหนาวๆร้อนๆ แลเกรงพระทัยในคราเดียว

“เจ้านิลหยิกพี่ด้วยเหตุอันใดเจ้า พี่เจ็บหนา”

“ยังจักทรงกล้าถามหนาเจ้า เจ้าพี่ทรงเหม่อทอดพระเนตรแม่ญิงนางใดเจ้า ท่าจักงามใช่น้อยกระมัง จึงทรงลืมข้าเจ้าได้”

สุรเสียงตรัสที่เคยทอดอ่อนหวาน มาบัดนี้ทั้งห้วนแลติดจักเอาเรื่องอยู่ใช่น้อย เจ้าราชบุตรจากเวียงไกลทรงเข้าพระทัยในวาระนั้นเองว่า เจ้ามิ่งขวัญรอมแพงเริ่มจักทรง 'หึง' เอาอีกคราแล้ว ดูท่าว่าหากมิทรงแก้ไขความเข้าพระทัยผิดแล้วไซร้ เห็นทีสิ่งที่จักต้องลอยตามแม่น้ำไปราตรีนี้เห็นจักมิใช่สะเปา  หากเป็นองค์เองแน่เทียว ลมอันใดในโลกที่ว่าร้ายนัก ก็ยังต้องพ่ายแก่ลมเพชรหึงของสตรี เจ้ายอดศึกทรงแจ้งพระทัยกับความข้อนี้ดี แลก่อนที่ลมเพชรหึงในพระทัยเจ้านางนิลประภาจักก่อตัวแรงกว่าที่เป็นอยู่ เจ้าราชบุตรหนุ่มก็จำจักต้องหยุดเอาไว้เสียก่อน สายพระเนตรหวานเชื่อมจับนิ่งเพียงพักตร์งามคมมิเมินมองไปทางใดอีก

“พี่มิได้มองแม่ญิงนางใดเลยหนา เจ้านิล จักให้พี่มองนางใดได้อีกในเมื่อพี่มีเจ้าอยู่แล้วทั้งคนเยี่ยงนี้”

เนตรคมปรายตวัดค้อนถวายเสียวงใหญ่ พระรูปโฉมงามปานแลงดอนจำแลงกายยังมิพอ ยังจักพระวาจาหวานล้ำเยี่ยงนี้นี่เองเล่า เหล่าแม่ญิงน้อยใหญ่จึงชายชม้ายตามาถวายเจ้ายอดศึกอย่างที่มิกลัวจักเสียกิริยาสักน้อย

“มุสาแท้แล้วเจ้า เจ้าพี่ ข้าเจ้าเห็นอยู่กับตา ยังจักกล้าตรัสอีกหรือเจ้าว่ามิได้ทอดพระเนตรผู้ใด”

เจ้านางนิลประภาตรัสสุรเสียงขุ่น ด้วยยังทรงแง่งอนมิยอมเลิกรา

“เจ้านิลของพี่ ฟังพี่สักน้อย คนที่พี่มองอยู่บัดเดี๋ยวนี้คือเจ้าพ่อ แลพี่ก็มิได้มองนางใดแท้หนา ให้แม่พระคงคาเป็นพยานเถิด ว่าพี่มิได้มุสากล่าวเท็จ”

เจ้ายอดศึกตรัสยืนยันความพร้อมกับทรงทำพระเนตรปรอยอย่างงอนง้อกึ่งอ้อนวอนขอ สายพระเนตรดั่งนั้นทำให้เจ้านางนิลประภาอดจักสรวลออกมามิได้ ผู้ใดจักเชื่อว่าบุรุษตัวโตแลเป็นถึงองค์อุปราชทัพจักทรงทำสายพระเนตรเยี่ยงนี้เป็น

“เจ้านิล หายโกรธพี่แล้วใช่หรือไม่เจ้า”

“ยังเจ้า”

“โธ่! แล้วจักให้พี่ทำเยี่ยงใดหนา เจ้าจึงจักหาย”

“ก็ล่องสะเปาเสียทีสิเจ้า น้ำค้างลงหนาแล้วหนาเจ้า ดึกกว่านี้เห็นทีข้าเจ้าจักต้องเป็นไข้ มิได้คุมทัพเวียงสบสองตามเสด็จไปด้วย ข้าเจ้าจักโกรธเจ้าพี่นักกว่านี้”

สดับถ้อยพระวาจาดั่งนั้น เจ้ายอดศึกก็มิทรงรอช้า เร่งทรงอธิษฐาน แลกล่าวคำษมาแม่พระคงคาพร้อมกับทรงกล่าวคำบูชารอยพระพุทธบาทโดยเร็ว เมื่อสองกษัตริย์ทรงประคองสะเปาลงลอยในแม่น้ำแล้ว เจ้าราชบุตรหนุ่มก็ทรงขยับเข้าแนบชิดวรกายบางทันใด ก่อนจักทรงโน้มพักตร์เข้าหาเพื่อฝังพระนาสิกเข้ากับปรางนวลหอมกลิ่นสุคันธาเสียฟอดใหญ่

“อืม แก้มเจ้านิลของพี่หอมแท้ ชื่นใจจัดนัก”

เจ้านางคนงามได้แต่ประทับวรกายแข็ง ด้วยมิทรงคาดว่าอีกฝ่ายจักทรงทำเยี่ยงนี้ท่ามกลางผู้คนมากมาย ปรางนวลผ่าวร้อนแลเป็นสีชมพูเรื่อเห็นชัดใต้แสงเพ็ญบัณรสีสำแดงว่าเจ้าตัวนั้นทั้งเคืองขุ่นแลทั้งอุธัจใช่น้อย หากเจ้าขโมยตัวดีหาได้รู้สึกพระองค์ไม่ กลับฉีกแย้มพระโอษฐ์กว้างอย่างอารมณ์ดี จวบจนเนตรสีน้ำผึ่งขุ่นเขียวแลกลับมาสบนั่นแล้ว บุรุษเจ้าสำราญจึงทรงรู้สึกพระองค์ว่าทรงทำพลั้งผิดไป

“ข้าเจ้ามิใช่นางกลางเวียงหนาเจ้า จักได้มาทรงทำกับข้าเจ้าเยี่ยงนี้ หากมีผู้ใดเห็นเข้า คงค่อนว่าข้าเจ้านี้ใจง่ายยอมปล่อยตัวแลใจให้ชายเชยชมโดยมิมียางอาย”

สิ้นพระวาจานั้น วรกายบางก็ทรงลุกพรวดขึ้นดำเนินหนีไปโดยพลัน ทิ้งให้เจ้าราชบุตรประทับนิ่งงัน ตรัสอันใดมิออกอยู่ริมตลิ่งนั้นเอง กว่าจักทรงรวบรวมพระสติกลับคืนมาแลเสด็จตามไปได้ เจ้านางนิลประภาก็เสด็จไปไกลเสียแล้ว  


ขบวนเสด็จของเจ้านางนิลประภามีอันต้องหยุดชะงักลง เมื่อม้าหนึ่งปราดเข้าขวางหน้าขบวนเสด็จโดยมิพรั่นต่ออาญาสักน้อย ทหารที่ถวายการอารักขารีบชักดาบของตนออกจากฝัก มาตรว่าเจ้าคนบังอาจผู้นี้จักจู่เข้าทำอันตรายนายสาวแล้ว ก็ต้องผ่านคมดาบนับสิบเล่มที่พร้อมจักฝากคมไว้ในร่างของมันไปให้ได้เสียก่อน แต่เมื่อร่างสูงนั้นเผ่นลงจากหลังม้าเดินเข้ามาใกล้ ทหารร่างกำยำก็แปรเปลี่ยนท่าทีเป็นนบนอบแลพากันแหวกออกเป็นทางเดินให้คนผู้นั้นเดินเข้าไปใกล้เสลี่ยงแต่โดยดี

โอษฐ์บางเม้มแน่นมิยอมตรัสอันใดแม้สักครึ่งคำ แลมิทรงยอมปรายเนตรมาทางวรกายสูงที่ทรงยืนเงยพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรองค์เองด้วยท่าทีสำนึกผิดอยู่เบื้องพระพักตร์เสียด้วยซ้ำ มิหนำยังทรงโบกพระหัตถ์เป็นสัญญาณให้ทหารหกนายที่แบกเสลี่ยงเดินผ่านไปเสียด้วย แต่บุรุษเยี่ยงเจ้ายอดศึกมีฤๅจักทรงยอมแพ้โดยง่าย เมื่อเจ้ามิ่งขวัญรอมแพงมิทรงยอมเจรจาอันใดด้วย ก็ทรงเผ่นโผนขึ้นประทับบนเสลี่ยงเดียวกันเสียเลย ทำเอาทหารหกนายนั้นแทบจักทานน้ำหนักเอาไว้มิอยู่ หากมิได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีแล้วไซร้ เห็นทีสองร่างที่อยู่ด้านบนคงพลัดตกลงมาเป็นแม่นมั่น ครั้นจักวางลงเสียโดยมิได้รับคำสั่งก็เกรงพระอาญา จำต้องแบกไว้บนบ่าดังเดิม  

“ทรงทำอันใดเยี่ยงนี้ มีผู้ใดเขาทำกันบ้างเจ้า ลงไปบัดเดี๋ยวนี้!”

“พี่มิลง แลจักตามเจ้ากลับคุ้มเสียด้วย หากเจ้ามิยอมพูดจาด้วยพี่”

เจ้ายอดศึกตรัสหน้าตาเฉย มิทรงสนพระทัยกับสุรเสียงหวีดแหวของอีกฝ่ายสักน้อย เจ้านางนิลประภาทอดพระเนตรท่าทีของทหารแลนางข้าหลวงที่ตามเสด็จพากันก้มหน้าลงซ่อนยิ้ม ก็พักตร์ร้อนผ่าว นับแต่ทรงเจริญพระชันษาขึ้นเป็นสาวเต็มพระองค์ ยังมิมีบุรุษใดอาจหาญกระทำการดั่งนี้มาก่อน ถึงจักทรงมีพระทัยให้ก็เถิด แต่เมื่อคนตรงหน้ากระทำเหมือนหนึ่งจักหมิ่นเกียรติเยี่ยงนี้ ก็หาทรงยอมไม่  

“ชะรอยเจ้าราชบุตรคงทรงทำเยี่ยงนี้กับแม่ญิงอื่นเสียจนเคยกระมัง จึงทรงคิดว่าข้าเจ้าเป็นดั่งนั้นด้วย ทรงเห็นแม่ญิงเป็นของเล่นที่จักทำอย่างใดก็ได้เยี่ยงนั้นฤๅเจ้า”

พระวาจานั้น แม้เจ้าตัวจักตรัสด้วยสุรเสียงเรียบเฉยก็ตาม หากก็ทำเอาคนฟังถึงกับสะอึก แลพักตร์ชาใช่น้อย จริงแล้ว พระองค์ทรงทำตามพระทัยตนเป็นที่ตั้ง จนทรงลืมที่จักคิดถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเสียสนิท กระนั้นก็ยังทรงแข็งพระทัยตรัสตอบ

“พี่ขอสุมาเถิดเจ้านิล พี่มิได้มีเจตนาจักทำให้เจ้าต้องได้อายเลยสักน้อย แต่สิ่งเดียวที่จักยืนยันกับเจ้าได้ก็คือ ทุกสิ่งที่พี่ทำไปนั้น พี่ทำเพราะรักเจ้าด้วยใจจริง พี่เข้าใจไปเองว่าเจ้าจักต้องเข้าใจพี่อย่างที่พี่ต้องการให้เป็นไป เอาเถิด หากที่พี่ทำไปทั้งหมดนี้ทำให้เจ้าต้องเคืองขุ่น พี่ก็ขอสุมาอีกครา”

ตรัสจบ วรกายสูงก็ทรงโดดลงจากเสลี่ยง ดำเนินกลับไปยังม้าตัวเดิม แลโหนองค๋เองขึ้นประทับบนหลังของมัน ก่อนจักทรงใช้พระบาทกระทุ้งสีช้างของมันให้วิ่งออกไปโดยที่มิยอมหันกลับมาทอดพระเนตรวรกายบางอีกเลย เจ้านางนิลประภาตรัสมิออกเมื่อทอดพระเนตรกิริยาเยี่ยงนี้เข้า พระทัยหายวาบด้วยทรงสำคัญว่าเจ้ายอดศึกกริ้วเสียแล้ว แต่ก็มิได้ตรัสเรียกรั้งเอาไว้ด้วยทิฐิแลขัตติยมานะที่ทรงมีนั้นเอง

*** มีต่อค่ะ

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 52 17:19:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com